วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ข่าวหุ้นพาดหัวเหมือนหนังสือพิมพ์เน่า

ทักษิณทุบหุ้นไทยเละ
ต่างชาติสบช่องลุยซื้อ
โต้ง’ กู้วิกฤติหิ้ว 11 บจ.โรดโชว์สหรัฐฯ

ข่าวหน้าหนึ่ง วันอังคารที่ 22 ตุลาคม 2556 
ผู้เข้าชม : 20 คน 

กฎหมายนิรโทษกรรมทำพิษ ป่วนตลาดหุ้น กดดัชนีวูบ 36.18 จุด มาที่ 1,448.54 จุด เปลี่ยนแปลง 2.44% นักลงทุนต่างชาติรีบชิงซื้อ นักวิเคราะห์มองผันผวนระยะสั้น แนวรับ 1,420-1,440 จุด แนะกลุ่มธนาคาร และหุ้นตัวเล็กพื้นฐานดี ด้าน “กิตติรัตน์”  จับมือตลาดหลักทรัพย์ฯ และ บล.เคที ซีมิโก้ พา 11 บจ.ชั้นนำ อาทิ BCP, BECL, CENTEL, NOK, RATCH ฯลฯ โรดโชว์สหรัฐฯ
           วานนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปิดลบ 36.18 จุด มาที่ 1,448.54 จุด เปลี่ยนแปลง 2.44% ต่ำสุดนับจากระดับปิด 1,434.66 จุดเมื่อวันที่ 9 ต.ค. ระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,485.67 และต่ำสุดที่ 1,446.40 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 45,456.13 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,061 ล้านบาท
           นายรณกฤต สารินวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความผันผวนของตลาดหุ้นไทยวานนี้ เป็นผลมาจากปัญหาทางการเมืองภายในประเทศเป็นหลัก กรณี พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลค่อนข้างมาก เนื่องจากประเด็นนี้มีความชัดเจนเพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนหวั่นว่าประเด็นดังกล่าวจะนำไปสู่การชุมนุมประท้วง
            อย่างไรก็ตาม มองว่า สถานการณ์ดังกล่าวเป็นความผันผวนระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากปัญหาทางการเมืองไทยในช่วงที่ผ่านมามีผลต่อตลาดหุ้นค่อนข้างน้อย แต่การปรับฐานในรอบนี้ เป็นเพราะความชัดเจนของปัญหามีมาก ทำให้นักลงทุนเกิดความกลัว
           ประกอบกับเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาค่อนข้างน้อย ทำให้ความแข็งแกร่งของตลาดมีน้อยมากพอเจอประเด็นดังกล่าวเข้ามากระทบอีกรอบ ตลาดจึงเกิดความผันผวนหนักสวนตลาดทุนอื่นอย่างชัดเจน
           ความผันผวนนี้ เชื่อว่า เป็นเพียงระยะสั้นไม่เกิน 1 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ความผันผวนที่เกิดขึ้นดัชนีมีโอกาสหลุด 1,400 จุดได้ แต่โอกาสเป็นไปได้น้อยมาก ทั้งนี้ ดัชนีมีโอกาสมาพักที่ระดับ 1,420-1,440 จุด  ส่วนแนวต้านอยู่ที่ระดับ 1,477-1,480 จุด
           ด้านนักลงทุน แนะว่า ควรติดตามสถานการณ์การลงทุนอย่างใกล้ชิด ส่วนหลักทรัพย์ที่เหมาะแก่การลงทุน ยังคงแนะหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มหุ้นขนาดเล็กต่างๆ ที่มีคุณภาพดี ส่วนหุ้นกลุ่มก่อสร้างควรชะลอการลงทุนออกไปก่อน
           นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด กล่าวว่า การที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงสวนทางตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวานนี้  (21 ต.ค.) เป็นผลมาจากเรื่องการเมืองในประเทศ จากกรณีที่มีการแก้ไขสาระสำคัญในร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้ครอบคลุมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและทำให้จำนวนผู้ชุมนุมทางการเมืองเริ่มมีมากขึ้น แม้รัฐบาลพยายามจะป้องกันไม่ให้คนเดินทางเข้ามาสมทบกับการชุมนุมในกรุงเทพฯ
           ดังนั้น คงจะต้องรอดูว่าปัจจัยการเมืองจะร้อนแรงขึ้นหรือไม่ นอกจากนี้ เงินบาทวานนี้  (21 ต.ค. 56) อ่อนค่าลง ซึ่งคาดว่า อาจจะมาจากการที่นักลงทุนต่างชาติชะลอซื้อหุ้นไทย ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมากกว่าตลาดภูมิภาค
           นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)  กล่าวว่า ตลท.ได้ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) และบริษัท Auerbach Grayson & Company ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำของสหรัฐอเมริกาที่มีเครือข่ายทั่วโลก จัดงาน "Thailand Conference" ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา 24-25 ตุลาคม 2556 โดยได้รับเกียรติจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้ข้อมูลแก่ผู้บริหารกองทุนด้านนโยบายภาครัฐของไทย ในปาฐกถาพิเศษ  “Positioning Thailand For The Challenge In The Rotation World”
           ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์เตรียมนำเสนอข้อมูลศักยภาพตลาดหุ้นไทยในหัวข้อ “Thailand Growth Opportunities” แก่ผู้จัดการกองทุนที่เข้าร่วมงาน โดยชูประเด็นความพร้อมของตลาดทุนไทยในการรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจภูมิภาค และความแข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนไทยที่มีความสามารถในการดำเนินงานและมีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจแม้ในภาวะตลาดผันผวน ตลอดจนพัฒนาการและผลิตภัณฑ์ใหม่ของตลาดหลักทรัพย์ พร้อมนำบริษัทจดทะเบียนไทย 11 บริษัท จาก 5 กลุ่มอุตสาหกรรมร่วมให้ข้อมูลกับผู้ลงทุนสถาบันโดยตรงในรูปแบบการประชุม one-on-one
            นายชัยภัทร ศรีวิสารวาจา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การ จัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ผู้ลงทุนสถาบันของสหรัฐอเมริกาได้พบกับบริษัทจดทะเบียนที่มีศักยภาพการเติบโต พร้อมทั้งแสดงให้เห็นความน่าสนใจของการลงทุนในตลาดไทยในภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 การเกิดประเทศเศรษฐกิจใหม่ เช่น ประเทศเมียนมาร์ การเติบโตของประเทศในกลุ่ม GMS  รวมทั้งแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนเข้ามาในภูมิภาคมากขึ้นในอนาคต และที่ผ่านมา ตลาดทุนไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่มีความโดดเด่นด้วยอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนตั้งแต่ปี 2553 ถึงปัจจุบัน เฉลี่ย 25% ต่อปี”
            บริษัทจดทะเบียนที่ร่วมโรดโชว์ครั้งนี้ 11 บริษัท ได้แก่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP), บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ(BECL), บมจ. โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL), บมจ.จีเอฟพีที (GFPT), บมจ.อสมท(MCOT), บมจ.แม็คกรุ๊ป(MC), บมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK), บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH), บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART), บมจ.แสนสิริ (SIRI) และ บมจ. ไทยคม (THCOM) ซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market capitalization) รวมกัน 360,243 ล้านบาท (ข้อมูล ณ 18 ต.ค. 2556)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น