โดย...ภาววิทย์ กลิ่นประทุม ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)
ชื่อ:  57B735D414D14361845DB6B1F465D307.jpg
ครั้ง: 507
ขนาด:  69.1 กิโลไบต์

วันนี้เห็นข้อความร่อนอยู่ใน Internet ที่เขาพูดว่า “สิ่งที่เสียดายที่สุดคือ ก่อนตายยังใช้เงินไม่หมด แต่สิ่งที่สลดมากกว่า คือ ใช้เงินหมดแล้วยังไม่ตาย” อ่านแล้วขำ ฮ่า ฮ่า “มันโดนอ่ะ” แน่นอน มันโดนทุกคน แล้วไอ้ที่โดนมากกว่าคือ “สลด” เพราะเดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่คนเงินจะหมดก่อนตายแน่นอน

ช่วงปี 2556 เป็นปีที่ธนาคารกรุงเทพลุกขึ้นมาทำโครงการอันหนึ่ง ซึ่งผมได้เป็นหนึ่งในแม่งาน คือ เป็นหนึ่งในวิทยากรหลักของโครงการว่างั้นเถอะ ที่มาคือ ท่านประธานธนาคารกรุงเทพ ท่านโฆสิต ท่านเล็งเห็นว่าวันนี้คนส่วนใหญ่กำลังเข้าสู่ Zone สลด เพราะวันนี้ไม่ว่าจะเดินไปไหนก็มีแต่กระแสกระตุ้นให้เอาเงินอนาคตมาใช้ ...ใช่!! คือ ทุกกระแสล่อลวงรายย่อย ลูกค้าตาดำๆ เข้าสู่วังวนของหนี้ ซึ่งไม่ใช่หนี้ธรรมดา เพราะถ้าหนี้ธรรมดานั่นคือหนี้ประเทศ อย่างอเมริกา พอเป็นหนี้เขาก็พิมพ์เงิน หรือทำ QE เอามาจ่ายหนี้ “นั่นประเทศอเมริกา เขาพิมพ์เงินเท่าไหร่ก็ได้ ถ้าผมเป็นผู้นำประเทศอเมริกา ผมไม่ต้องคิดอะไรมาก คือถ้าประเทศมีปัญหาเศรษฐกิจ ผมก็พิมพ์เงิน แล้วผมก็จะประกาศให้โลกรู้ว่าต่อไปนี้อเมริกาจะเลิกทำงาน เพราะเสียเวลา นั่งพิมพ์เงินอย่างเดียว นอนเฉยๆ เงินหมดก็พิมพ์เงิน ดีไหม !!”

จาก Case อเมริกา ถ้าวิเคราะห์กันลึกๆ มันเหมือนเรา โง่กันทั้งโลกนะ แต่บอกตรงๆ มันไม่เป็นแบบนี้ตลอดหรอก เดี๋ยววันนึงความจริงก็จะปรากฏ แล้วเราทุกคนจะรู้ว่าเงินดอลลาร์มันคือแบงก์กงเต๊ก !!...เอาล่ะ ช่างอเมริกาเถอะ มันคงกินเวลานาน กว่าเงินกระดาษจะกลายเป็นกระดาษจริงๆ แต่สิ่งที่เร่งด่วนกว่าคือวันนี้หนี้สินของคนมันก็พุ่งขึ้นไม่แพ้หนี้ประเทศ

วันนี้ถ้ามองไปรอบๆ ตัว เราจะเห็นคนส่วนใหญ่ชนชั้นกลางเป็นหนี้อย่างน้อย หนึ่งอย่าง ที่มีแน่ๆ ก็หนี้บัตรเครดิต หนี้บ้าน หนี้รถยนต์ (โดยเฉพาะหนี้รถยนต์คันแรก คิดแล้วฮา กู้เงินซื้อ Asset ด้อยค่า พอจ่ายหนี้หมด ไอ้ Asset ด้อยค่าอย่างรถยนต์ก็ราคาลดๆๆๆ จนเป็นเศษเหล็ก ก็ประมาณว่าเป็นหนี้หัวโต ผ่อนขยะ แถมไม่ใช่ขยะธรรมดา เป็นขยะที่สร้าง “รายจ่ายประจำ” หนึ่ง ค่าน้ำมัน สอง ค่าบำรุงรักษา สาม ค่าประกัน บลา บลา ค่าซ่อม ค่า... ใช่ ฆ่ากรูดีกว่า...555) และก็หนี้อื่นๆ มากมาย โดยเฉพาะที่เราเรียกว่า Personal Loan

เท่นะ คำว่า Personal Loan สมัยตอนผมเอ๊าะๆ ทำงานที่ออสเตรเลีย ผมอ่านเจอหนังสือเล่มหนึ่งที่สอนให้ผม Leverage แล้ว Maxed Out ถ้าแปลเป็นภาษาไทยก็คือ “ถ้าอยากรวยเร็วๆ ให้ทำยังไงก็ได้ ให้กู้ให้ได้มากที่สุด เริ่มจากกู้บัตรเครดิตให้เต็มวงเงิน สมัครมัน 10 ใบ กู้มันเต็มทั้งหมด กู้บ้านให้มากหลังที่สุด กู้พร้อมๆ กัน ธนาคารจะได้อนุมัติหลายๆ หลังพร้อมกัน จะได้หัวบาน เวลาจ่ายคืน แบบทวีหนี้ทบต้น พูดง่ายๆ ว่า ทำอย่างไรก็ได้ให้ก่อหนี้ให้มากที่สุด” คุณรู้ไหมว่าบทสรุปของผู้ชายที่ชื่อ ภาววิทย์ กลิ่นประทุม ในเวลาที่ชีวิต Maxed Out หนี้ มันโหดร้ายขนาดไหน และมันจะโหดมากหากคุณอัดหนี้เต็มปอด แล้วเศรษฐกิจเข้าสู่วิกฤต ..ใช่!! นั่นคือประสบการณ์ตรงของผม อัดหนี้เต็มปอด ขยายธุรกิจ ในเวลาที่ทุกอย่างใกล้จะพัง ครับ!! ผมไม่ได้โชคดีเหมือนเศรษฐีหมื่นล้านคนอื่นๆ ผมพัง ผมเจอวิกฤตเต็มๆ สิ่งที่ผมคิดตลอดในเวลานั้นคือ “ผูกคอตายดีไหม” เอาล่ะ ถ้าคุณลองคิดตาม คนอย่างผม บ้านพอมีเงิน แต่ทำไมผมถึงต้องเครียดสร้างหนี้ แล้วอยากรวยด้วยตัวเองให้เร็วที่สุด แต่สิ่งที่ผมได้ คือ “ความเครียด” คือเครียดระดับใกล้ผูกคอตาย ก็ถือว่าเครียดมาก และถ้าให้ผมสรุป ผมฟันธงเลยว่า สิ่งที่ทำให้ผมเครียดก็คือ “หนี้” นั่นแหละ

การสร้างหนี้เป็นสิ่งที่ดี หากคุณเป็นประเทศอเมริกา เพราะมันไม่ต้องจ่าย ทั่วโลกจ่ายให้ แบกให้ แต่สำหรับคนธรรมดาอย่างคุณและผม การสร้างหนี้ในจุดเริ่มต้น ถือว่าคุณกำลังฆ่าตัวตาย Commit Suicide ทางการเงิน

เล่ามาตั้งนานจะเข้าประเด็นว่า โครงการของธนาคารกรุงเทพ|ที่ท่านประธานโฆสิตริเริ่มคือ “การเงินมั่นคงกับครอบครัวบัวหลวง” ก็คือเอาบริษัทลูกอีก 4 บริษัท เข้ามารวมกับธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นแม่ รวมกัน ทำภารกิจ Power Ranger เพื่อเดินสายเตือนสติลูกค้าทั่วประเทศ โดยการจัดสัมมนาให้ความรู้ในเรื่องการบริหารการเงินแบบครบวงจร

จริงดิ !! คุณว่า “การเงินมั่นคงทำได้จริงหรือ” หรือการรวยเร็วมันดีกว่า คุณคิดว่าอย่างไร เอางี้ บทความหน้าผมจะเอาเรื่องของการเปลี่ยน Mindset รายย่อย เรื่องการเงินมาเล่าให้ฟังว่า Power Ranger หรือผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านเขาพูดว่าอย่างไร ออมเงินดีจริงหรือ แล้วประกันชีวิตทำไม ประกันรถยนต์ก็พอ เพราะรถยนต์สำคัญกว่าประกันชีวิตเรา จริงดิ หรือประกันภัยมีไว้ให้คนจน เพราะคนรวยเขารับความเสี่ยงเอง จริงดิ แน่ใจหรือ โอเค อาทิตย์หน้ามาคุยกัน ??