เข้าใจตลาดผู้บริโภคผ่านยุคแต่ละ Generation
ในยุคปัจจุบันนั้น ดูเหมือนความคิดเห็น และการใช้ชีวิตที่แตกต่าง จะเป็นเรื่องธรรมดาของสังคม ตัวผมเองก็เห็นตัวอย่างอยู่เรื่อยๆที่ผู้ใหญ่บ่นไม่เข้าใจเด็กสมัยนี้ หรือเจ้านายเบื่อหน่ายลูกน้องที่มีความคิดแหวกแนวไม่ทำตามคำสั่ง รวมทั้ง เด็กวัยรุ่น ที่ต่อต้านการทะเลาะกันของผู้ใหญ่ ทำให้อยากมีชีวิตอิสระเป็นของตัวเอง
ที่อเมริกา มีการแบ่งยุคของคนแต่ละวัย และนิสัยโดยรวม ในยุคปัจจุบันที่อยู่ในตลาดแรงงานออกเป็น 3 Generation นะครับ ไม่ว่าเราอยู่ในยุคไหน ก็ลองอ่านดู เผื่อจะเข้าใจคนในยุคอื่นๆได้มากขึ้น

1. Baby Boomer หรือ Generation B เป็นกลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ.2489-2507 คนเหล่านี้เกิดมาภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบไปแล้ว พอสงครามสงบลงสุขมากไงครับ กลับมาแต่งงานมีลูกดกทีเดียว (อย่างพ่อแม่ผม มีญาติเยอะเลยเหลือเกิน ครอบครัวใหญ่ พี่ป้าน้าอา เต็มไปหมด) คนที่เป็น Gen-B รับแนวคิดที่ว่า พ่อแม่ของเขาลำบากมาเกือบตลอดชีวิต เริ่มตั้งแต่ จาก Great Depression เมื่อ พ.ศ.2472 และตามมาด้วยสงครามโลกครั้งที่สอง จากนั้นก็เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทยเมื่อ พ.ศ.2475

Gen B เลยโตขึ้นมาด้วยความเข้าใจที่พ่อแม่ลูกฝังเรื่อง การทำงานหนัก เคารพกฎ กติกา และมีความอดทนสูง ให้ความสำคัญกับผลงาน รู้จักรอ แม้ว่าจะต้องใช้เวลา สร้างเนื้อสร้างตัว การแนวคิดนี้มาตลอดชีวิต Gen B จะมีความทุ่มเทกับการทำงาน จนบางครั้ง เหมือนจะให้ความสำคัญของครอบครัวรองลงมาจากงานด้วยซ้ำ จะสังเกตุได้เลยว่าคนกลุ่มนี้ไม่เปลี่ยนงานบ่อยมีความจงรักภักดีกับองค์กรสูง

2. Generation X เป็นกลุ่มเกิดระหว่างปี พ.ศ.2508-2522 คนกลุ่มนี้ก็คือลูกหลานของ Gen B ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงแห่งความสงบสุขของโลกในภาพรวม จะมีก็วิกฤตเบาๆ อย่างช่วงต้มยำกุ้ง ถึงล้ม แต่ด้วยอายุที่ยังน้อย ก็สามารถลุกขึ้นสร้างตัวใหม่ได้ เป็นยุคที่ความมั่งคั่ง (Wealth) ขยายไปทั่วโลก อิทธิพลของระบบทุนนิยมเริ่มเห็นชัดเจน จำนวนการเกิดของเด็กช่วงนี้ลดลงมาก เพราะ Gen B มีเยอะไปแล้ว การคุมกำเนิด จึงเป็นสิ่งที่คนรุ่นนี้รับรู้ และดูจะต่อต้านครอบครัวใหญ่อยู่เล็กๆ

คนที่เกิดในช่วงนี้เติบโตขึ้นมาได้เห็นการดำเนินชีวิตของพ่อแม่ และส่วนใหญ่มองเห็นความกดดัน พวกนี้จึงไม่เห็นด้วย ทำให้คนยุคนี้ลักษณะพฤติกรรมชอบอะไรที่ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องเป็นทางการ ให้ความสำคัญกับเรื่อง Work-life Balance เพราะพ่อแม่ไม่มีเวลาดูแลตัวเองตอนเด็กอย่างที่ตัวเองต้องการ

มีแนวคิดและการทำงานในลักษณะชอบเรียนรู้ อยากรู้ทุกอย่าง สามารถทำทุกอย่างได้เพียงลำพัง ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร แต่มีความคิดเปิดกว้าง พร้อมรับฟังข้อติติง เพื่อการปรับปรุงและพัฒนาตนเอง

แนวทางการใช้ชีวิต จะเป็นพวกวัตถุนิยม ชอบสิ่งอำนวยความสะดวก อะไรที่สามารถร่นระยะเวลา เพิ่ม Work-life Balance ได้ ก็จะทำ และมีแนวคิดสร้างครอบครัวเดี่ยว ขนาดเล็ก มากกว่าจะเป็นขนาดใหญ่

3. Generation Y คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ.2523-2543 เป็นกลุ่มคนที่โตมาพร้อมกับเทคโนโลยี เริ่มตั้งแต่ คอมพิวเตอร์ระบบ DOS มายัง Microsoft จนมาเพจเจอร์ โทรศัพท์มือถือรุ่นแรกๆ จนเป็น Smartphone อย่างทุกวันนี้

Gen Y คือทายาทของ Gen X คนรุ่นนี้เห็นพ่อแม่กับ ปู่ ย่า ตา ยาย เถียงกันในค่านิยมที่แตกต่างกันและบ่อยครั้ง ความกดดันก็มาลงที่ตัว Gen Y เพราะการเถียงกันของ Gen B และ Gen X มักหาข้อยุติไม่ได้ (ก็มันเป็นความต่างทางความคิด มันต้องยอมรับความต่างอย่างเดียว ถึงจะจบ จริงไหมครับ)

Gen Y นี่ ใช้ Social Network เป็นที่ระบายความคิดเห็นส่วนตัว มักจะรำคาญ และไม่พอใจที่ผู้ใหญ่ทะเลาะกัน แล้วส่วนใหญ่พอทะเลาะก็จะไปมีผลกระทบต่อที่สังคม และต่อตัวของ Gen Y เอง

Gen Y กับการทำงาน ถือว่ามีนิสัยชอบแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ชอบอยู่ในกรอบและไม่ชอบเงื่อนไข ต้องการความชัดเจนในการทำงานว่า สิ่งที่ทำมีผลต่อตนเองและต่อหน่วยงานอย่างไร ต้องการการวัดผลที่ชัดเจน จุดเด่นของ Gen Y ในการทำงานคือ มีความสามารถในการทำงานที่เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร และยังสามารถทำงานหลายๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน แถมยังเป็นพวกชอบส่ง E-Mailมากกว่า Face to Face ในการทำงาน เพราะความรวดเร็ว และความเคยชินในการใช้เทคโนโลยีตั้งแต่เด็ก ทำให้ผู้ใหญ่ หรือหัวหน้างาน บางครั้งก็ไม่พอใจ และไม่เข้าใจ ไปนึกว่าเขาไม่ให้เกียรติตัวเองซะงั้น -*-



Sinthorn