วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556

กบข.ปรับพอร์ตปั่นยีลด์ กองทุนรวม ประกัน วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2556

กบข.ปรับพอร์ตปั่นยีลด์

กองทุนรวม ประกัน วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2556 
ผู้เข้าชม : 0 คน 

กบข.มั่นใจผลตอบแทนทั้งปีไม่ต่ำ 7.8-8% แม้ตลาดหุ้นไทยจะเผชิญกับความผันผวน เตรียมลุยหุ้นนอกประเทศมากขึ้น  ล่าสุด รอครม.อนุมัติแผนเพิ่มเพดานลงทุน

นางโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า แนวโน้มการทำผลตอบแทนปีนี้ มั่นใจว่าผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต่ำกว่าช่วงปีที่ผ่านมาที่ทำได้สูงถึง 7.8-8% แม้ว่าตลาดหุ้นไทยช่วงปีนี้มีความผันผวนค่อนข้างมากก็ตาม ซึ่งความผันผวนดังกล่าวส่วนใหญ่มาจากปัจจัยลบภายนอกประเทศเป็นหลัก
เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนให้ตรงตามเป้าหมาย กบข. ปรับพอร์ตการลงทุนต่อเนื่องให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุนนอกประเทศ ปัจจุบันกบข.มีสัดส่วนการลงทุนดังกล่าว 15% ซึ่งตราสารทุนนี้สร้างผลตอบแทนระดับสูง 15-20% เมื่อเทียบกับการลงทุนในตราสารทุนไทยทำกำไรได้น้อยกว่ามาก
การปรับแผนการลงทุนดังกล่าว กบข.จำเป็นต้องย้ายแหล่งการลงทุนใหม่ไปยังตลาดทุนโลกมากขึ้น แต่เพดานการลงทุนในตลาดทุนต่างประเทศของ กบข.ในปัจจุบัน มีอัตราการลงทุนเต็มเพดานที่ 25% ตาม พ.ร.บ.กบข.ที่กำหนดไว้ ล่าสุด กบข.ขอเพิ่มเพดานดังกล่าวจากกระทรวงการคลังตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติเห็นชอบต่อไป
การเพิ่มเพดานการลงทุนดังกล่าว จะเพิ่มจาก 25% เป็น 35% จากเพดานขอได้สูงสุดที่ 40% การเพิ่มเพดานการลงทุนนี้ กบข.จะนำเม็ดเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ตลาดหุ้นยุโรป และตลาดหุ้นญี่ปุ่น ซึ่งตลาดหุ้นเหล่านี้สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับสูง เมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแผนลดวง QE ลงทุน ส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศมีการไหลกลับไปยังตลาดสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่นมากขึ้น ทำให้ตลาดทุนเหล่านี้สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้ในระดับสูง
สัดส่วนการลงทุนของ กบข. ในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น หุ้นไทย 10% หุ้นโลก 15% ตราสารหนี้ 60.5% ตราสารหนี้โลก 6.2% โครงสร้างพื้นฐาน 0.5% โภคภัณฑ์ 0.8% อสังหาริมทรัพย์ไทย 4% อสังหาริมทรัพย์โลก 1% และไพรเวสฟันด์ 1.2% โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 62,000 ล้านบาท ขณะที่มีสมาชิกรวมประมาณ 1.2 ล้านราย
นางโสภาวดี กล่าวว่า สำหรับทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ยังคงมีความผันผวนต่อเนื่อง เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศมีการไหลกลับไปค่อนข้างมาก เพราะผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ตลาดหุ้นยุโรป และตลาดหุ้นญี่ปุ่นให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูงกว่าตลาดหุ้นไทย ผลตอบแทนที่ได้จากตลาดหุ้นสหรัฐเฉลี่ยที่ 15-20% ส่วนตลาดหุ้นยุโรปผลตอบแทนอยู่ที่ 10% ซึ่งปัจจัยบวกเหล่านี้ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีการขนเงินกลับไปจำนวนมาก
ในส่วนของตลาดทุนไทย แม้จะเจอความผันผวนเข้ามากระทบอยู่บ้าง แต่แนวโน้มเงินลงทุนนอกยังมีโอกาสไหลเข้ามา หากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในระดับดี ผลการดำเนินงานของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บจ.) ยังอยู่ในระดับดี
ส่วนทิศทางการลงทุนช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้ เชื่อว่าการขยายเพดานหนี้สหรัฐคลี่คลายลงไปบ้าง ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนน้อยลง ประกอบกับเม็ดเงินลงทุนจากกองทุน LTF และ RMF ช่วงปลายปีจะช่วยกระตุ้นตลาดฯได้ดีระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม สำหรับหลักทรัพย์ที่เหมาะกับการเข้าลงทุน ยังคงเป็นหลักทรัพย์กลุ่มธนาคาร สื่อสาร พลังงาน และรับเหมาต่อสร้าง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น