Good Morning News30 ตุลาคม 2556

ชื่อ:  กาแฟยามเช้า3.PNG
ครั้ง: 13
ขนาด:  641.4 กิโลไบต์



General News
----------------


• ยอดค้าปลีกของสหรัฐเดือน ก.ย. ชะลอตัวลง 0.1% จากยอดขายรถยนต์ที่ลดลง ซึ่งเป็นผลของการนำเอายอดขายรถช่วงหยุดวันแรงงานเข้าไปรวมในเดือน ส.ค. แต่หากไม่รวมยอดขายรถแล้ว จะขยายตัว 0.4% บ่งชี้ว่าผู้บริโภคยังรจับจ่ายเพิ่มขึ้น ป็นสัญญาณที่ดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

• ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐเดือน ก.ย. ลดลง 0.1% เมื่อเทียบรายเดือน จากราคาอาหารที่ลดลง ส่งสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป

• ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือน ต.ค.ลดลงสู่ 71.2 จาก 80.2 ในเดือน ก.ย. จากการปิดหน่วยงานชั่วคราวของรัฐบาล และความขัดแย้งในเรื่องงบประมาณ (Conference Board)

• อัตราว่างงานของญี่ปุ่นเดือน ก.ย. ลดลงสู่ 4.0% จาก 4.1% ในเดือนก่อน นำโดยการจ้างงานของภาคก่อสร้างและการค้า จึงเป็นปัจจัยบวกที่อาจส่งผลให้การบริโภคภายในปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

• การใช้จ่ายภาคครัวเรือนของญี่ปุ่นเดือน ก.ย.ปรับตัวขึ้น 3.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 6 เดือน จากการจ้างงานที่แข็งแกร่งมากขึ้น และผู้บริโภครีบซื้อสินค้าก่อนที่ภาษีมูลค่าเพิ่มจะถูกปรับขึ้นในปีหน้า

• IMF ระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวด้วยแรงผลักดันจากนโยบายรัฐ ซึ่งการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการคลังเพื่อบรรเทาหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม มันอาจส่งผลกระทบต่อการบริโภคภายใน ดังนั้น รัฐบาลต้องหาจุดสมดุลในการปฏิรูปทางการคลังที่เอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจเท่าที่จะเป็นไปได้

• ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้เดือน ก.ย.เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 20 ติดต่อกันสู่ 6.75 พันล้านดอลลาร์ จากยอดส่งออกสินค้า กับภาคบริการซึ่งรวมถึงการท่องเที่ยวและการขนส่งสูงขึ้น

• ธ.กลางอินเดียมีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเป็นครั้งที่ 2 ติดกันเป็น 7.75% จากเดิม 7.5% เพื่อช่วยลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากการอ่อนค่าลงของเงินรูปีและราคาน้ำมันมันที่เพิ่มขึ้น

• ธ. กลางสิงคโปร์คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อในระยะสั้นจะสูงขึ้นสู่ 2-3% จากปัจจุบันที่ 1.5-2.0% ซึ่งเป็นผลของมาตรการสกัดกั้นแรงงานต่างชาติที่ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานของธุรกิจเพิ่มขึ้น

• มูลค่าการส่งออกข้าวไทยใน9 เดือนแรกปีนี้ลดลง 3.8% เมื่อเทียบรายปี เป็น 96,402 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณส่งออกลดลงและราคาข้าวไทยมีแนวโน้มอ่อนตัวลง อีกทั้งยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนามและอินเดีย ที่เร่งส่งออกข้าวอย่างต่อเนื่อง

Equity Market
---------------


• SET Index ปิดที่ 1,455.86 จุด เพิ่มขึ้น 6.24 จุด (+0.43%) ด้วยมูลค่าซื้อขายเบาบางที่ 23,964 ล้านบาท โดยดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ โดยที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระทบกับตลาด ประกอบกับนักลงทุนยังคงรอความชัดเจนในประเด็นการลดวงเงินภายใต้มาตรการ QE จากการประชุม FOMC ในขณะที่ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า FED จะยังคงวงเงินภายใต้มาตรการ QE ไว้ที่ 8.5 หมื่นล้านดอลล่าร์ / เดือนต่อไปอย่างน้อยจนถึงสิ้นปี

(ล้านบาท)

นักลงทุนสถาบัน -268.54
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ -113.45
นักลงทุนต่างชาติ -34.45
นักลงทุนทั่วไป +416.44

•ความกังวลทางการเมือง กำลังจะกลับมากดดันตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง เนื่องจาก

1. จะมีการประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม วาระ 2 ในวันที่ 31 ต.ค.- พ.ย. แล้วจะลงมติวาระ 3 ต่อทันทีในวันเสาร์ที่ 2 พ.ย.นี้

2. อัยการสูงสุด สั่งร่างคำฟ้อง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ เป็นผู้ต้องหาข้อหาร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานฆ่าและ พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา จากกรณีสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช. เมื่อปี 2553 ซึ่งหากไม่ใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง ก็จะยื่นฟ้องได้ทัน 31 ตค.นี้

3. สุเทพ เทือกสุบรรณ เป่านกหวีดเรียกประชาชนแต่งชุดดำมารวมตัวกันที่สถานีรถไฟสามเสน ในเวลา 16.00 น. วันที่ 31 ต.ค.เป็นต้นไป เพื่อต่อต้านกฎหมายล้างผิด

4. ศาลโลกจะมีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ในวันที่ 11 พ.ย.

Fixed Income Market
------------------------



• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้น 0.00-0.03% ในตราสารที่มีอายุเกิน 3 ปีจากแรงเทขายของนักลงทุนโดยเฉพาะต่างชาติ เพื่อทำกำไรบางส่วน และรอผลการประชุม FOMC สำหรับวันนี้ไม่มีการประมูลพันธบัตร

• รัฐบาลอินโดนีเซียจะออกพันธบัตรสกุลเงินยูโรและเยนครั้งแรกปีหน้า เพื่อรับมือปริมาณดอลลาร์ที่อาจตึงตัวขึ้นจากการลดมาตรการ QE ของ FED ซึ่งอาจทำให้ระดมทุนได้ไม่ต่อเนื่อง