วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ILINKปันผลเป็นหุ้น1:1 ปี57กำไรนิวไฮ198ล้าน

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: ILINKปันผลเป็นหุ้น1:1
ปี57กำไรนิวไฮ198ล้าน
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 6 คน
ILINK ปลื้มผลงานปี 56 มีกำไรสุทธิ 167.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.67% จากปีก่อน พร้อมปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล คิดเป็นอัตราปันผล 1 บาท/หุ้น ควบเงินสด 0.11112 บาท/หุ้น ส่วนปี 57 ลั่นกำไรนิวไฮอีก 198 ล้านบาท



นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2556 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 167.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.67% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 117.46 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,996.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.04% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,467.64 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้จากธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณเพิ่มขึ้นจำนวน 184.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.32% เมื่อเทียบปีก่อน และรายได้จากธุรกิจวิศวกรรมเพิ่มขึ้น 343.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 205.32% เมื่อเทียบปีก่อน

ขณะที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลหุ้นปันผลและเงินสดจากผลการดำเนินงานปี 2556 โดยจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญของบริษัทจำนวน 129,994,541 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล รวมมูลค่าทั้งสิ้น 129,994,541 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราจ่ายปันผล 1 บาทต่อหุ้น และจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.11112 บาท หรือคิดเป็นไม่เกิน 14.445 ล้านบาท รวมทั้ง 2 กรณี เป็นการจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 1.11112 บาท กำหนดขึ้น XD วันที่ 18 มี.ค.นี้ และจ่ายปันผลวันที่ 2 พ.ค.นี้

อีกทั้งมีมติการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ ของบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1 หรือ ILINK-W1 ใหม่ โดยปรับราคาการใช้สิทธิเดิม 20 บาท/หุ้น ในราคาใช้สิทธิ 1 หน่วยต่อ 1 หุ้น เป็นราคาการใช้สิทธิใหม่ 10 บาท/หุ้น ในราคาใช้สิทธิ 1 หน่วย ต่อ 2 หุ้น เพื่อรักษาผลประโยชน์ตอบแทนของผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิไม่ให้ด้อยไปกว่าเดิม โดยเหตุการณ์ที่ต้องปรับสิทธิเนื่องจากจ่ายหุ้นปันผลวันที่มีผลการปรับสิทธิวันที่ 18 มี.ค. 2557

นอกจากนี้ มีมติอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนสำหรับหุ้นในส่วนที่ยังไม่เรียกชำระและไม่ได้มีไว้เพื่อรองรับการแปลงสภาพหลักทรัพย์ใด จำนวน 8,221 บาท (หุ้นสามัญ 8,221 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท) ทำให้จากเดิมมีทุนจดทะเบียน 145,000,000 บาท (หุ้นสามัญ 145,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท) คงเหลือเป็นทุนจดทะเบียน 144,991,779 หุ้น (หุ้นสามัญ 144,991,779 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท) และเสนอพิจารณาการเพิ่มทุนใหม่จำนวน 129,994,541 หุ้นเพื่อรองรับการจ่ายปันผลเป็นหุ้น และเพิ่มทุนใหม่ จำนวน 14,997,238 หุ้น เพื่อรองรับการแปลงสภาพของในสำคัญแสดงสิทธิ ILINK-W1 ในมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท

นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ ILINK เปิดเผยว่า ในปี 2557 กำไรของบริษัทน่าจะสามารถสร้างสถิติสูงสุด (นิวไฮ) ต่อเนื่องจากปีก่อน โดยตั้งเป้าหมายมีกำไรสุทธิไว้ที่ 198 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,350 ล้านบาท ซึ่งจะมาจาก 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณที่มีการรักษาฐานตลาดไว้ค่อนข้างดีประมาณ 22% ต่อปี และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ทางด้านธุรกิจวิศวกรรมในปีนี้บริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 1,500 ล้านบาทหลังจากในปี 2556 บริษัทประมูลงานได้ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการก่อสร้าง Submarine Cable ไปยังเกาะกูด เกาะหมาก จ.ตราด มูลค่า 1,150 ล้านบาท และโครงการก่อสร้าง Submarine Cable ไปยังเกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี มูลค่า 800 ล้านบาท รวม 2 โครงการ มูลค่า 1,950 ล้านบาท ซึ่งมีการรับรู้รายได้ไปแล้วประมาณ 500 ล้านบาท ในปี 2556 และจะรับรู้รายได้ในปีนี้อีกประมาณ 800-1,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้รายได้ในปี 2558

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเข้าประมูลโครงการก่อสร้าง Submarine Cable ไปยังเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มูลค่า 1,686 ล้านบาท ซึ่งยังไม่มีระยะเวลาที่แน่นอน อย่างไรก็ตามหากมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้ก็เชื่อว่าจะสามารถเข้าประมูลงานได้ทันที รวมทั้งมีแผนเข้าประมูลในโครงการก่อสร้าง Submarine Cable ในหลายโครงการ มูลค่าแต่ละโครงการประมาณ 100 ล้านบาท

ขณะที่ธุรกิจเทเลคอมในปีนี้ บริษัทจะขยายโครงข่าย Interlink Fiber Optic Network ตามแนวรถไฟและตามแนวถนนให้ครอบคลุม 72 จังหวัดภายในเดือน มี.ค.นี้ จากปัจจุบันครอบคลุมประมาณ 64-65 จังหวัด เพื่อรองรับลูกค้าเข้ามาเช่าโครงข่ายมากขึ้น ซึ่งในขณะนี้มีลูกค้าองค์กรเช่าใช้อยู่ที่ 50% โอเปอเรเตอร์ 20% และภาครัฐ 20% ส่วนอีก 10% เป็นการติดตั้งโครงข่ายให้กับลูกค้า

ประกอบกับบริษัทจะเปิดให้บริการ IPLC เพื่อเชื่อมต่อไปยังกัมพูชา พม่า ลาว มาเลเซีย และสิงคโปร์ในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.นี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้า 2 ราย ได้แก่ ลูกค้าโอเปอเรเตอร์ และผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต คาดว่าน่าจะเข้ามาใช้บริการภายในเดือนก.ค.นี้

ส่วนธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์นั้น บริษัทได้แบ่งเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเริ่มมีธนาคารของรัฐมาใช้บริการช่วงเดือนเม.ย.นี้ประมาณ 40% คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีลูกค้ามาใช้บริการมากกว่า 80% ขณะที่เฟส 2 อยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะเสร็จภายในสิ้นปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนนำ ILINK เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จากปัจจุบันจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยมีทุนจดทะเบียน 280 ล้านบาท ซึ่งหากจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET ได้จะต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 20 ล้านบาท เพื่อให้มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 300 ล้านบาท คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 2558 และยังเตรียมนำบริษัท อินเตอร์ลิงค์ เทเลคอม จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET เช่นกัน คาดว่าจะเป็นปี 2559

posted from Bloggeroid

CPALLยกฐานะกึ่งแบงก์ จับมือกสิกรไทยรับโอนเงิน *ผ่าน ATM ทั้งระบบปีละ 7 ล้านล้านทั่วประเทศ

CPALLยกฐานะกึ่งแบงก์
จับมือกสิกรไทยรับโอนเงิน
*ผ่าน ATM ทั้งระบบปีละ 7 ล้านล้านทั่วประเทศ
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 5 คน
ซีพี ออลล์ ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อ 7-11 จับมือแบงก์กสิกรไทย โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มแบงก์ รับเงินสดที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทั่วประเทศ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่กดเงินสดตู้เอทีเอ็มปีละ 7 ล้านล้านบาท คาด CPALL กินค่าธรรมเนียมอ้วนดันรายได้ปีนี้พุ่งกระฉูด





นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK กล่าวว่า หลังจากที่ธนาคารร่วมมือกับ บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส ในเครือซีพี ออลล์ ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อ 7-11 ให้บริการโอนเงินที่ตู้เอทีเอ็ม และรับเงินที่เซเว่นอีเลฟเว่น (K-ATM to 7-Eleven) เพื่อขยายช่องทางบริการให้ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่มในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะการโอนเงินให้แก่ผู้รับโอนที่ไม่มีบัญชีธนาคารใดๆ ในพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม ในเร็วๆ นี้ธนาคารยังจะร่วมมือกับบริษัทซีพีออลล์ในการออกบัตรเดบิต Co-Brand KBank-7-Eleven ซึ่งจะเป็นบัตรเดบิตใบแรกในประเทศไทยที่สามารถใช้ซื้อสินค้าในร้านเซเว่น-อีเลฟเว่นได้ โดยไม่ต้องใช้เงินสด และมีเป้าหมายให้ลูกค้าสมัครใช้บัตรหลายแสนใบ

สำหรับบัตรเดบิตดังกล่าวจะมีลักษณะเหมือนกระเป๋า 2 ใบสำหรับผู้ถือบัตร คือ เป็นบัตรวีซ่า เดบิตของธนาคารกสิกรไทยที่นอกจากใช้ซื้อสินค้าในร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น ยังสามารถใช้ซื้อสินค้าตามร้านค้าทั่วไปที่รับบัตรวีซ่าตลอดจนใช้กดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มได้ ในขณะเดียวกันยังเป็นบัตรเงินสดสมาร์ทเพิร์ส (Smart Purse) ที่ทางซีพีออลล์ให้บริการลูกค้าอยู่แล้ว

“ตอนแรกว่าจะเป็นบัตรเดบิตกสิกรไทยอย่างเดียวก็ใช้ซื้อสินค้าในเซเว่น-อีเลฟเว่นได้ แต่ทางซีพี ออลล์เกรงว่าตลาดบัตรสมาร์ทเพิร์สจะถูกแบ่งไปจึงขอทำเป็น 2 กระเป๋า โดยผู้ถือบัตรจะใช้บัญชีที่เปิดกับแบงก์ในการชำระเงินก็ได้ หรือจะเติมเงินเข้าบัตรผ่านระบบของสมาร์ทเพิร์สเพื่อใช้ในการชำระเงินก็ได้ ในขณะที่เครื่องรับชำระเงินก็แยกกันแบงก์ต้องไปติดตั้งเครื่องรับบัตรเพิ่ม ส่วนลูกค้าจะเลือกชำระเงินด้วยบัญชีไหนระหว่างบัตรเดบิตกับสมาร์ทเพิร์สก็สามารถใช้บัตรที่เครื่องรับเงินนั้นๆ”

นอกจากนี้ การทำให้บัตรเดบิตสามารถชำระค่าสินค้าในร้านสะดวกซื้อได้เป็นอีกก้าวหนึ่งบนความพยายามที่ธนาคารกสิกรไทยต้องการให้ลูกค้าหันมาใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ในการชำระเงินแทนการใช้เงินสดหลังจากพบว่าประชาชนส่วนใหญ่มีการกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มเฉลี่ยถึงปีละ 7 ล้านล้านบาท หรือ 82% ของประชากรยังคงใช้เงินสดในการซื้อสินค้าและบริการ ในขณะที่มีเพียง 18% ใช้การชำระเงินผ่านบัตรเครดิต และบัตรเดบิต

ในขณะที่การชำระผ่านบัตรเดบิตก็มีสัดส่วนน้อยมาก ซึ่งหากทำให้ประชาชนใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตเพิ่มขึ้น นอกจากจะเป็นไปตามแนวนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ต้องการสร้าง “สังคมไร้เงินสด” เนื่องจากต้นทุนการผลิตธนบัตรเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันการใช้บัตรเดบิตเป็นสื่อชำระเงินจะเป็นการเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมให้กับธนาคารอีกด้วย

นักวิเคราะห์ คาดว่า ซีพี ออลล์ ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อ 7-11 จะได้รับค่าธรรมเนียมจากการรับโอนเงินแทนแบงก์ในปีนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งมองว่าหลังจากร่วมทำกับแบงก์กสิกรไทยแล้ว ก็คาดว่าจะมีแบงก์อื่นๆ ตามมา

posted from Bloggeroid

วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

MSCIเก็บ4หุ้นบิ๊กแคป เพิ่มน้ำหนักใส่เงินพันล้าน - เล็งหุ้น SCB-BTS-BGH-MINT เริ่ม 28 ก.พ.นี้

MSCIเก็บ4หุ้นบิ๊กแคป
เพิ่มน้ำหนักใส่เงินพันล้าน
- เล็งหุ้น SCB-BTS-BGH-MINT เริ่ม 28 ก.พ.นี้
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 9 คน




จับตา 4 หุ้นใหญ่ MSCI เข้าซื้อเพื่อ rebalancing เริ่ม 28 กุมภาฯนี้ อาทิ SCB-BTS-BGH-MINT ยอดรวมเม็ดเงินเกือบพันล้านบาท โดยมี SCB มากสุด 661 ล้านบาท กูรูประเมินเป็นข่าวดีสุดของฝรั่งที่เกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ แนะเป็นหุ้นพื้นฐานดี



นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ให้จับตาความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนจากกลุ่มที่ Morgan Stanley Capital International (MSCI) เตรียมจะประกาศ rebalancing หุ้นไทยรายตัว โดยคาดว่าจะมี 4 บริษัท อาทิ ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB, หุ้นบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS, หุ้นบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT และหุ้น บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BGH

หาก MSCI มีการปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเหล่านี้จริง มีการประเมินกันว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาซื้อหุ้น SCB จำนวน 661 ล้านบาท, หุ้นBTS จำนวน 138 ล้านบาท, หุ้น BGH จำนวน 110 ล้านบาท และหุ้น MINT จำนวน 85 ล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินที่เข้ามาซื้อรอบนี้แม้จะมีไม่มาก แต่ถือเป็นข่าวดีที่ MSCI ยังเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยอยู่ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 นี้

นักวิเคราะห์รายหนึ่ง กล่าวว่า การประกาศรายชื่อของ MSCI รอบนี้ ถือว่าเป็นการเพิ่มน้ำหนักการลงทุน ซึ่งจะไม่มากเท่าช่วงที่ผ่านมาที่เคยประกาศนำหุ้นเข้าไปอยู่ในการคำนวณของดัชนี MSCI ซึ่งถือเป็นการเพิ่มน้ำหนักตามปกติ ไม่ใช่การนำเข้าไปคำนวณ จึงทำให้เม็ดเงินลงทุนที่เข้ามาซื้อหุ้นไทยรอบนี้ดูน้อยลงกว่าเมื่อก่อน โดยการปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนมียอดรวมเม็ดเงินซื้อหุ้น 4 บริษัทนี้จำนวน 994 ล้านบาท

“การปรับสมดุลโดยการ rebalancing รอบนี้ อาจจะมีเม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติเข้ามาไม่มากเท่ากับช่วงที่มีการนำหุ้นเข้าไปคำนวณในดัชนี MSCI Thailand เหมือนช่วงที่ผ่านมา แต่ถือเป็นข่าวดีที่สุดของสถาบันต่างประเทศที่จะมีให้กับตลาดหุ้นไทย ซึ่งหากดูรายชื่อหุ้นที่คัดเลือกมา 4 ตัว ล้วนแล้วเป็นหุ้นพื้นฐานดี และความเสี่ยงต่ำ” นักวิเคราะห์ กล่าว

สำหรับรอบนี้ทาง MSCI ไม่ได้มีการนำหุ้นไทยเข้าคำนวณในดัชนีถ่วงน้ำหนักการลงทุนเลย ซึ่งเชื่อว่าส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากปัญหาการเมืองภายในประเทศ ซึ่งมีผลต่อมุมมองของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อตลาดหุ้นไทยอยู่ในขณะนี้ แต่อย่างไรก็ตามปัญหาการเมืองในประเทศจะเป็นปัญหาเพียงแค่ระยะสั้นเท่านั้น

posted from Bloggeroid

วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

สรุปข่าวประจำวันที่ 24-25 ก.พ.57 ตั้งแต่เวลา 18.00-06.00 น.

สรุปข่าวประจำวันที่ 24-25 ก.พ.57 ตั้งแต่เวลา 18.00-06.00 น.
กสม.หวั่นการชุมนุมบานปลายเป็นสงครามกลางเมือง ชี้สถานการณ์ส่อแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น แนะหันหน้าเจรจาสงบศึก ขณะที่ 4 องค์กรสื่อฯ ประณามผู้ก่อเหตุรุนแรง ทั้งกรณีถล่มเวที กปปส.ตราด ยิงเอ็ม 79 ราชประสงค์และปะทะสะพานผ่านฟ้าฯ พร้อมเรียกร้อง กปปส.ยุติการคุกคามสื่อมวลชน. ขณะที่"วิชา มหาคุณ" ไม่สะดุ้งโดนล่าชื่อถอดถอนพ้นเก้าอี้ ป.ป.ช. จ่อตั้งโต๊ะแถลงโต้ดองคดี โครงการระบายข้าว สมัยรัฐบาล ปชป. 25 ก.พ. นี้...

การเมือง

18.28 น. "แกนนำ กปปส.พัทลุง" ยังเดินหน้าปิดสถานที่ราชการต่อเนื่อง พร้อมประสานผู้ว่าฯ แก้ปัญหาไฟฟ้าส่องสว่างบริเวณศาลากลาง จุดตั้งเวทีชุมนุม หวั่นถูกลอบเล่นงานเหมือนที่ จ.ตราด แบ่งกำลังสมทบม็อบลุงกำนัน ในกรุงเทพฯ หลังสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น...

18.59 น. มติ กขช.เตรียมเสนอ ครม.พรุ่งนี้ ขอใช้งบกลาง 1-2 หมื่นล้านบาทจ่ายชาวนา พร้อมเสนอ กกต.พิจารณาต่อ คาดจ่ายเงินชาวนาไม่ทันภายในสัปดาห์นี้...

19.20 น. กสม.หวั่นการชุมนุมบานปลายเป็นสงครามกลางเมือง ชี้สถานการณ์ส่อแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น แนะคู่กรณีเลิกโมหจริต หันหน้าเจรจาสงบศึก เตือนอย่านำเด็กมาร่วมการชุมนุม

19.25 น. วงเสวนา นักวิชาการ เห็นพ้อง ประเทศไทยถึงเวลาปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ เน้น โจทย์แรก แก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน และโครงการประชานิยม ย้ำ ไม่รีเซตกระบวนการใหม่ทั้งหมด เหตุเสียเวลา

19.28 น. คปท.อัด คนก่อเหตุราชประสงค์ เป็นผู้ก่อการร้าย งดปราศรัยกลางวัน เลี่ยงรบกวนโรงเรียน จ่อจัดขบวนร่วมไล่ล่านายกฯยิ่งลักษณ์

19.32 น. รอง ปธ.วุฒิสภา นำคณะ ส.ว. แถลง ขอประณามความรุนแรง ขอ ตร.อย่ามี "อคติ" จี้ นายกฯ แสดงภาวะผู้นำ“สุรชัย”ฝากไปถึง ผบ.ตร. อยากพบ เพื่อสอบถามติดขัดอะไร ถึงจับคนร้ายไม่ได้

19.45 น. เลขาธิการศาลยุติธรรมวางมาตรการลงโทษผู้ละเมิดศาล ให้อำนาจศาลชั้นต้นแต่ละศาล ดำเนินคดีฐานละเมิดอำนาจศาล ในส่วนการกระทำผิดทางอาญาให้ ตร.ดำเนินการ เพิ่มมาตรการ รปภ.เต็มที่..

20.30 น. 4 องค์กรสื่อฯ ประณามผู้ก่อเหตุรุนแรง ทั้งกรณีถล่มเวที กปปส.ตราด ยิงเอ็ม 79 ราชประสงค์และปะทะสะพานผ่านฟ้าฯ พร้อมเรียกร้อง กปปส.ยุติการคุกคามสื่อมวลชน...

20.48 น. “วิชา มหาคุณ” ไม่สะดุ้งโดนล่าชื่อถอดถอนพ้นเก้าอี้ ป.ป.ช. โยน ปชช.ตัดสิน ทำหน้าที่เป็นกลาง หรือไม่ ลั่น เดินหน้าทำงานต่อไป จ่อตั้งโต๊ะแถลงโต้ดองคดี โครงการระบายข้าว สมัยรัฐบาล ปชป. 25 ก.พ. นี้

21.20 น. "อภิสิทธิ์" จับตารัฐบาลจ่ายเงินจำนำข้าวสัปดาห์นี้ ตั้งข้อกังขา สามารถทำได้จริงหรือไม่? จี้ ขายข้าวเอาเงินจ่ายชาวนา ย้ำ ไม่ต้องตั้งเป้า...

22.14 น. "สุเทพ" เชิญชวนประชาชนไว้ทุกข์ให้กับเด็กเหยื่อระเบิดราชประสงค์-จ.ตราด 3 วัน นัดรวมพลเรียกร้องความเป็นธรรม ที่หน้า สตช. จี้หน่วยงานความมั่นคงจัดการกลุ่มต้องการแบ่งแยกประเทศ

22.22 น. "มาร์ค"ประณาม เหตุรุนแรง บี้ ยิ่งลักษณ์ สั่งเจ้าหน้าที่ปกป้องประชาชน จี้ นายกฯ ปรับ"จารุพงศ์-ณัฐวุฒิ"พ้น รมต.รักษาการ เหตุเหิมเกริม ประกาศตั้งกองกำลังจัดการ ปชช.

22.29 น. "ทักษิณ" โผล่กลางโรงแรมหรู ในสิงคโปร์ หลังมีข่าวลือมาตลอดทั้งวันว่าเดินทางมาที่เชียงใหม่...

05.00 น. มือมืดป่วนเวทีแยกสีลม! จัดเต็มทั้งปืนและระเบิด ถล่มยาวตั้งแต่ ตึ1ยันตี4 เสียงดังคล้ายระเบิดเกือบ 20 ลูก เบื้องต้นการ์ดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย ขยายพื้นที่ปิดถนนถึงธนิยะ.

กีฬา

19.31 น. "แกรี เนวิลล์" อดีตนักเตะของ "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงความเชื่อมั่น ต้นสังกัดเก่าของตนจะไม่ติดท็อปโฟร์ หลังจบฤดูกาลนี้...

19.45 น. ความเคลื่อนไหวทีม "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สโมสรชั้นนำของประเทศไทยและตัวแทนหนึ่งเดียวจากแดนสยาม ในเวทีเอเอฟซี แชมเปียส์ลีก 2014 ที่มีโปรแกมบุกไปเยือนพบ "ซานตง ลู่เนิ่ง" ทีมดังจากแดนมังกร ในเกมนัดแรกของกลุ่ม อี โดยแข่งที่สนามโอลิมปิค จีหนาม สเตเดี้ยม 25 ก.พ.นี้ เวลา 14.30 น. ตามเวลาประเทศไทย...

20.30 น. "คริส ฮิวจ์ตัน" ผู้จัดการทีม นอริช ซิตี้ ระบุ การที่ลูกทีมสามารถเอาชนะ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ 1-0 และคว้า 3 คะแนนได้สำเร็จ มีความสำคัญกับทีมเป็นอย่างมาก แต่ทีมต้องพยายามอย่างหนักต่อไปเพื่อรอดตกชั้นให้ได้...

21.00 น. "โสมแดง" เกาหลีเหนือ ตกเป็นข่าว เตรียมทำเซอร์ไพรส์ ส่งนักกีฬาลงแข่งขันทุกรายการในศึกเอเชียนเกมส์ 2014 ที่ เกาหลีใต้ เป็นเจ้าภาพ ช่วงเดือนก.ย.นี้…

21.30 น. "รอย ฮอดจ์สัน" นายใหญ่ทัพ "สิงโตคำราม" ทีมชาติอังกฤษ พร้อมดัน "เวย์น รูนีย์" ศูนย์หน้าตัวเก่ง ขึ้นรับปลอกแขนกัปตันทีมชาติ ต่อจาก "สตีเวน เจอร์ราร์ด" พร้อมแสดงความมั่นใจ แข้งรายนี้จะทำลายสถิติของ "เซอร์บ็อบบี ชาร์ลตัน"…

23.10 น. "ฮวน มาตา" มั่นใจ แมนฯยู จะติดเครื่องกลับมาโกยแต้มเป็นกอบเป็นกำ หลังเกมบุกไปเอาชนะ คริสตัล พาเลซ เมื่อสุดสัปดาห์ พร้อมเผยเริ่มปรับตัวเข้ากับระบบทีมได้แล้ว...

00.00 น. สื่อผู้ดี จับภาพ คอลีน เมียรักของ เวย์น รูนีย์ ยิ้มแฉ่งระหว่างพักผ่อนที่บาร์เบโดส หลังได้รับข่าวดี สามีตัวเอง ต่อสัญญาใหม่กับแมนฯยูไนเต็ด พร้อมรับเงินค่าเหนื่อยต่อสัปดาห์ แพงสุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก...

00.42 น. โหมโรงก่อนทัพเชลซี จะเดินทางมาเยือน แฟนบอลกาลาตาซาราย เปิดฉากตะลุมบอน กองเชียร์คู่อริเบซิคตัส ในเกมดาร์บี้แมตช์ลีกตุรกี ก่อนจะฟาดแข้งยอดทีมของอังกฤษ ในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมนัดแรก วันพุธนี้...

01.30 น. สื่อเบียร์ เผย ทีมแพทย์ ระงับกระบวนการปลุก "มิชาเอล ชูมัคเกอร์" จากอาการโคม่า อ้างพบปัญหาหลายอย่างจนทำให้อาการของอดีตแชมป์โลกเอฟวัน 7 สมัย ทรุดลงกว่าเดิม...

01.50 น. "เจสัน คอลลินส์" นักบาสเกย์ ประเดิมลงสนามให้กับทีม บรุ๊คลิน เน็ตส์ บุกไปเอาชนะ แอลเอ เลเกอร์ส 108-102 ในศึกยัดห่วงเอ็นบีเอ เจ้าตัวดีใจ ได้กลับมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง...

02.05น. บาร์เซโลนา แสดงความบริสุทธิ์ใจ ยินดีจ่ายเงินย้อนหลังให้สรรพากรของสเปน หลังโดนข้อหาโกงภาษี จากการซื้อตัว เนย์มาร์ เมื่อช่วงซัมเมอร์แล้ว แม้ยืนยัน ปฏิบัติตามกฏหมายทุกอย่างแล้ว...

03.02 น. ชมคลิป โรเจลิโอ ชาเวซ นักเตะทีมครูซ อาซูล ในลีกเม็กซิโก หวดวอลเลย์ตูมเดียวระยะกว่า 50 หลาเข้าไปเป็นประตูอย่างเหลือเชื่อ แถมเจ้าตัวไม่ใช่กองหน้าอีกด้วย...

03.45 น. เตรียมเจริญตามรอยพ่อ "เอ็นโซ เฟอร์นานเดซ" ลูกชายวัย 18 ปี ของ "ซีเนอดีน ซีดาน" เลือกเล่นให้กับทีมชาติฝรั่งเศส แม้เคยติดทีมสเปน ยู-15 ปีก่อนหน้านี้...

04.10 น. โอกาสมาแล้ว "อีเกร์ กาซิยาส" นายทวารของเรอัล มาดริด หวังช่วยต้นสังกัด กวาดเรียบแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก, ลาลีกาสเปน และ โกปาเดลเรย์ พร้อมจารึกประวัติศาสตร์ซิวทริปเปิลแชมป์ได้เป็นครั้งแรกของสโมสร...

05.26 น. เคราะห์ซ้ำกรรมซัด สื่อแฉ "เมซุต โอซิล" ดาวเตะค่าตัวแพงของอาร์เซนอล จงใจขับรถชนช่างภาพ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนแอบเข้าไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และไม่ได้ถูกกักตัวไว้แต่อย่างใด...

05.42 น. ฮัลล์ ซิตี้ เปิดบ้านเอาชนะ ไบรท์ตัน 2-1 นัดรีเพลย์ รอบห้า คว้าตั๋วเข้ารอบ 8 ทีม ศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ เช่นเดียวกับ ชาร์ลตัน หลังจากบุกไปเฉือน เชฟฯเวนส์เดย์ คาถิ่น 2-1...

บันเทิง

18.34 น. โตโน่-ภาคิน แย้มมีงานหนังทาบทาม 2 เรื่อง รอดูสถานการณ์ก่อนจะรับเล่นหรือไม่ และมีละครติดต่อเข้ามา เตรียมเปิดกล้องเมษานี้ ไม่กลัวกระแสตกหลังจากหายหน้าจากละครไปนาน เผยกำลังจะมีงานเพลงใหม่ กำลังอยู่ในช่วงเสนอทางค่าย

18.36 น. คอนเสิร์ตดีมีสาระ ที่สำคัญฟรี MTV EXIT มหกรรมฟรีคอนเสิร์ต “MTV EXIT Live in Udon Thani” ในวันที่ 15 มีนาคมที่จะถึงนี้ เพื่อให้ความรู้แก่เยาวชนเกี่ยวกับภัยอันตรายของการค้ามนุษย์ นำขบวนโดย บอดี้สแลม ศิลปินวงร็อกชั้นนำของประเทศไทย พร้อมทั้งวงดนตรีชั้นนำจากกลุ่มประเทศอาเซียน อาทิ Project E.A.R ร่วมกันแสดงบนเวทีในครั้งนี้


18.55 น. ณเดชน์ยืนยันไม่ได้จีบนางแบบคิมเบอร์ลี่ เป็นแค่เพื่อนที่เคยทำงานด้วยกัน รู้จักได้ปีกว่าแล้ว ไม่มีอะไรเกินเลย รับข่าวนี้กระทบแฟนคลับ NY แต่ได้อธิบายให้ฟังแล้ว ปัดแลกแหวนกับญาญ่า สถานะตอนนี้ยังเป็นเหมือนเดิม ส่วนอนาคตจะพัฒนาถึงขั้นไหนค่อยว่ากัน


19.15 น. ติดตามปฏิบัติการ “Cobra Gold 2014” ภารกิจการฝึกร่วมผสมทางการทหารระหว่างกองทัพไทย, กองทัพสหรัฐอเมริกา และกองทัพมิตรประเทศกันต่อ กับภารกิจยกพลขึ้นบก โดยมีทหารเรือจากสหรัฐอเมริกา เกาหลี และ ไทย

20.00 น. แก้ว เฟย์ฟางแก้ว ขอบคุณผู้ใหญ่ให้โอกาสทำงานในวงการบันเทิงหลายด้าน ทำให้มีชั่วโมงบินและสอนให้โตและแกร่งขึ้น รับมือกับปัญหาและแก้ไขจนผ่านพ้นไปได้ เผยทำงานกับคนหมู่มากไม่อยากสร้างปัญหาให้ใคร...

05.00 น. สามสาวเกิร์ลกรุ๊ปสุดฮอต วง FFK “เฟย์ ฟาง แก้ว” ประกอบด้วย “เฟย์-พรปวีณ์ นีระสิงห์, ฟาง-ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์, แก้ว-จริญญา ศิริมงคลสกุล” หน้าบาน เพราะซิงเกิลใหม่ล่าสุด เพลง “เม้าท์ ทู เม้าท์” อัลบั้มใหม่ Girl’s Topic

05.15 น. ช่วงนี้นางเอกฮอต ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่ คิวงานแน่นเอี้ยดไร้วี่แววหนุ่มๆมาดูแลหัวใจ เจอ ใหม่ เลยถามว่าเหงาบ้างมั้ย

05.30 น. ถูกใจผู้ฟังทั้ง 50 ชีวิตจาก 5 ออฟฟิศสุดๆเมื่อคลื่น COOLfahrenheit 93 จัดทริป “COOLfahrenheit Outing 9 : Hi–Like Island” ประเดิมครั้งแรกที่เกาะตาชัย หนึ่งในหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา

05.45 น. เริ่มจะกุ๊กกิ๊กแอบมีใจให้กัน เลยเริ่มมีฉากชวนฟินของพระนาง โป๊ป–ธนวรรธน์ กับ พลอย-เฌอมาลย์ ในละคร “สามีตีตรา” ในฉากเด็ดฉากที่ พิศุทธิ์ (โป๊ป) นอนซมเพราะพิษไข้ กะรัต (พลอย) เลยมาช่วยดูแลเช็ดตั

ไลฟ์สไตล์

05.00 น. เป็นผู้บุกเบิกปรัชญาการสร้างสรรค์ความงามที่เน้นความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ มาอย่างต่อเนื่อง สำหรับ BOBBI BROWN โดยมีความสดใสเปล่งปลั่งอ่อนกว่าวัยของ “มิสบ็อบบี้ บราวน์” ผู้ก่อตั้งแบรนด์เมกอัพชื่อก้องโลก วัย 56 ปี

05.15 น. เอาใจคออาหารฝรั่ง เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ฟู้ดสโตร์ระดับเวิลด์คลาส และ ท็อปส์ มาร์เก็ต คัดสรรอาหารรสเลิศและสินค้าหลากหลายจากแดนจิงโจ้มาให้เลือกช็อปในงาน “Taste of Australia 2014 เทศกาลอาหารออสเตรเลีย”

05.30 น. ตอกย้ำความเป็นไฮลักชัวรี่คาร์ แอสตัน มาร์ติน (ASTON MARTIN) โดย สุทธิพงษ์ วรรณวานิช จีเอ็ม แอสตัน มาร์ติน แบงคอก และ ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ผู้บริหารมาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) ได้เปิดตัว โชว์รูมแห่งใหม่ล่าสุด

05.45 น. อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นับเป็นธุรกิจหนึ่งที่สร้างรายได้และสร้างงานให้กับคนไทย ซึ่งความต้องการบุคลากรในงานบริการด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังคงเป็นที่ ต้องการของตลาดอีกจำนวนมาก

วิทยาการ

18.00 น. "แอ็กซิส" เปิดตัวกล้องรวดเดียว 3 รุ่น ชุดหุ้มกล้องเป็นสเตนเลส อัดก๊าซไนโตรเจนเข้าไปในตัวกล้องได้ เพิ่มความทนทาน รองรับการใช้งานได้ทั้งอากาศหนาวจัดและร้อนจัด...

18.53 น. สามารถเทลคอม ล็อกซเล่ย์ และเอไอที ผนึกกำลังเปิดตัว "SLA" บุกตลาดต่างประเทศ ประเดิมรุกพม่า ปักธงรายได้ 1,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี…

19.00 น. ไซแมนเทค วิเคราะห์เทรนด์อาชญากรไซเบอร์ คาดพุ่งเป้าที่การขโมยข้อมูลออนไลน์ จากบัตรเดบิตและเครดิตที่ลูกค้าใช้จ่าย...

21.17 น. เลขาฯ กสทช.เผยข้อมูลมีทั้งลูกค้าเลิกใช้และเข้าใช้งานเครือข่ายเอไอเอส โดย ณ วันที่ 24 ก.พ. ย้ายออก 2,000 เลขหมาย ย้ายเข้า 1,500 เลขหมาย...

เศรษฐกิจ

18.25 น. พนักงาน ธ.ก.ส. รวมตัวแต่งชุดเขียวให้กำลังใจ "ลักษณ์" ผู้จัดการ ธ.ก.ส. ท่ามกลางกระแสข่าว เตรียมถูกปลดพ้นเก้าอี้ในการประชุมบอร์ดวันนี้่ หลังไม่สนองนโยบายรัฐบาล...


18.45 น. TMB เผยความเชื่อมั่น SME ต่ำเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน หลังรับผลกระทบจากการเมือง-เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว คาด 3 เดือนข้างหน้า ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 54.2 จาก 58.4...

18.59 น. มติ กขช.เตรียมเสนอ ครม.พรุ่งนี้ ขอใช้งบกลาง 1-2 หมื่นล้านบาทจ่ายชาวนา พร้อมเสนอ กกต.พิจารณาต่อ คาดจ่ายเงินชาวนาไม่ทันภายในสัปดาห์นี้...

19.40 น. “พาณิชย์” ประเมินต่างชาติมางานแฟร์ในไทยลดลง 10% แต่ไม่กระทบภาพรวมส่งออกทั้งปีโต 5% เตรียมจัดกิจกรรมบุกตลาดต่างประเทศ แบบเคาะประตูบ้าน เชื่อหากส่งมอบตามกำหนดเวลา จะไม่มีผลกระทบ...

20.21 น. อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เชื่อพาณิชย์จะระบายข้าวได้ตามแผนที่กำหนดไว้เดือนละ 1 ล้านตัน พร้อมจ่ายหนี้ชาวนาแน่...

20.31 น. บอร์ด ธ.ก.ส ถก 4 ชั่วโมง ไม่ได้ข้อสรุปมาตรการช่วยชาวนา ย้ำคลังเป็นผู้หาเงิน ไม่ใช้สภาพคล่อง ธ.ก.ส.จ่ายแน่ หารืออีกรอบ 27 กุมภาพันธ์นี้...

21.20 น. "อภิสิทธิ์" จับตารัฐบาลจ่ายเงินจำนำข้าวสัปดาห์นี้ ตั้งข้อกังขา สามารถทำได้จริงหรือไม่? จี้ ขายข้าวเอาเงินจ่ายชาวนา ย้ำ ไม่ต้องตั้งเป้า...

00.15 น. ไทยแอร์เอเชีย ยัน ไม่เกี่ยวธุรกิจตระกูลชินวัตร พร้อมระบุ พิษการเมืองฉุดผู้โดยสารจีนลด 30% เลื่อนเปิดตัวไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์...

02.00 น. ผู้บริหารโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ SPCG เผย ผลสำเร็จเชื่อมระบบไฟฟ้าเข้า กฟภ. ในอนาคตภูมิภาคจะมีพลังงานทดแทนสำรองไว้ใช้จำนวนมาก...

05.00 น. พลังงานเดินหน้าปรับขึ้นแอลพีจีครัวเรือนตามมติ ครม.เดิม 1 มี.ค.ขยับอีก 50 สต.เป็น 21.63 บาทต่อ กก.สูงกว่าภาคขนส่ง 25 สตางค์ เล็งหามาตรการคุมใช้ผิดประเภท เหตุราคาแอลพีจีขนส่งยังต้องรอรัฐบาลใหม่เคาะ

การศึกษา

19.00 น. สพฉ.แนะวิธีปฐมพยาบาลและเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บในสถานการณ์ชุมนุม หากถูกยิงหรือถูกสะเก็ดระเบิดและมีบาดแผลที่บริเวณหน้าอก...

19.06 น. เครือข่ายสังคมสุขภาพจัดเสวนา 'จากปฏิรูประบบสุขภาพ สู่ปฏิรูปประเทศไทย' หาสรุปปฏิรูประบบสุขภาพ ตัวแทนวิชาชีพเสนอต้องเริ่มแก้ที่ระบบการเมือง เป้าหมายชัด กระจายอำนาจสู่ชุมนุม พร้อมดังทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม เผยยังห่วงเหตุขัดแย้งการเมืองไทย...

19.43 น. ซีพี ออลล์ เผยยุทธศาสตร์ "สร้างคน" มุ่ง CSR การศึกษา พัฒนาเยาวชน ปี 57 เตรียมให้ทุนนักเรียนเข้าศึกษาในสถาบันเครือ ซีพี ออลล์ กว่า 14,000 ทุน ผลิตคนเก่งและดีแก่สังคม...

05.00 น. ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี กล่าวบรรยายพิเศษ เรื่อง “บทบาทของสถานศึกษากับความรับผิดชอบต่อการดำเนินงานกองทุนในการสัมมนาพิเศษ ระดับผู้บริหารบทบาทของสถานศึกษาที่ดำเนินงานกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการ ศึกษา (กยศ.)

05.00 น. การประกวดสุดยอดกล้วยไม้ของประเทศ ครั้งที่ 3 ในงานเทศกาลชมสวน (Flora Festival 2013) ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ร่วมกับชมรมกล้วยไม้ล้านนา

05.15 น. จากกรณีปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำเข้าแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำท่าจีนในปีนี้เร็วกว่าปกติ จนค่าความเค็มที่วัดได้มากกว่าหลายปีที่ผ่านมา

05.30 น. แม้สภาวะการทางการเมืองของบ้านเราจะเดือดปุดๆ จนแทบทะลุปรอทแตก หลายกระทรวง ทบวง กรม ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปปฏิบัติงานภายในสำนักงานได้ตามปกติ เพราะปมปัญหาทางการเมือง

ต่างประเทศ

18.30 น. อดีตประธานาธิบดียูเครน วิคเตอร์ ยานูโควิช ถูกออกหมายจับจากการฆาตกรรมหมู่พลเรือนที่ออกมาชุมนุมอย่างสงบ ตามการเปิดเผยของรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย...

19.30 น. แซม เวิร์ทธิงตัน นักแสดงชื่อดังชาวออสเตรเลียน ถูกจับกุมในนิวยอร์ก หลังจากชกหน้าปาปารัซซีที่บาร์แห่งหนึ่ง ก่อนได้รับการปล่อยตัวจากการประกันตัว...

20.30 น. นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศอียิปต์ ประกาศผ่านโทรทัศน์ว่า รัฐบาลรักษาการของเขา ได้ยื่นหนังสือลาออกต่อประธานาธิบดีอัดลี มานซูร์ แล้วในวันนี้ โดยไม่เผยสาเหตุที่แน่ชัด...

20.42 น. รมว.กลาโหม สหรัฐฯ เตรียมเสนอสภาคองเกรส ขออนุมัติลดขนาดกองทัพ เพื่อลดการใช้งบประมาณ หลังสหรัฐฯ ใช้นโยบายรัดเข็มขัด...

21.00 น. ประธานาธิบดียูกันดา ลงนามบังคับใช้กฎหมายห้ามพฤติกรรมรักร่วมเพศอันอื้อฉาว ซึ่งมีบทลงโทษรุนแรงแล้ว แม้มีเสียงต่อต้านจากนานาชาติ...

22.23 น. กองกำลังพิเศษของอิสราเอลยิงสังหารนักโทษชาวอเมริกัน หลังก่อเหตุยิงผู้คุมเรือนจำได้รับบาดเจ็บ 4 นาย และขังตัวเองในคุก...

ข่าวทั่วไทย

18.35 น. พลทหารหึงโหดชักปืนรัวแฟนพร้อมตายายเสียชีวิตคาบ้านพัก เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจ สารภาพ ทำเพราะความแค้นหลังถูกแฟนสาวบอกยกเลิกขบวนขันหมาก...

18.45 น. หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เริ่มประสบภัยแล้ง ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว หลังฝนทิ้งช่วงนานกว่า 2 เดือน ผู้ประกอบการต้องซื้อน้ำจากภูเก็ต เพื่อรองรับนักท่องเที่ยววันละ 2-3 พันคน...

18.50 น. นายทีปกรณ์ ยศอุบล ลุงของน้องเคนและน้องเค้ก เหยื่อระเบิดหน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ เดินทางมารับศพหลาน พร้อมวอนให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรง...

19.10 น. น้องเขยทะเลาะพี่เขย อดีตผู้ใหญ่บ้าน ชกต่อยจนล้มหัวกระแทกพื้นดับคาบ้านที่พะเยา ก่อนหนีกลับบ้านตัวเอง อ้างแค่ชกต่อยไม่คิดว่าจะตาย...

19.15 น. ผงะ พบระเบิด ปืน ค.60 ในสวนร้างหลังบ้าน ชาวบ้านที่เชียงราย กำลังดายหญ้าพบเข้าโดยบังเอิญ จึงหยิบขึ้นดู พบว่าเป็นลูกระเบิดจึงตกใจโยนทิ้ง โชคดีไม่ระเบิด

19.55 น. ชาวบ้านค่ายวังในพื้นที่อำเภอวังเหนือ จ.ลำปาง เริ่มออกร่อนทองในแม่น้ำวัง หลังน้ำในแม่น้ำเริ่มแห้งขอด เพื่อหารายได้เสริมจากการทำการเกษตร...

20.00 น. ตำรวจพังงา โชว์ผลงานจับกุมแก๊งค้ายานรก พร้อมของกลางยาบ้า 640 เม็ด ยาไอซ์ 442 กรัม รวมมูลค่าเกือบ 2 ล้านบาท..

20.15 น. นรข.รัตนวาปี สนธิกำลังหลายฝ่าย ตรวจยึดไม้พะยูง 214 ท่อน พร้อมรถกระบะขนไม้อีก 2 คัน คนร้ายหลบหนีไปได้ มูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท..

21.13 น. สืบคลองหลวง ตามรวบหนุ่ม 18 ก่อเหตุยิงสาวลาวบาดเจ็บ ก่อนลงมือชิงสร้อยทองคำหนัก 1 บาท ...

21.22 น. เกิดเหตุระเบิดใกล้พรรคประชาธิปัตย์ ถ.กำแพงเพชร เบื้องต้นคาดเป็นการยิงจากเอ็ม 79 กระสุนตกใส่บ้านเรือนประชาชน กระจกแตก รถยนต์เสียหายเล็กน้อย 1 คัน ตร.สั่งเช็กวงจรปิดไล่ล่า...

2129 น. กปปส.สุราษฎร์ธานี กว่า 200 คน เดินทางสวดมนต์ขอให้บ้านเมืองสงบสุข พบกลุ่มเสื้อขาว ที่มาร้องเรียนเรื่องที่ดินทำกิน แต่ศาลากลางปิด จึงร่วมสวดมนต์ขอพร

23.30 น. สิ้น"ครูคำ กาไวย์"ศิลปินแห่งชาติ ตำนานเพลงคำเมือง เชียงใหม่ สร้างผลงานในอดีตมากมาย ทั้งศิลปะการแสดง กลองสะบัดชัย ทางญาติเตรียมจัดงานศพให้สมเกียรติ...

00.30 น. ตร.ภูเก็ต มึนพบศพสาวบาร์เบียร์ หาดป่าตอง ภูเก็ต นอนจมกองเลือดเสียชีวิต คาดเกิดจากโรคประจำตัว กระอักเลือดจนดับปริศนาคาห้องเช่า...

01.10 น. เกษตรจังหวัดนครสวรรค์ ห่วงน้ำในเขื่อนภูมิพล-สิริกิติ์ ทีมีปริมาณน้ำเหลือ 5,100 ล้านลบ. วอนเกษตรกรปรับเปลี่ยนปลูกพืชอายุสั้นทดแทนการปลูกข้าวนาปรัง...

03.15 น. ตร.ครบุรี โคราช ระดมกวาดลางอาชญากรรม ซิว 2 คดี 8 ผู้ต้องหา เจอโจ๋ อ้างญาติ"สมชาย วงศ์สวัสดิ์"พร้อม ยึดของกลางอาวุธปืน เลื่อยโซ่ยนต์ และยาบ้าจำนวนมาก...

04.55 น. ผจว.เลย ลุยจัดงานวันคนพิการสากล ประจำปี2557 หวังให้คนพิการได้มีส่วนร่วมสังคมไทย และเปิดโอกาสให้แสดงศักยภาพ เสริมเรียกรู้ และสทธิประโยชน์ เพื่อปรับสภาพให้อยู่สังคมได้...

05.00 น. กทม.แจ้งคนกรุงรับภัยแล้ง-ใช้น้ำเสียผ่านบำบัดรดต้นไม้ นางสาวตรีดาว อภัยวงศ์ โฆษกกรุงเทพมหานคร แถลงผลการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร เรื่อง การป้องกันแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เนื่องจากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปีเป็นช่วงฤดูแล้ง

05.15 น. ผิด ก.ม.ความสะอาด, ภาษี-โฆษณาคอนโดฯมากสุด น.ส.ตรีดาว อภัยวงศ์ โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ว่า จากมาตรการการ จัดเก็บป้ายโฆษณาผิดกฎหมาย ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ 50 เขต

05.40 น. ม็อบข้าวโพดพบผู้ว่าฯเลย ทวงถามเงินส่วนต่างที่ลานข้าวโพดเบี้ยว...ศาลาประชาคม อบจ.เลย ด้านหลังศาลากลางจังหวัดเลย มีตัวแทนเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ประมาณ 100 คน

posted from Bloggeroid

ปรับพอร์ตรับมิคสัญญี ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: ปรับพอร์ตรับมิคสัญญี คอลัมน์ วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 

investopedia: ปรับพอร์ตรับมิคสัญญี
ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: ปรับพอร์ตรับมิคสัญญี

คอลัมน์ วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 9 คน
คำว่ามิคสัญญี ใช้อธิบายกับสถานการณ์การเมืองไทย ยุคหลังคำวินิจฉัยของศาลแพ่งในกรณี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้อย่างดีเยี่ยม

คำพูดใดๆ ที่มีต่อความสูญเสียของผู้ที่ต้องสละชีวิตเพราะบังเอิญหรือเป็นเหยื่อของสถานการณ์ให้กับความมืดบอดทางปัญญาของคนในสังคมไทยที่แย่งชิงอำนาจกันยามนี้ เป็นสิ่งที่ว่างเปล่า และไม่สามารถหยุดยั้งมิคสัญญีที่เผชิญหน้ากันได้ แต่ชีวิตของคนที่ยังต้องดิ้นรนไปกับสถานการณ์ ก็ต้องดำเนินต่อไป จนกว่าจะถึงวันอำลาจากโลกนี้

สำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้น ความเสี่ยงของการลงทุนในตลาดหุ้นทวีคูณขึ้นอย่างเลี่ยงไม่พ้น ไม่ว่าจะความเสี่ยงจากข่าวสารความรุนแรงที่นับวันจะเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพ ความเสี่ยงจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และความเสี่ยงจากความแปรปรวนของอารมณ์ตลาดที่หาความแน่นอนไม่ได้

ตลาดหุ้นไม่กลัวความเสี่ยง แต่กลัวความไม่แน่นอนที่ประเมินล่วงหน้าไม่ได้ นี่เป็นสัจธรรม

ในทางทฤษฎี ผู้เขียนเคยพูดไว้หลายครั้งแล้วว่า การต่อสู้ของพลังของความต้องการมีส่วนร่วมในอำนาจ และพลังของการปฏิเสธการมีส่วนร่วม ท่ามกลางปัญหาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและธุรกิจไทยลดถอย ได้นำมาซึ่งความพยายามโค่นล้มทางอำนาจอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู เปิดช่องให้กับสันติภาพและความก้าวหน้าเพียงน้อยนิด แต่ในทางปฏิบัติ เลือดที่นองพื้นถนนนั้น ไม่ใช่สิ่งที่พึงปรารถนาสำหรับคนทุกคน แต่คำถามว่าจะหยุดยั้งได้อย่างไร ตอบได้ยากเกินไปเสมอ

ยามนี้ สังคมไทยถูกต้อนเข้าสู่มุมอับที่แรงขับเคลื่อนของเจตนารมณ์ที่ปราศจากปัญญา ทำการปะทะกันเสมือนสังคมสิ้นไร้ปัญญา สร้างวงจรอุบาทว์รอบแล้วรอบเล่า สะท้อนให้เห็นถึงปัญหารากเหง้าของเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ที่บังเอิญมาบรรจบพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย

ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนดังกล่าว ทำให้พอร์ตลงทุนได้รับผลกระทบที่รุนแรงอย่างยิ่ง แต่ในความเลวร้ายที่กำลังดำเนินอยู่นั้น ยังมีความหวังเหลือให้เห็นอยู่เสมอ ทำนองเดียวกับภาษิตโบราณ “หาปลายามพายุ” ให้เกิดขึ้น

การช่วงชิงอำนาจทางการเมืองจนถึงขั้นสมคบคิดทำลายรัฐไทยที่ดำเนินไปอย่างสุ่มเสี่ยงโดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า มีส่วนคล้ายคลึงกันกับความบ้าคลั่งจากรังสีอำมหิตที่เคยเกิดขึ้นในยุทธการช่วงชิงอำนาจในประวัติศาสตร์สำคัญของโลกมาแล้วมากมาย

ครั้งที่โด่งดังที่สุดคือ การสังหารจูเลียส ซีซาร์ ในรัฐสภาของสาธารณรัฐโรมัน ในวันที่ 15 มีนาคม 44 ปี ก่อนคริสตกาล (Ide of March) ด้วยการตะโกนร้องว่า “เราฆ่าซีซาร์เพื่ออิสรภาพของโรม”

ครั้งต่อมาที่โด่งดังไม่แพ้กันคือ การตั้งศาลศาสนาในสเปนและอิตาลี เพื่อกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามศาสนจักรคาทอลิกว่าเป็นพวกเดียรถีย์นอกรีตที่ต้อง “ตัดขาดการติดต่อ” (หมายถึงทำให้หายตัวไปจากสังคม)

ทุกครั้งที่รังสีอำมหิตเกิดขึ้น วิกฤตครั้งสำคัญจะตามมาด้วยเสมอ แต่หลังจากวิกฤตแล้ว ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางบวกหรือทางลบ และยังไม่มีสูตรสำเร็จที่ชัดเจนว่า จะต้องเป็นไปตามสถิติที่คาดเดา

นาธาน ร็อธไชลด์ ยิวนักเก็งกำไรในตลาดหุ้นลอนดอนในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นแบบของนักลงทุนในตลาดหุ้นที่ชาญฉลาด ซึ่งสามารถใช้การวิเคราะห์และข่าวสารที่แม่นยำมาทำการใช้ประโยชน์ในการเก็งกำไรจนกลายเป็นตำนานเล่าขานกันต่อๆ มายาวนานจนถึงปัจจุบัน

ค.ศ. 1815 นโปเลียน โบนาปาร์ต จักรพรรดิของฝรั่งเศสยุคหลังการปฏิวัติฝรั่งเศส ซึ่งเคยพ่ายแพ้ในสงครามเจ็ดพันธมิตร แล้วถูกคุมขังที่เกาะเอลบาในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ได้ทำการหลบหนีจากที่คุมขังในเกาะ กลับมายังกรุงปารีส ในขณะที่การประชุมของกลุ่มพันธมิตร 7 ประเทศดำเนินอยู่ในกรุงเวียนนา

แนวร่วมพันธมิตรทั้ง 7 ประเทศ ประกาศว่า นโปเลียนเป็นบุคคลนอกกฎหมาย แล้วสั่งระดมกองทัพส่งทหาร 150,000 นาย เพื่อยุติการกลับมาของบุรุษที่น่าสะพรึงกลัว จนเกิดการเผชิญหน้ากันที่สมรภูมิวอเตอร์ลู

สงครามอันเลือดเดือดครั้งนั้น กินเวลาไม่นาน แต่เต็มไปด้วยข่าวลือสารพัดที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นทั่วยุโรปอย่างรุนแรง ยามนั้น ด้วยระบบการส่งข่าวสารที่ดีเยี่ยม และรวดเร็วกว่ารายอื่นๆ ทำให้ตลาดหุ้นที่กำลังตกต่ำเพราะข่าวสงคราม ถูกนาธาน ร็อธไชลด์ ทำการกว้านซื้อหุ้นที่กำลังตกอย่างไม่อั้น จากข่าวลือที่ถูกปล่อยแพร่ไปทั่วตลาดว่า พันธมิตรทั้ง 7 พ่ายแพ้ต่อนโปเลียน ก่อนที่หุ้นที่เขาซื้อครบถ้วนในมือตามเป้าหมายแล้ว ข่าวจริงก็ถูกปล่อยแพร่สะพัดออกไปว่า แท้ที่จริงแล้ว ผู้แพ้ตัวจริงคือนโปเลียน

ความร่ำรวยในพริบตาของนาธาน ร็อธไชลด์ ได้ถูกส่งต่อไปยังตระกูลร็อธไชลด์ในฝรั่งเศส และเยอรมนี จนกระทั่งเป็นตำนานเล่าขานกันต่อมาพร้อมกับคำพูดอมตะว่า “เมื่อเลือดนองถนน ให้เข้าซื้อ” และ “เมื่อเสียงแตร (แห่งชัยชนะ) ดังขึ้น ให้ล้างพอร์ต”

ยามนี้ ตลาดหุ้นไทยถูกกครอบงำด้วยรังสีอำมหิตของการทำลายล้างและสำเร็จความใคร่ทางการเมืองมานานกว่า 3 เดือนแล้ว แต่ดัชนีของตลาดที่ยังสามารถรักษาระดับแนวรับดัชนี SET ไว้เหนือระดับ 1,300 จุดได้ จึงไม่น่าจะเป็นจุดอับหรือหายนะของตลาด หากเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับตำแหน่งการเก็งกำไรอย่างมีนัยสำคัญ

ตัวอย่างการร่วงแรงของหุ้นกลุ่มชินอย่าง INTUCH และ ADVANC หลายวันมานี้ เข้าสูตรของร็อธไชลด์เต็มเปา

บทเรียนจากร็อธไชลด์ บอกให้รู้ว่าในมิคสัญญีนั้น มีโอกาสแฝงอยู่ด้วยเสมอ สอดรับกับภาษิตโบราณท่า “สองคนยลตามช่อง” ไม่มีผิด ขึ้นอยู่กับนักลงทุนแต่ละคนว่า ใครจะมองเห็น “โคลนตม” หรือเห็น “ดาราพราวพราย”

posted from Bloggeroid

ปรับพอร์ตรับมิคสัญญี

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: ปรับพอร์ตรับมิคสัญญี

คอลัมน์ วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 9 คน
คำว่ามิคสัญญี ใช้อธิบายกับสถานการณ์การเมืองไทย ยุคหลังคำวินิจฉัยของศาลแพ่งในกรณี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้อย่างดีเยี่ยม

คำพูดใดๆ ที่มีต่อความสูญเสียของผู้ที่ต้องสละชีวิตเพราะบังเอิญหรือเป็นเหยื่อของสถานการณ์ให้กับความมืดบอดทางปัญญาของคนในสังคมไทยที่แย่งชิงอำนาจกันยามนี้ เป็นสิ่งที่ว่างเปล่า และไม่สามารถหยุดยั้งมิคสัญญีที่เผชิญหน้ากันได้ แต่ชีวิตของคนที่ยังต้องดิ้นรนไปกับสถานการณ์ ก็ต้องดำเนินต่อไป จนกว่าจะถึงวันอำลาจากโลกนี้

สำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้น ความเสี่ยงของการลงทุนในตลาดหุ้นทวีคูณขึ้นอย่างเลี่ยงไม่พ้น ไม่ว่าจะความเสี่ยงจากข่าวสารความรุนแรงที่นับวันจะเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพ ความเสี่ยงจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และความเสี่ยงจากความแปรปรวนของอารมณ์ตลาดที่หาความแน่นอนไม่ได้

ตลาดหุ้นไม่กลัวความเสี่ยง แต่กลัวความไม่แน่นอนที่ประเมินล่วงหน้าไม่ได้ นี่เป็นสัจธรรม

ในทางทฤษฎี ผู้เขียนเคยพูดไว้หลายครั้งแล้วว่า การต่อสู้ของพลังของความต้องการมีส่วนร่วมในอำนาจ และพลังของการปฏิเสธการมีส่วนร่วม ท่ามกลางปัญหาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและธุรกิจไทยลดถอย ได้นำมาซึ่งความพยายามโค่นล้มทางอำนาจอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู เปิดช่องให้กับสันติภาพและความก้าวหน้าเพียงน้อยนิด แต่ในทางปฏิบัติ เลือดที่นองพื้นถนนนั้น ไม่ใช่สิ่งที่พึงปรารถนาสำหรับคนทุกคน แต่คำถามว่าจะหยุดยั้งได้อย่างไร ตอบได้ยากเกินไปเสมอ

ยามนี้ สังคมไทยถูกต้อนเข้าสู่มุมอับที่แรงขับเคลื่อนของเจตนารมณ์ที่ปราศจากปัญญา ทำการปะทะกันเสมือนสังคมสิ้นไร้ปัญญา สร้างวงจรอุบาทว์รอบแล้วรอบเล่า สะท้อนให้เห็นถึงปัญหารากเหง้าของเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ที่บังเอิญมาบรรจบพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย

ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนดังกล่าว ทำให้พอร์ตลงทุนได้รับผลกระทบที่รุนแรงอย่างยิ่ง แต่ในความเลวร้ายที่กำลังดำเนินอยู่นั้น ยังมีความหวังเหลือให้เห็นอยู่เสมอ ทำนองเดียวกับภาษิตโบราณ “หาปลายามพายุ” ให้เกิดขึ้น

การช่วงชิงอำนาจทางการเมืองจนถึงขั้นสมคบคิดทำลายรัฐไทยที่ดำเนินไปอย่างสุ่มเสี่ยงโดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า มีส่วนคล้ายคลึงกันกับความบ้าคลั่งจากรังสีอำมหิตที่เคยเกิดขึ้นในยุทธการช่วงชิงอำนาจในประวัติศาสตร์สำคัญของโลกมาแล้วมากมาย

ครั้งที่โด่งดังที่สุดคือ การสังหารจูเลียส ซีซาร์ ในรัฐสภาของสาธารณรัฐโรมัน ในวันที่ 15 มีนาคม 44 ปี ก่อนคริสตกาล (Ide of March) ด้วยการตะโกนร้องว่า “เราฆ่าซีซาร์เพื่ออิสรภาพของโรม”

ครั้งต่อมาที่โด่งดังไม่แพ้กันคือ การตั้งศาลศาสนาในสเปนและอิตาลี เพื่อกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามศาสนจักรคาทอลิกว่าเป็นพวกเดียรถีย์นอกรีตที่ต้อง “ตัดขาดการติดต่อ” (หมายถึงทำให้หายตัวไปจากสังคม)

ทุกครั้งที่รังสีอำมหิตเกิดขึ้น วิกฤตครั้งสำคัญจะตามมาด้วยเสมอ แต่หลังจากวิกฤตแล้ว ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางบวกหรือทางลบ และยังไม่มีสูตรสำเร็จที่ชัดเจนว่า จะต้องเป็นไปตามสถิติที่คาดเดา

นาธาน ร็อธไชลด์ ยิวนักเก็งกำไรในตลาดหุ้นลอนดอนในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นแบบของนักลงทุนในตลาดหุ้นที่ชาญฉลาด ซึ่งสามารถใช้การวิเคราะห์และข่าวสารที่แม่นยำมาทำการใช้ประโยชน์ในการเก็งกำไรจนกลายเป็นตำนานเล่าขานกันต่อๆ มายาวนานจนถึงปัจจุบัน

ค.ศ. 1815 นโปเลียน โบนาปาร์ต จักรพรรดิของฝรั่งเศสยุคหลังการปฏิวัติฝรั่งเศส ซึ่งเคยพ่ายแพ้ในสงครามเจ็ดพันธมิตร แล้วถูกคุมขังที่เกาะเอลบาในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ได้ทำการหลบหนีจากที่คุมขังในเกาะ กลับมายังกรุงปารีส ในขณะที่การประชุมของกลุ่มพันธมิตร 7 ประเทศดำเนินอยู่ในกรุงเวียนนา

แนวร่วมพันธมิตรทั้ง 7 ประเทศ ประกาศว่า นโปเลียนเป็นบุคคลนอกกฎหมาย แล้วสั่งระดมกองทัพส่งทหาร 150,000 นาย เพื่อยุติการกลับมาของบุรุษที่น่าสะพรึงกลัว จนเกิดการเผชิญหน้ากันที่สมรภูมิวอเตอร์ลู

สงครามอันเลือดเดือดครั้งนั้น กินเวลาไม่นาน แต่เต็มไปด้วยข่าวลือสารพัดที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นทั่วยุโรปอย่างรุนแรง ยามนั้น ด้วยระบบการส่งข่าวสารที่ดีเยี่ยม และรวดเร็วกว่ารายอื่นๆ ทำให้ตลาดหุ้นที่กำลังตกต่ำเพราะข่าวสงคราม ถูกนาธาน ร็อธไชลด์ ทำการกว้านซื้อหุ้นที่กำลังตกอย่างไม่อั้น จากข่าวลือที่ถูกปล่อยแพร่ไปทั่วตลาดว่า พันธมิตรทั้ง 7 พ่ายแพ้ต่อนโปเลียน ก่อนที่หุ้นที่เขาซื้อครบถ้วนในมือตามเป้าหมายแล้ว ข่าวจริงก็ถูกปล่อยแพร่สะพัดออกไปว่า แท้ที่จริงแล้ว ผู้แพ้ตัวจริงคือนโปเลียน

ความร่ำรวยในพริบตาของนาธาน ร็อธไชลด์ ได้ถูกส่งต่อไปยังตระกูลร็อธไชลด์ในฝรั่งเศส และเยอรมนี จนกระทั่งเป็นตำนานเล่าขานกันต่อมาพร้อมกับคำพูดอมตะว่า “เมื่อเลือดนองถนน ให้เข้าซื้อ” และ “เมื่อเสียงแตร (แห่งชัยชนะ) ดังขึ้น ให้ล้างพอร์ต”

ยามนี้ ตลาดหุ้นไทยถูกกครอบงำด้วยรังสีอำมหิตของการทำลายล้างและสำเร็จความใคร่ทางการเมืองมานานกว่า 3 เดือนแล้ว แต่ดัชนีของตลาดที่ยังสามารถรักษาระดับแนวรับดัชนี SET ไว้เหนือระดับ 1,300 จุดได้ จึงไม่น่าจะเป็นจุดอับหรือหายนะของตลาด หากเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับตำแหน่งการเก็งกำไรอย่างมีนัยสำคัญ

ตัวอย่างการร่วงแรงของหุ้นกลุ่มชินอย่าง INTUCH และ ADVANC หลายวันมานี้ เข้าสูตรของร็อธไชลด์เต็มเปา

บทเรียนจากร็อธไชลด์ บอกให้รู้ว่าในมิคสัญญีนั้น มีโอกาสแฝงอยู่ด้วยเสมอ สอดรับกับภาษิตโบราณท่า “สองคนยลตามช่อง” ไม่มีผิด ขึ้นอยู่กับนักลงทุนแต่ละคนว่า ใครจะมองเห็น “โคลนตม” หรือเห็น “ดาราพราวพราย”

posted from Bloggeroid

มหาเศรษฐีฮ่องกง ลี กา ชิง สอนวิธีทีซื้อบ้านและรถภายในเวลา 5 ปี

มหาเศรษฐีฮ่องกง ลี กา ชิง สอนวิธีทีซื้อบ้านและรถภายในเวลา 5 ปี

กระทู้ *1 หยวน ประมาณ 5 บาท
มหาเศรษฐีฮ่องกง ลี กา ชิง แบ่งปันความภูมิปัญญาทางด้านการเงินของเขา สรุปแผนที่ใช้ในการสร้างแรงบันดาลใจเกี่ยวกับแผนห้าปีที่จะเปลี่ยนชีวิตคนไปในทางที่ดีขึ้นได้อย่างสิ้นเชิง

สมมติว่ารายได้ต่อเดือนของคุณมีแค่ 2,000 หยวน คุณสามารถมีการ เป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ โดยการที่คุณแบ่งเงินเป็น 5 ส่วน ส่วนแรก 600 หยวน, ส่วนที่สอง 400 หยวน, ส่วนที่สาม 300 หยวน, ส่วนที่สี่ 200 หยวน, ส่วนที่ห้า 500 หยวน

เงินส่วนแรก กันเอาไว้เพื่อใช้จ่ายในการดำเนินชีวิตประจำวัน ด้วยวิธีง่ายๆ คุณแค่แบ่งเงินในแต่ละวันไว้ใช้จ่ายไม่เกิน 20 หยวนต่อวัน มื้อเช้าของทุกวันกินวุ้นเส้น ไข่หนึ่งฟอง และนมหนึ่งแก้ว ส่วนมื้อกลางวันก็กินอาหารเบาๆ และผลไม้ พอมือเย็นก็เข้าครัวไปทำอาหารที่ประกอบด้วยผัก และดื่มนมหนึ่งแก้วก่อนนอน ในหนึ่งเดือนค่าใช้จ่ายตกประมาณ 500-600 หยวน เมื่อคุณยังหนุ่มสาวร่างกายคุณยังไม่ค่อยเจ็บป่วยในช่วงปีแรกๆ พอเพียงสำหรับการกินอยู่แบบนี้

เงินส่วนที่สอง กันไว้สำหรับการสร้างเพื่อน และขยายความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในแวดวง สิ่งนี้จะทำให้คุณมั่งคั่ง กันไว้ 100 หยวนสำหรับค่าโทรศัพท์ กันเงินไว้สำหรับกินข้าวกับเพื่อนๆ 2 มื้อต่อเดือน มื้อละ 150 หยวน ใครคือคนที่คุณสมควรจะกินข้าวด้วย? จำไว้เสมอว่าคุณจะต้องกินข้าวกับคนที่มีความรู้มากกว่าคุณและรวยกว่าคุณหรือคนทีจะช่วยสนับสนุนคุณในด้านการงานได้ แน่ใจว่าคุณต้องทำเช่นนี้ทุกเดือน หลังจากนั้นหนึ่งปีแวดวงเพื่อนๆ ของคุณจะสร้างคุณค่ามากมายมหาศาลให้กับคุณ ชื่อเสียงและอิทธิพลของคุณจะเพิ่มมูลค่าเป็นที่จดจำ ภาพลักษณ์ของคุณจะเพิ่มขึ้นเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

เงินส่วนที่สาม การเรียนรู้ คุณควรจะจ่ายเงินประมาณ 50 ถึง 100 หยวน ในการซื้อหนังสือ เพราะคุณมีเงินไม่มาก คุณควรเอาใจใส่กับการจ่ายเงินไปกับการเรียนรู้ เมื่อคุณซื้อหนังสือและอ่านมันอย่างระมัดระวัง จงเรียนรู้บทเรียนและกลยุทธต่างๆ ที่สอนไว้ในหนังสือ หลังจากอ่านหนังสือแต่ละเล่มให้เล่าเรื่องราวเป็นภาษาของคุณ การแบ่งปันกับคนอื่นจะช่วยให้คุณได้รับความน่าเชื่อถือและเป็นคนที่น่าสนใจ และประหยัดเงินเดือนละ 200 หยวนเพื่อเข้าคอร์สอบรมต่างๆ เมื่อคุณรายได้เพิ่ม ให้กันเงินส่วนนี้เพิ่มขึ้นและเข้าร่วมคอร์สอบรมในระดับที่สูงขึ้น เมื่อคุณเข้าร่วมคอร์สอบรมที่ดีมันจะไม่ช่วยแค่ให้คุณมีความรู้ที่ดี แต่ยังจะช่วยให้คุณเจอเพื่อนที่มีความคิดเหมือนกันซึ่งหาไม่ได้ง่ายๆ

เงินส่วนที่สี่ เก็บไว้ใช้สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศในวันหยุด ให้รางวัลแก่ตนเองโดยการเดินทางไปต่างประเทศอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อการเติบโตของประสบการณ์ในชีวิตอย่างต่อเนื่อง พักในโฮสเตลราคาประหยัด ในเวลาไม่กี่ปีผ่านไปคุณจะเดินทางไปหลายประเทศและจะมีประสบการณ์หลากหลาย ใช้ประสบการณ์เหล่านี้เป็นการเพิ่มพลังใหม่ให้ตัวเองมีแรงขับดันในการทำงานต่อไป

เงินส่วนที่ห้า ลงทุน ประหยัด 500 หยวนเก็บไว้ในธนาคารเพื่อเป็นทุนในการเริ่มต้นทำธุรกิจ เงินทุนสามารถใช้ในการเริ่มต้นทำธุรกิจเล็กๆ การเริ่มจากธุรกิจเล็กๆ มักจะปลอดภัยในการเริ่มต้น ไปหาผู้ค้าส่งและหาสินค้ามาขาย แม้คุณจะขาดทุน คุณจะเสียเงินไม่มาก อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณเริ่มหาเงิน มันจะช่วยเพิ่มความมั่นใจกับความกล้า และได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ของการเริ่มต้นทำธุรกิจเล็กๆ เมื่อมีรายได้มากพอคุณสามารถเริ่มมองหาแผนการลงทุนระยะยาว และลงทุนในหลักทรัพย์ระยะยาวด้วยเงินของคุณและครอบครัวคุณ ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องกังวลเพราะเงินจำนวนนี้ของคุณไม่ได้ทำให้คุณภาพชีวิตคุณตกต่ำลง

อย่างไรก็ดี หลังจากคุณดิ้นรนเป็นเวลาผ่านไปหนึ่งปี ถ้าเงินเดือนคุณยังคง 2,000 หยวน นั่นหมายความว่าคุณไม่ได้มีความก้าวหน้าขึ้นเลย คุณควรจะสำนึกละอายใจและสั่งสอนตัวเองด้วยการไปซื้อซุปเปอร์มาร์เก็ต และซื้อเต้าหู้ที่แข็งที่สุด แล้วเอามันปาใส่หัวตัวเองเพราะคุณสมควรโดนแบบนั้น

แต่ถ้าถึงตอนนั้นรายได้ต่อเดือนคุณอยู่ที่ 3,000 หยวน คุณต้องยังคงทำงานหนัก คุณต้องหางานเสริม จะเป็นการดีถ้าเป็นงานขาย ทำให้การขายเป็นเรื่องท้าทาย เป็นวิธีที่เร็วที่สุดที่คุณจะได้เรียนรู้ศิลปะในการขายและความรู้อย่างลึกซึ้งซึ่งสามารถนำไปใช้กับอาชีพคุณได้ เจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเริ่มจากการเป็นนักขายที่ดี พวกเขามีความสามารถในการขายความฝันและวิสัยทัศน์ คุณจะพบผู้คนมากมายที่มีคุณค่าต่ออาชีพของคุณในภายหลัง เมื่อเริ่มขายคุณจะได้เรียนรู้ว่าอะไรขายได้และอะไรขายไม่ได้ ใช้ไหวพริบในการตรวจสอบตลาดเป็นวิธีในการดำเนินธุรกิจของคุณและหาผลิตภัณฑ์ที่จะเป็นผู้ชนะในอนาคต

ซื้อเสื้อผ้าและรองเท้าให้น้อยที่สุด คุณสามารถซื้อมันทั้งหมดได้เมื่อคุณรวย ประหยัดเงินของคุณและซื้อของขวัญให้คนที่คุณรักและบอกพวกเค้าถึงแผนการและเป้าหมายทางการเงินของคุณ บอกพวกเค้าว่าทำไมคุณถึงต้องประหยัดอดออม บอกเค้าถึงความพยายาม ทิศทางที่คุณกำลังจะไป และความฝันต่างๆ ของคุณ

นักธุรกิจทุกคนต้องการความช่วยเหลือ ให้คุณเสนอตัวเองต่อพวกเขาในการทำงานนอกเวลาในโอกาสต่างๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยพัฒนาความสามารถของคุณ และคุณจะได้พัฒนาทักษะในการเจรจาของคุณและในไม่ช้าคุณจะใกล้เป้าหมายทางการเงิน เมื่อเข้าปีที่สองรายได้ของคุณควรจะเพิ่มเป็น 5,000 หยวน อย่างน้อยสุดก็ควรจะเป็น 3,000 หยวน มิฉะนั้นคุณจะไม่สามารถสู้กับเงินเฟ้อได้

ไม่ว่าคุณจะหารายได้เพิ่มมาขึ้นเท่าไร จำไว้เสมอว่าแบ่งเงินเป็นห้าส่วน ทำตัวเองให้เป็นประโยชน์อยู่เสมอ จงใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นไปกับการสร้างเครือข่าย เมื่อคุณรู้จักผู้คนมากขึ้นเครือข่ายของคุณขยายมากขึ้นคุณจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น จงใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นไปกับการเรียนรู้เพื่อสร้างความมั่นใจให้ตัวเองมากขึ้น จงใช้เงินเพิ่มขึ้นไปกับการท่องเที่ยวในวันหยุดในที่ใหม่ที่ยังไม่เคยไป จงเพิ่มการลงทุนไปกับอนาคตคุณซึ่งมันจะสร้างรายได้ให้คุณอย่างมหาศาล

รักษาสมดุลนี้ไว้ และคุณจะเริ่มมีเหลือกินเหลือใช้เรื่อยๆ คุณกำลังเดินทางมาถูกทางสำหรับการวางแผนในชีวิต สุขภาพของคุณจะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคุณได้รับสารอาหารและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพื่อนจะมีมากมายคุณจะสามารถสร้างคุณค่าจากเครือข่ายของเพื่อนได้ในเวลาเดียวกัน คุณจะได้รับโอกาสในการฝึกฝนตัวเองในทักษะระดับสูง และคุณจะได้รับผิดชอบโครงการที่ใหญ่กว่าเดิม โอกาสที่ใหญ่กว่าเดิม ในไม่ช้าคุณจะตระหนักว่าคุณมีความฝันมากมาย ซื้อบ้าน ซื้อรถ และเตรียมค่าเล่าเรียนของลูกของคุณ

ชีวิตและเส้นทางชีวิตสามารถออกแบบได้ซึ่งจะนำไปสู่ความสุข คุณควรเริ่มแผนตั้งแต่ตอนนี้ เมื่อคุณจนให้ใช้เวลาอยู่ที่บ้านให้น้อยกว่าการใช้เวลาอยู่ข้างนอก เมื่อคุณรวยอยู่ที่บ้านมากขึ้นอยู่ข้างนอกให้น้อยลง นี่คือศิลปะการใช้ชีวิต เมื่อคุณจนให้ใช้จ่ายเงินไปกับผู้อื่น แต่เมื่อคุณรวยใช้เงินไปกับตัวคุณเอง คนส่วนใหญ่ทำตรงกันข้ามกัน

เมื่อคุณจนจงทำดีกับผู้อื่นอย่ามัวแต่คิดเรื่องผลประโยชน์ เมื่อคุณรวยคุณต้องเรียนรู้ที่จะทำให้ผู้อื่นดีต่อคุณ คุณต้องเรียนรู้ที่จะทำตัวเองให้ดีกว่าเป็นคนที่ดีกว่าที่เป็น เมื่อคุณจนคุณต้องผลักดันตัวเองออกมาในที่คนอื่นสามารถจะมองเห็นคุณได้เพื่อให้คนอื่นใช้งานและทักษะที่คุณมี เมื่อคุณรวยคุณต้องรู้จักปกป้องตัวเองอย่าปล่อยให้ใครมาหลอกใช้คุณได้ง่ายๆ เป็นความซับซ้อนในเส้นทางของชีวิตที่หลายคนยังไม่เข้าใจ

เมื่อคุณจนให้คุณใช้เงินเพื่อทำให้ผู้อื่นรู้จักคุณ แต่เมื่อคุณรวยจงอย่าโอ้อวดว่าคุณรวย ใช้จ่ายเงินของคุณในการซื้อของอย่างเงียบๆ เมื่อคุณจนคุณต้องเป็นคนมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเมื่อคุณรวยคุณต้องไม่ถูกมองว่าเป็นคนฟุ่มเฟือย ชีวิตของคุณจะวนกลับมาสู่สามัญคุณควรจะอยู่อย่างเรียบง่ายเมื่อคุณมาถึงจุดนี้

ไม่มีสิ่งใดผิดเมื่อคุณยังหนุ่มสาว คุณไม่ต้องกลัวว่าคุณจน คุณต้องรู้วิธีลงทุนในตัวคุณเองที่จะเพิ่มปัญญาและระดับความสำเร็จ คุณต้องรู้ว่าอะไรจำเป็นและไม่สำเป็นต่อชีวิต คุณต้องรู้ว่าอะไรควรหลีกเลี่ยงและไม่จ่ายเงินฟุ่มเฟือยไปกับมัน นี่คือวินัยที่จำเป็นอย่างยิ่ง พยายามหลีกเลี่ยงในการใช้จ่ายเงินไปกับการซื้อเสื้อหลายๆ ชุดแต่รู้จักเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ดูดีเพียงไม่กี่ชุด พยายามกินข้าวนอกบ้านให้น้อยที่สุด ถ้าคุณกินข้างนอกบ้านคุณต้องแน่ใจว่าคุณซื้อมื้อกลางวันหรือมื้อเย็นที่คุณจ่าย คุณจ่ายเพื่อกินกับผู้คนที่มีความฝันใหญ่กว่า ทำงานหนักกว่าคุณ

เมื่อการทำมาหากินของคุณไม่เป็นเรื่องที่ต้องกังวลอีกต่อไป ใช้เงินที่เหลือไล่ตามความฝันของคุณ สยายปีกของคุณและกล้าที่จะฝันทำให้คุณแน่ใจว่าชีวิตของคุณเป็นสิ่งวิเศษ

ทฤษฎีที่มีชื่อเสียงจากฮาร์วาร์ด ความแตกต่างของโชคชะตาของแต่ละคนถูกตัดสินจากสิ่งที่เค้าจ่ายในเวลาว่างระหว่าง 20.00 น. ถึง 22.00 น. ใช้เวลา 2 ชั่วโมงนี้ในการเรียนรู้ คิด และเข้าร่วมในการเข้าร่วมการบรรยายหรือการสัมมนาที่มีความหมาย ถ้าคุณทำแบบนี้สักปีสองปี ความสำเร็จจะเข้ามาหาคุณ

ไม่สำคัญว่าคุณหาเงินได้เท่าไร จำไว้ว่าแบ่งเงินเป็นห้าส่วน ดูแลตัวเองรักษารูปร่างให้ดีอยู่เสมอ ลงทุนในการเข้าสังคมพบผู้คนใหม่อย่างต่อเนื่องและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้จากคนเหล่านี้ การขยายเครือข่ายทางสังคมจะทำให้รายได้คุณเพิ่มขึ้น เดินทางทุกปีในที่แตกต่างกันออกไป และคอยติดตามการพัฒนาการล่าสุดของโลกอุตสาหกรรมด้วย ถ้าคุณทำตามแผนนี้อย่างขยันขันแข็ง คุณจะมีเงินทุนเหลือมากมาย

อะไรที่ผ่านไปแล้วในอดีตก็ปล่อยให้มันผ่านไป อย่ามัวจมอยู่กับความผิดพลาด ไม่จำเป็นที่จะมัวมานั่งเสียใจกับสิ่งที่สูญเสียไปแล้ว ทุกคนเคยทำผิดพลาด และคุณจะได้เรียนรู้จากมัน และสัญญากับตัวเองว่าจะไม่พลาดซ้ำอีก เมื่อคุณพลาดโอกาสอย่ามัวเศร้าเสียใจ มีโอกาสใหม่รออยู่ข้างหน้าเสมอ

คุณสามารถที่จะยิ้มรับเมื่อถูกเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ เมื่อคุณทำผิดและคุณยิ้มรับอย่างสงบนั้นคือความใจกว้าง เมื่อคุณถูกเอาเปรียบแต่คุณยังยิ้มได้คุณคือคนใจกว้าง เมื่อคุณทำอะไรไม่ถูกให้คุณค่อยๆ ยิ้มอย่างใจเย็นมันจะทำให้คุณอยู่ในสภาวะที่สงบนิ่ง เมื่อคุณเจ็บปวดคุณสามารถที่จะหัวเราะออกมาดังๆ ได้คุณคือคนใช้กว้าง เมื่อคุณถูกดูหมิ่นเหยียดหยามและคุณยิ้มได้อย่างสงบคุณคือคนที่มีความมั่นใจ เมื่อคุณถูกปฏิเสธในความสัมพันธ์และคุณสามารถยิ้มได้คุณคือคนอ่อนโยน

ยังมีคนอีกจำนวนมากที่จะดิ้นรนเพื่อที่จะมีเงินเพียงพอต่อการใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน แต่มันไม่สำคัญว่าคุณจะรวยหรือจนน นี่คือทั้งหมดของบทเรียนที่คุณได้เรียนรู้จาก ลี กา ชิง

บทความจาก : therealsingapore.com

สอยหุ้นแบงก์รับปันผล KTB-เกียรตินาคินเด่น

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: สอยหุ้นแบงก์รับปันผล
KTB-เกียรตินาคินเด่น
ข่าวหน้าหนึ่ง วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 7 คน

โบรกฯแนะทยอยเก็บหุ้นแบงก์รับปันผล กรุงไทยจ่ายสูง 0.92 บาทต่อหุ้น ยีลด์ 5.34% แถมราคายังต่ำ ขณะที่แบงก์กรุงเทพ ไทยพาณิชย์ ดีกว่ากสิกรไทย ด้านแบงก์เล็กยกให้เกียรตินาคิน ปันผลอันดับหนึ่ง มากสุดในระบบ 8.38% ทิสโก้ตามมาห่างๆ 6.49%



นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาหุ้นแบงก์ลดลงมาเล็กน้อย เนื่องจากเป็นหุ้นเศรษฐกิจ และปัจจัยภายในประเทศที่การเมืองกำลังร้อนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยถ้าสถานการณ์ยังยืดเยื้อต่อไปจะส่งผลต่อหุ้นแบงก์พอสมควร ถึงแม้ว่าพื้นฐานธนาคารจะดีทั้งในแง่ผลประกอบการ ยกเว้นสินเชื่อที่เติบโตลดลง

“สถานการณ์แบบนี้มองสั้นไม่ได้ ประเมินยาก ต้องมองยาวๆ คนที่อยากซื้อคงมองว่าราคาลงมาเยอะ พื้นฐานไม่ได้แย่ควรถือยาวไปนานๆ รอให้หุ้นฟื้นตัวให้มากกว่านี้”

โดยธนาคารที่ประกาศจ่ายปันผลเป็นแห่งแรก คือ ธนาคารทหารไทย(TMB) ซึ่งปี 56 จ่ายอัตราหุ้นละ 0.04 บาท และขึ้น XD วันที่ 21 เม.ย. โดยจ่ายปันผลวันที่ 8 พ.ค. 57 คิดเป็น Dividend Yield (ดิวิเดนด์ยีลด์) ที่ 1.66%ส่วนปี 57 จะจ่ายปันผลอยู่ที่ 0.05 บาทต่อหุ้น

ส่วนธนาคารอื่นๆ จะทยอยประกาศเริ่มสัปดาห์นี้เป็นต้นไป ซึ่งธนาคารกรุงเทพ(BBL) คาดว่าทั้งปี 56 จะจ่ายปันผลอยู่ที่ 6.58 บาทต่อหุ้นหลังระหว่างกาลปี 56 จ่ายไปแล้ว 2 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Dividend Yield (ดิวิเดนด์ยีลด์) ที่ 3.83% คาดว่าทั้งปี 57 จะจ่ายปันผลอยู่ที่ 7.10 บาท/หุ้น

ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) คาดว่าทั้งปี 56 จะจ่ายปันผลอยู่ที่ 4.43 บาทต่อหุ้น หลังระหว่างกาลปี 56 จ่ายไปแล้ว 1.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Dividend Yield (ดิวิเดนด์ยีลด์) ที่ 2.99% โดยทั้งปี 57 จะจ่ายปันผลอยู่ที่ 4.86 บาทต่อหุ้น

ธนาคารเกียรตินาคิน(KKP) คาดว่าทั้งปี 56 จะจ่ายปันผลอยู่ที่ 3.25 บาทต่อหุ้น หลังระหว่างกาลปี 56 จ่ายไปแล้ว 1 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Divi dend Yield (ดิวิเดนด์ยีลด์) ที่ 8.38% โดยทั้งปี 57 จะจ่ายปันผลอยู่ที่ 3.50 บาทต่อหุ้น

ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) คาดว่าทั้งปี 56 จะจ่ายปันผลอยู่ที่ 3.45 บาทต่อหุ้น หลัง ระหว่างกาลปี 56 จ่ายไปแล้ว 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Dividend Yield (ดิวิเดนด์ยีลด์) ที่ 2.09% โดยทั้งปี 57 จะจ่ายปันผลอยู่ที่ 3.40 บาทต่อหุ้น

ธนาคารธนชาต(TCAP) คาดว่าทั้งปี 56 จะจ่ายปันผลอยู่ที่ 1.60 บาทต่อหุ้น หลังระหว่างกาลปี 56 จ่ายไปแล้ว 0.60 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Dividend Yield (ดิวิเดนด์ยีลด์) ที่ 5.61% โดยทั้งปี 57 จะจ่ายปันผลอยู่ที่ 1.60 บาทต่อหุ้น

ธนาคารกรุงศรี (BAY) คาดว่าทั้งปี 56 จะจ่ายปันผลอยู่ที่ 1.90 บาทต่อหุ้น หลังระหว่างกาลปี 56 จ่ายไปแล้ว 0.40 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Divi dend Yield (ดิวิเดนด์ยีลด์) ที่ 5.58% โดยปี 57 จะจ่ายปันผลอยู่ที่ 0.85 บาทต่อหุ้น

ธนาคารทิสโก้ (TISCO) คาดว่าปี 56 จะจ่ายปันผลอยู่ที่ 2.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Divi dend Yield (ดิวิเดนด์ยีลด์) ที่ 6.49% โดยปี 57 จะจ่ายปันผลอยู่ที่ 2.46 บาทต่อหุ้น

ธนาคารกรุงไทย (KTB) คาดว่าปี 56 จะจ่ายปันผลอยู่ที่ 0.92 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Divi dend Yield (ดิวิเดนด์ยีลด์) ที่ 5.34% ส่วนปี 57 จะจ่ายปันผลอยู่ที่ 0.94 บาทต่อหุ้น

นายวรพล วิรุฬห์ศรี นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่วงนี้แนะนำสะสมหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เพราะเริ่มต้นสัปดาห์หน้านี้จะเริ่มเข้าสู่การจ่ายปันผลระหว่างกาลปี 56 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะทยอยขึ้น XD ประมาณเดือนเมษายน 57

โดยฝ่ายวิจัยแนะนำ "เพิ่มน้ำหนัก" เข้าลงทุนใน KTB เพราะหากนักลงทุนทยอยซื้อสะสมหุ้น KTB ในช่วงนี้จะได้ราคาหุ้นที่ถูกมาก ประกอบกับ KTB ยังมีความโดดเด่นเรื่องการจ่ายปันผลที่ให้อัตราปันผล (Dividend Yield) สูงที่สุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ โดยคาดปี 56 จะจ่ายปันผลอัตรา 1 บาทต่อหุ้น Dividend Yield 5.9% เพิ่มขึ้นจากปี 55 ที่จ่ายปันผลอัตรา 0.80 บาทต่อหุ้น และ ปี 57 คาดจ่ายปันผล 1.20 บาทต่อหุ้น Dividend Yield 6.89%



ตารางแสดงการจ่ายปันผลของธนาคารพาณิชย์

posted from Bloggeroid

‘ชินฯ-AIS’สู้รังควาญ ราคาหุ้นกลับมาฟื้น *แห่ไล่เก็บแนวรับ ต่างชาติยังกอดแน่น

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: ‘ชินฯ-AIS’สู้รังควาญ
ราคาหุ้นกลับมาฟื้น
*แห่ไล่เก็บแนวรับ ต่างชาติยังกอดแน่น
ข่าวหน้าหนึ่ง วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 8 คน




หุ้น ADVANC และ INTUCH ราคายังไม่ร่วงมากนักหลังถูกโยงเกี่ยวการเมือง เผยพอราคาใกล้แนวรับสำคัญ แห่เก็บเข้าพอร์ตกันสนุกสนาน โบรกฯมองแค่ผลกระทบระยะสั้น ย้ำหุ้นจ่ายปันผลงาม แต่หากใครเล่นเทรดดิ้ง แนะอย่าเพิ่งเข้า จนกว่าจะมีจังหวะงามๆ ส่วนนักลงทุนระยะยาวซื้อได้ทันที ส่วนต่างชาติ สถาบัน ยังเก็บหุ้นทั้งสองตัวไว้ในพอร์ต


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (24 ก.พ.) หุ้นของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ราคาได้เคลื่อนไหวอยู่ในแนวลบตลอดทั้งวัน โดยราคาหุ้น ADVANC สูงสุดของวันอยู่ที่ 208 บาท และต่ำสุดอยู่ที่ 201 บาท ก่อนจะปิดตลาดที่ระดับ 206 บาท ลบลงไป 4 บาท เปลี่ยนแปลง 1.90%

ทั้งนี้ จะพบว่า ราคาหุ้น ADVANC เมื่อลงมาใกล้แนวรับสำคัญที่ระดับ 200 บาท จะมีแรงซื้อเข้ามาในทันที ส่งผลให้ราคาหุ้นยังสามารถยืนเหนือ 200 บาทได้อยู่ และมีมูลค่าซื้อขาย 2,487 ล้านบาท

ส่วนหุ้น INTUCH นั้น ราคาสูงสุดของวันอยู่ที่ 71.25 บาท และต่ำสุดอยู่ที่ 69.50 บาท และราคาหุ้นในช่วงปิดตลาด 70.50 ติดลบ 1.50 บาท เปลี่ยนแปลง 2.08% บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,706 ล้านบาท โดยความเคลื่อนไหวหุ้น INTUCH นั้นเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ADVANC คือเมื่อใกล้แนวรับ (68.50 บาท) ก็จะมีแรงซื้อเข้ามาทันที

นายรณกฤต สารินวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บล.คันทรี่ กรุ๊ป กล่าวว่า หุ้นทั้งสองตัวดังกล่าว หากเป็นนักลงทุนระยะสั้น ก็แนะนำว่าอย่าเพิ่งเข้าไปซื้อ โดยให้รองลงมาที่แนวรับ คือ ADVANC จะอยู่ที่ 200 บาท และ INTUCH อยู่ที่ 68.50 บาท

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา มองว่า หุ้น ADVANC และหุ้น INTUCH ทั้ง 2 ตัวมาร์แก็ตแคปอยู่ที่ 28% (เทียบกับมาร์เก็ตแคปโดยรวมของตลาดฯ) แต่ผลกระทบจะเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยกับตลาดฯ เนื่องจากแรงเทขายที่ออกมามีจำนวนไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อย ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนสถาบันยังคงถือต่อไป ไม่ได้มีการขายออกมาแบบมีนัยสำคัญ

“ตอนนี้ตลาดหุ้นยังมีความผันผวนต่อเนื่อง โดยการเมืองเป็นปัจจัยหลักที่กดดันบรรยากาศการลงทุน ซึ่งต้องใช้เวลาประเมินว่าจะกระทบมากน้อยแค่ไหน โดยตอนนี้เลี่ยงลงทุนแล้วหันไปหาหุ้นที่ไม่อิงกระแส เช่น กลุ่มส่งออก เพราะไม่เกี่ยวกับการเมือง และ เศรษฐกิจในประเทศ”

นายปริญญ์ พานิชภักดี กรรมการผู้จัดการ บล.ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยยังซบเซาจากการเมือง แต่นักลงทุนต่างชาติยังเข้าใจภาวะ และรอจังหวะเข้าซื้อหุ้น เนื่องจากราคาหุ้นหลายตัวถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับอดีต

แต่สำหรับหุ้น ADVANC และ INTUCH ยังแนะนำหลีกเลี่ยงในระยะสั้นไปก่อนถึงแม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองก็ตาม ซึ่งต่างชาติไม่ได้กังวล แต่เป็นเรื่องความเชื่อมั่นที่ทำให้นักลงทุนและกองทุนเทขาย 2 ตัวนี้ออกมา แต่ถ้าดูระยะกลาง และระยะยาวพื้นฐานดีควรเก็บเอาไว้

"ระยะสั้นเลี่ยงไปก่อน ส่วนระยะกลาง และยาวยังน่าสนใจ ส่วนดัชนีปีนี้ ในช่วงสิ้นปีมองไว้ที่ 1,480 จุด แต่ถ้าอยากลงทุนแนะนำหุ้นส่งออกจะปลอดภัยกว่า เพราะไม่อิงการเมือง และ เศรษฐกิจในประเทศ"

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ (กลยุทธ์การลงทุน) ฝ่ายวิจัยและนโยบายการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ตลาดจะยังคงผันผวนต่อเนื่อง โดยแกว่งตามปัจจัยทางการเมือง ซึ่งให้แนวรับที่ 1,310-1,315 จุด และแนวต้านที่ 1,295-1,280 จุด โดยหุ้น ADVANC และ INTUCH โดนแรงเทขายจากเรื่องความเชื่อมั่นเป็นหลัก ซึ่งถ้าดูพื้นฐานไม่น่าจะกระทบ

อย่างไรก็ตาม ยังมองเรื่องราคาถ้า ADVANC อยู่ที่ 200 บาทถือว่าน่าสนใจในระยะกลางและระยะยาว โดยจะขึ้น XD (28 มี.ค. 57) เพื่อรับปันผลที่ 5.75 บาทต่อหุ้น (จ่ายปันผล 22 เม.ย. 57)พร้อมมองกำไรเติบโต 20% ส่วน INTUCH ถ้าราคาหากอยู่ที่ 69.5 - 67.5 บาท เป็นราคาที่น่าสนใจในระยะกลางและระยะยาว

"การเมืองยังกดดันหุ้นไทยต่อ ต้องรอเงินทุนไหลกลับเข้ามา แต่ถ้าตลาดดีดตัวขึ้นมากก็แนะนำขาย ถ้าย่อตัวก็แนะนำซื้อ"นายกรภัทร กล่าว

posted from Bloggeroid

ทองคำกับการผิดนัดชำระหนี้ของยูเครน

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: ทองคำกับการผิดนัดชำระหนี้ของยูเครน

ต่างประเทศ วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 6 คน
ทองคำอาจจะปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สี่ ความวิตกเกี่ยวกับความไม่สงบทางการเมืองอันยืดเยื้อในยูเครน ทำให้เกิดความกลัวว่ารัฐบาลยูเครนจะผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งทำให้เกิดดีมานด์สินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยอย่างทองคำแท่ง

ข้อตกลงสันติภาพที่ประสบความสำเร็จของยูเครนได้ยับยั้งความรุนแรงที่เปลี่ยนใจกลางเมืองหลวงของยูเครนให้กลายเป็นแดนสงครามและมีผู้เสียชีวิต 82 คน และมันนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เป็นไปตามความต้องการของฝ้ายค้านที่สนับสนุนยุโรป อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า อนาคตเศรษฐกิจและการเมืองของยูเครนยังไม่ชัดเจนมาก

“ความไม่แน่นอนทางการเมืองได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งรวมถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำหนดไว้ในวันที่ 25 พฤษภาคม ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้ยูเครนมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะต้องผิดนัดชำระหนี้” อลาสแตร์ นิวตัน นักวิเคราะห์การเมืองอาวุโสของโนมูระ อินเตอร์เนชันแนล กล่าว

ในรายงานวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เจนส์ นอร์ดวิก หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์อัตราแลกเปลี่ยนในกลุ่มจี 10 ของโนมูระให้เหตุผลว่า มีความเป็นไปได้ 29% ที่ยูเครนจะผิดนัดชำระหนี้ภายใน 1 ปี และค่าเงินของยูเครนได้อ่อนตัวลงเกือบ 8% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ในปีนี้

เดวิด โคต็อก หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของคัมเบอร์แลนด์ แอดไวเซอร์ กล่าวว่า ในขณะนี้ตลาดจะโฟกัสไปที่ความเป็นไปได้ที่ความเสี่ยงจะลุกลามไปยังตลาดยุโรปที่มีการลงทุนในยูเครน “ความเกี่ยวข้องของการลงทุนในยุโรปตอนกลางและยุโรปตะวันออกกำลังมีความเสี่ยงเนื่องจากหลายๆ เหตุการณ์ยังไม่คลี่คลาย ความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างที่มีความซับซ้อนทั้งหมดระหว่างยุโรปเก่าและรัสเซีย กำลังมีบทบาทอีกครั้ง”

แลนด์สเคปที่ค่อยๆ พัฒนาไปอย่างรวดเร็วในยูเครน สะท้อนถึงความตึงเครียดทางการเมืองในที่อื่นๆ ในโลกเกิดใหม่ เช่น เวเนซุเอลา และอาร์เจนตินา ซึ่งความเสี่ยงปลายแถวนี้อาจช่วยหนุนทองคำได้

สก็อตต์ คาร์เตอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเลียร์ แคปิตอล กล่าวว่า เนื่องจากมีความวิตกในนานาประเทศมากขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน จึงอาจมีการเคลื่อนไหวเพิ่มเติมส่วนหนึ่งเข้าสู่ทองคำเมื่อมีการคาดการณ์ว่าจะเกิดความไม่สงบและมีการปะทุอารมณ์ต่อไป

มิเกล เปเรซ-ซานตาลลา รองประธานบัลเลียนวอลต์ ซึ่งเป็นตลาดโลหะมีค่าออนไลน์ กล่าวว่า สิ่งที่จะมาเพิ่มเสน่ห์ทองคำ คือ ความวิตกที่ว่าข้อมูลที่จะมีการเปิดเผยในสหรัฐฯในสัปดาห์นี้อาจจะไม่เป็นไปตามที่คาดเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติยับยั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

เอ็ดมันด์ มอย หัวหน้านักกลยุทธ์ของมอร์แกน โกลด์ กล่าวว่า หลักฐานเพิ่มเติมที่ชี้ว่า เศรษฐกิจจีนหดตัวอย่างรุนแรงก็อาจจะเป็นแรงหนุนทองคำอีกแรงหนึ่ง ดัชนีวัดภาคการผลิตของจีนซึ่งลดลงต่ำสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กับความซบเซาอย่างไม่คาดคิดในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ และสถานการณ์ที่ไร้เสถียรภาพในยูเครนได้เพิ่มความรุ่งโรจน์ให้กับสถานะของทองคำซึ่งเป็นที่หลบภัยที่ปลอดภัยให้แก่นักลงทุนจำนวนมาก

เกือบสองในสามของนักลงทุน 16 คนที่ซีเอ็นบีซีสำรวจมา มี 63% บอกว่า ทองจะปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ และหนึ่งในสี่ยืนกรานว่าทองคำปรับฐานลง ในขณะที่ 12% กล่าวว่า ราคาทองจะไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนผลการสำรวจของไอจี มาร์เก็ตส์ก็พบว่า ลูกค้า 71% ของจำนวนกว่า 501 คน ที่เปิดโพสิชั่นไว้ คาดว่าราคาทองจะสูงขึ้น

มีสัญญาณที่แสดงถึงความเชื่อมั่นมากขึ้นคือ กองทุนบริหารความเสี่ยงได้เข้าไปลงทุนในทองคำและน้ำมันดิบเมื่อราคาดีดตัวขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยข้อมูลเมื่อวันศุกร์ชี้ว่า นักเก็งกำไรโภคภัณฑ์ได้เข้าไปวางเดิมพันในทองคำและน้ำมันดิบสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 โดยมีการลงทุนทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 2,900 ล้านดอลลาร์ หรือ 21% ของเงิน 13,500 ดอลลาร์ที่มีการเข้าไปซื้อล่วงหน้า และความสนใจที่มีต่อทองคำในสหรัฐฯก็เพิ่มขึ้นเกือบ 17%

อย่างไรก็ดี บรรดามืออาชีพในตลาดที่มีความเชื่อว่าทองจะซบเซา ยังคงยืนกรานว่าการซื้อทองเพราะมีความปลอดภัยและการซื้อทองรูปพรรณที่เกิดขึ้นมาใหม่ในเอเชียจะเป็นแรงผลักที่จำกัดต่อราคาทองคำ และจะไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะชดเชยกับเงินทุนที่ไหลออกจากกองทุนอีทีเอฟทองคำ

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเงินไหลออกจาก SPDR Gold Shares ซึ่งเป็นอีทีเอฟทองคำใหญ่สุดของโลกเป็นสัปดาห์แรกในรอบเกือบ 1 เดือน หรือราว 5.6 ตัน

โดมินิค ชไนเดอร์ และ จิโอวานนี สตอโนโว นักวิเคราะห์ของยูบีเอส เชื่อว่า น่าจะเริ่มมีเงินไหลออกจากกองทุนอีทีเอฟทองคำ และโฟกัสยังคงอยู่ที่ดีมานด์ของเอเชียในฐานะที่เป็นฟองน้ำดูดซับแรงเทขายอีทีเอฟเพิ่มในปี 2557 แม้พวกเขาจะเชื่อว่าเอเชียมีความชอบและสามารถเพิ่มแรงซื้อได้ แต่ราคาทองก็น่าจะลดลงอีกรอบเพื่อสร้างสมดุลให้กับตลาดซึ่งราคาทองจะอยู่ในช่วง 1,050-1,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์

มาร์ก โอเบิร์น ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหาร บริษัทโกลด์คอร์ ดีลเลอร์ทองคำในดับลิน กล่าวว่า ทองมีความเปราะบางหลังจากที่ปรับตัวขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทองแตะ 1,332.10 ดอลลาร์ สูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม เนื่องจากมีดีมานด์เพิ่มขึ้นหลังจากที่มันดีดตัวกว่า 4% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม โอเบิร์นกล่าวว่า ความวิตกเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกกำลังสร้างเสน่ห์ในฐานะที่เป็นที่หลบภัยที่มีความปลอดภัยให้กับทองคำอย่างแข็งแกร่ง และในทางเทคนิคชี้ว่า หลังจากที่มันถอยกลับลงมา ทองคำอาจจะยังคงปรับตัวขึ้นในรูปเงินดอลลาร์และสกุลเงินอื่นๆ

posted from Bloggeroid

วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

‘PTT’ปันผลอีก8บาท กำไรหด9.46หมื่นล้าน

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: ‘PTT’ปันผลอีก8บาท
กำไรหด9.46หมื่นล้าน
ข่าวหน้าหนึ่ง วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 4 คน
PTT งบปี 56 กำไรหลุดแสนล้านบาท ทำได้เพียง 94,652 ล้านบาท บันทึกกำไรลงทุนบริษัทร่วมแค่ 27,079 ล้านบาท หลังธุรกิจสายโรงกลั่น-ปิโตรเคมีโดนปัจจัยลบถล่มหนัก บอร์ดปันผลครึ่งหลัง 8 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 6 มี.ค.นี้


นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 2556 ทางบริษัทมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 94,652 ล้านบาท ปรับลดลงจากงวดปี 2555 ที่บริษัทมีกำไรสุทธิรวม 104,608 ล้านบาท นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังมีมติประกาศจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังจำนวน 8 บาทต่อหุ้น

สำหรับเงินปันผลจำนวน 8 บาทต่อหุ้น ทางบริษัทจะจ่ายจากกำไรสุทธิส่วนที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (NON-BOI) 4.50 บาท และจ่ายจากกำไรสุทธิส่วนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) 3.50 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ช่วงวันที่ 6 มี.ค. 2557 กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 10 มี.ค. 2557

ทั้งนี้ จากการสำรวจความเคลื่อนไหวราคาหุ้น PTT ล่าสุดงวดวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา ปิดการซื้อขายอยู่ที่ระดับ 286 บาท ปรับลดลง 1 บาท หรือคิดเป็นลดลง 0.35% ดังนั้น เมื่อบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลัง 8 บาท จะคิดเป็นดิวิเดนด์ยีลด์จำนวน 2.8% เมื่อเทียบกับราคาปิดหุ้นในกระดานล่าสุด

นายไพรินทร์ กล่าวอีกว่า ในช่วงปี 2556 ทางบริษัทมียอดขายรวมทั้งสิ้น 2,842,688 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ได้ยอดขาย 2,793,833 ล้านบาท เพราะมีปริมาณขายเพิ่มขึ้นโดยหลักจากธุรกิจน้ำมัน ถึงแม้ราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบดูไบปรับตัวลดลงเป็น 105.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากปีก่อน 109.1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ EBITDA มีจำนวน 228,972 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% จากปีก่อน มาจากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นของ ปตท.สผ. และหน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ

โดยปี 2556 ปตท. และบริษัทย่อยมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม จำนวน 27,079 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 64 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน จากกลุ่มธุรกิจก๊าซและน้ำมัน แต่กลุ่มธุรกิจการกลั่นผลการดำเนินงานลดลงจากขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ปีก่อนมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน

ด้านกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีลดลง โดยส่วนหนึ่งเป็นผลค่าเงินบาทอ่อนค่า และได้รับผลกระทบจากการหยุดซ่อมบำรุงโรง LDPE ของ PTTGC รวมถึงอุบัติเหตุฟ้าผ่าอุปกรณ์ของโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 5 ของปตท. ทำให้ PTTGC ต้องลดกำลังการผลิตของโรงปิโตรเคมี และมีค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มจากกรณีน้ำมันรั่วของ PTTGC ถึงแม้ Spread Margin ของผลิตภัณฑ์ทั้งสายอะโรเมติกส์และสายโอเลฟินส์จะปรับตัวดีขึ้นก็ตาม

ทั้งนี้ ในปี 2556 บริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 305 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ได้กำไร 7,434 ล้านบาท และมีภาษีเงินได้ จำนวน 47,692 ล้านบาท จึงส่งผลให้มีกำไรสุทธิรวมลดลงเหลือ 94,652 ล้านบาท ปรับลดลงจาก 9.5% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 104,608 ล้านบาท

นายไพรินทร์ประเมินสถานการณ์โดยรวมของปี 2557 ว่า ความต้องการน้ำมันของโลกในปี 2557 คาดจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันไปอยู่ที่ระดับ 92.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามรายงานของ IEA ณ เดือน ธ.ค. 2556 โดยหลักจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและประเทศเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะจีน อินเดีย และตะวันออกกลาง แต่กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯและยุโรป จะทรงตัวจากปีก่อน

อย่างไรก็ตาม แม้มีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น แต่คาดมีปริมาณการผลิตน้ำมันเพียงพอต่อความต้องการใช้โดยเฉพาะการผลิต Shale Oil ของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นมาก ดังนั้น ราคาน้ำมันเฉลี่ยในปี 2557 คาดจะลดลงจากปีก่อนมาอยู่ในช่วง 100-105 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สำหรับค่าการกลั่นอ้างอิงสิงคโปร์ในปี 2557 จะใกล้เคียงกับปี 2556 เนื่องจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปส่วนใหญ่คาดทรงตัวในระดับเดียวกับปีก่อน

ส่วนราคาผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ในปี 2557 มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้น จากความต้องการผลิตภัณฑ์พลาสติกจากจีน อินเดีย และอินโดนีเซีย ในขณะที่กำลังผลิตใหม่มีปริมาณน้อยกว่าความต้องการที่จะเพิ่มขึ้น โดยราคา HDPE คาดจะอยู่ที่ 1,545 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ราคา Polypropylene จะอยู่ที่ 1,547 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์จะมีแนวโน้มลดลง จากสภาพอุปทานส่วนเกิน รวมทั้งจากการเพิ่มกำลังการผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งราคา Benzene คาดจะอยู่ที่ 1,269 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และราคา Paraxylene คาดจะอยู่ที่ 1,373 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน

ด้านภาวะเศรษฐกิจโลกปีนี้คาดขยายตัวสูงกว่าปี 2556 โดย IMF ประเมินเศรษฐกิจโลก ขยายตัวประมาณ 3.7% จาก 3% ในปี 2556 เนื่องจากเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วเริ่มฟื้นตัว โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ส่วนเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรจะพ้นจากภาวะถดถอยและกลับมาขยายตัวได้

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2557 คาดขยายตัวสูงกว่าปี 2556 เล็กน้อย โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากภาคส่งออกที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนจะสามารถขยายตัวได้ จากการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายโดยให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่การลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐมีความล่าช้า

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยเผชิญกับความเสี่ยงเชิงลบมากขึ้นจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ซึ่งหากสถานการณ์ยืดเยื้อจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค นักลงทุน และนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ความผันผวนในตลาดการเงินโลกจากเงินทุนเคลื่อนย้าย ส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงค่าเงินบาทของไทย

posted from Bloggeroid

THAIขาดทุนหนัก1.3หมื่นล้าน

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: THAIขาดทุนหนัก1.3หมื่นล้าน

บริษัทจดทะเบียน วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 8 คน
"THAI" โหม่งพื้น วงในเผย ปี 56 ขาดทุนอ่วม 1.3 หมื่นล้าน เจออัตราแลกเปลี่ยน Q2 กดดันหนัก ผนวกจีนคุมเข้มทัวร์ศูนย์เหรียญ แถม Q4 มีปัญหาการเมืองในประเทศ ขณะเดือนม.ค. ยังร่วงต่อเนื่อง เคบิน แฟคเตอร์เหลือ 71%

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยว่า ในการประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาผลประกอบการปี 2556 (ม.ค.-ธ.ค. 56) ซึ่งขาดทุนรวมประมาณ 13,000 ล้านบาท แบ่งเป็นขาดทุนจากการดำเนินงาน 3,000 ล้านบาท ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 5,000 ล้านบาท และขาดทุนทางบัญชีจากการบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์เครื่องบินโบอิ้ง 340-500 ที่รอการขาย จำนวน 4 ลำ 5,000 ล้านบาท โดยขณะนี้ THAI ได้นำส่งงบการเงินให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบ และจะแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ (25 ก.พ.)

ด้านนายโชคชัย ปัญญายงค์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายการพาณิชย์ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) THAI เปิดเผยว่าตัวเลขผลประกอบการปี 2556 ถือว่าอยู่ในระดับที่พอใจ เพราะการดำเนินงานสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และพนักงานทุกคนได้พยายามทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องเครื่องบินที่รอการขายทั้ง 4 ลำนั้น ล่าสุดมีผู้สนใจติดต่อมาแล้ว โดยเบื้องต้นให้ราคาสูงกว่าลำละ 23 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะมีความชัดเจนใน 2 เดือนนี้

สำหรับการดำเนินงานในเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารต่อเที่ยวบิน (Cabin Factor) 71.5% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี Cabin Factor 78.8% เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองและการที่รัฐบาลจีนออกกฎหมายควบคุมทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งทำให้ผู้โดยสารในเดือนมกราคมลดลงอยู่ที่ 1.71 ล้านคน ขณะปีก่อนอยู่ที่ 1.89 ล้านคน หรือลดลง 9.5% ขณะที่การประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารได้เสนอแผนกลยุทธ์ให้บอร์ดพิจารณา โดยตั้งเป้าว่าปี 2557 ต้องลดรายจ่ายให้ได้ 2,000 ล้านบาท และต้องบริหารเครื่องมือที่มีอยู่ คือ การบินไทยสมายล์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่สำคัญ คือ ต้องปรับการทำงานให้เท่าทันทุกสถานการณ์

นอกจากนี้บอร์ดยังมีมติอนุมัติการลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดของนายอำพน กิตติอำพน โดยยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระและกรรมการบริษัทต่อไป พร้อมมีมติแต่งตั้ง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ รองประธานบอร์ดลำดับที่ 1 เป็นประธานบอร์ด THAI คน ต่อไป ซึ่งนายโชคชัย ระบุว่า เหตุที่นายอำพนยื่นใบลาออก เป็นเพราะครบวาระการดำรงตำแหน่งประธานบอร์ด คือ 2 สมัย สมัยละ 3 ปี โดยนายอำพนดำรงตำแหน่ง 2 สมัย ตั้งแต่ปี 2552 รวม 5 ปี ซึ่งตามหลักธรรมาภิบาลก็ควรมีการปรับเปลี่ยน แต่กรรมการเห็นว่านายอำพน เคยทำประโยชน์ให้กับองค์กรมามาก จึงให้เป็นกรรมการต่อไป

นายโชคชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า บอร์ดยังมีมติโยกย้ายผู้บริหารระดับสูง 2 ตำแหน่ง คือ ให้นายโชคชัย ไปดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ และรักษาการดีดี พร้อมให้นายธีรพล โชติชนาภิบาล มาดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์แทน เนื่องจากเห็นว่านายธีรพลเติบโตมากับสายการพาณิชย์ และสามารถทำงานได้เต็มที่ โดยมีอายุงานเหลืออีก 3 ปี ขณะที่นายโชคชัยจะเกษียณอายุในเดือนกันยายนนี้ อีกทั้งมีการยุบงานสายผลิตภัณฑ์และบริการลูกค้าที่นายดนุช บุนนาค ดูแลให้กระจายไปอยู่ในสายงานอื่นๆ ตามความเหมาะสม ส่วนตำแหน่งใหม่ของนายดนุชนั้น ยังไม่สามารถระบุชัดเจนได้

posted from Bloggeroid

รุนแรงเพราะไร้กติกา

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: รุนแรงเพราะไร้กติกา

คอลัมน์ วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 5 คน
เหตุขว้างระเบิด ยิง ทำร้าย ม็อบ กปปส. 3 คืนซ้อน โดยเฉพาะที่ตราด ซึ่งเด็กหญิงวัยเพียง 8 ขวบเสียชีวิต มีผู้บาดเจ็บร่วม 30 ตามมาด้วยระเบิดที่ราชประสงค์ ซึ่งมีคนตายอีก 2 รวมเด็กอายุ 12 เป็นที่เศร้าสลดใจยิ่ง ทุกฝ่ายต้องร่วมกันประณาม และยับยั้งไม่ให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะโกรธเกลียดอย่างไรก็ไม่ควรทำร้ายประชาชนด้วยกัน เพราะมันข้ามเส้นจากความขัดแย้งทางการเมืองไปเป็น “ฆาตกรรม”

นี่เราจะกลายเป็น 3 จังหวัดภาคใต้ไปแล้วหรือ ทั้งที่ไม่ใช่สงครามแบ่งแยกดินแดน ไม่ได้มีความแตกต่างทางเชื้อชาติศาสนา ไม่ได้มีประวัติศาสตร์ตีเมืองขึ้น

แต่ถ้าย้อนดูให้ดีๆ ปัญหาภาคใต้ไม่ได้เป็นเพียงความแตกต่างทางเชื้อชาติศาสนา ปัญหาประเทศกำลังสะท้อนปัญหาภาคใต้ มีความเหมือนอยู่ในความต่าง และเหมือนมากกว่าที่คุณคิด

ใครเป็นผู้ก่อเหตุร้าย อาจยังปรักปรำไม่ได้ แต่พูดได้ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาความเกลียดชังระหว่างคน 2 ฝ่ายพุ่งขึ้นถึงขีดสุด และเหตุร้ายคงไม่หยุดแค่นี้แน่นอน

ไม่ว่าใครยิง ขว้างระเบิด ก็ชัดเจนว่าแม้เห็นฝ่ายตรงข้ามตาย เสื้อแดงอาจสลดใจ แต่ไม่ได้โกรธเกลียดม็อบน้อยลง ขณะที่ม็อบยิ่งโกรธเกลียดรัฐบาล (และเสื้อแดง) มากขึ้น

ทำไมเราเกลียดกันได้มากขนาดนี้ ลำพังความเห็นต่างทำให้คนเกลียดกันได้มากเพียงนี้หรือ

ไม่ใช่ครับ เป็นเพราะ “วิธีการ” ที่เอาชนะกันต่างหาก หรือพูดอีกอย่าง เอาชนะโดยไม่เลือกวิธีการ

สังคมไทยควรยอมรับได้แล้วว่า เรากำลังเกลียดกัน เรากำลังมีความเห็นต่างจนแทบหาจุดร่วมกันไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่า เราไม่สามารถแยกประเทศ เพราะความแตกแยกลงไปถึงครอบครัว ผัวเมีย พี่น้อง จะแยกอย่างไร เราไม่สามารถฆ่าฟันกันจนหมดได้ เราไม่สามารถเอาชนะกันอย่างเด็ดขาดได้

สังคมที่มีคน 2 ขั้วพอฟัดพอเหวี่ยงกัน ต้องหากติกาที่จะ “เอาชนะ” โดยไม่ต้องฆ่ากันแล้วอยู่ร่วมกันให้ได้ ไม่ใช่อยู่แบบ “รักกันไว้เถิด” ร้องเพลงนกแก้วนกขุนทอง แต่อยู่อย่างยอมรับความขัดแย้ง แตกต่าง ถกกันด้วยเหตุผล

กติกานั้นเรียกว่า “ประชาธิปไตย” ซึ่งเอาชนะกันด้วยบัตรเลือกตั้ง มีหลักนิติรัฐ มีความยุติธรรม มีหลักประกันเสรีภาพเสียงข้างน้อย

ไม่ใช่เสียงข้างน้อยลุกฮือ บอกว่าเอาอำนาจมา จะยึดอำนาจปกครองเอง ไม่เอาเลือกตั้ง ซ้ำยังดูแคลนเสียงข้างมากโง่ ไร้การศึกษา คุณจะห้ามคนอีกฝ่ายโกรธแค้นเกลียดชังคุณได้อย่างไร

ความเกลียดชังนี้ยิ่งทับทวี เมื่อม็อบใช้ทุกวิถีทางขัดขวางการเลือกตั้ง ใช้กระทั่งทุกวิธีสกัดกั้นไม่ให้รัฐบาลกู้เงินมาจ่ายจำนำข้าว โดยหวังให้ชาวนาเดือดร้อนลุกฮือไล่รัฐบาล

ความเกลียดชังนี้ยิ่งพลุ่งพล่าน เมื่อ ศรส.ส่งตำรวจไป “ขอคืนพื้นที่” โดยไม่ได้ใช้ “กระสุนจริง” แต่กลับถูกล้อมยิง ขว้างระเบิด โดย “นักรบนิรนาม” ที่เอาล่ะ แกนนำบอกว่าไม่ใช่คนของม็อบ แต่ถืออาวุธอยู่ในม็อบเห็นๆ

ความเกลียดชังนี้ยิ่งขึ้นถึงขีดสุด เมื่อม็อบอาละวาดไปตามที่ต่างๆ อย่างผยองลำพอง โดยที่ ศรส.ทำอะไรไม่ได้ กระทั่งม็อบบุกไป (เอาตีน) เหยียบหน้า ศรส.

“ม็อบมีเส้น” คือคำบรรยายสั้นๆ วันนี้ นอกจากไม่เอาชนะกันในกติกาแล้ว การต่อสู้ยังเกิดความไม่ยุติธรรม ผู้ที่ควรรักษากติกากลับไม่รักษากติกา ผู้ที่ควรเป็นกลางก็ไม่เป็นกลาง

เปรียบไปก็เหมือนคนเชียร์บอล ถ้าแพ้อย่างขาวสะอาดก็แค่บ่น ตัดพ้อ แต่ถ้ากรรมการให้จุดโทษกังขา ก็เป็นชนวนให้ยกพวกตีกัน ยิ่งผู้ชนะเยาะเย้ยถากถาง ระวังมีดเสียบพุง

แน่นอนว่าโกรธแค้นเกลียดชังแล้วทำร้ายกันเป็นความผิดมหันต์ แต่ถ้าจะยับยั้ง ก็ต้องถอดสลักความเกลียดชัง ยอมรับเสียเถอะว่าเราเกลียดกัน แต่ต้องหยุดเอาชนะกันนอกกติกา แล้วหาทางกลับมาสู้กันในกติกา

posted from Bloggeroid

ต่างชาติทยอยเก็บJAS บัวหลวงยื่นไฟลิ่งIFF - ราคาหุ้นแข็งแกร่งเกินขึ้น XD ไม่ลง

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: ต่างชาติทยอยเก็บJAS
บัวหลวงยื่นไฟลิ่งIFF
- ราคาหุ้นแข็งแกร่งเกินขึ้น XD ไม่ลง
ข่าวหน้าหนึ่ง วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 18 คน
NVDR ทยอยเก็บหุ้น JAS ต่อเนื่อง ย้อนหลัง 5 วันทำการ 454 ล้านบาท แม้ภาวะตลาดหุ้นไม่เป็นใจ ตะลึง! ขึ้นเครื่องหมาย XD หุ้นไม่ลง โชว์แข็งแกร่งสุดในปฐพี ด้านบล.บัวหลวงเตรียมยื่นไฟลิ่งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) กับ ก.ล.ต.อาทิตย์นี้ ส่วนงบปี 57 กำไรเติบโตต่อเนื่อง หลังยอดลูกค้าเพิ่มไตรมาสละ 6 หมื่นราย



รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุว่า ยอดการซื้อหุ้นบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ผ่านบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด (NVDR) ตั้งแต่ช่วงวันที่ 13-20กุมภาพันธ์ 2557 หรือ 5 วันทำการ จำนวน 454.60 ล้านบาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่ง กล่าวว่า การซื้อสุทธิหุ้นJAS ของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ผ่านบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด นั้น ถือเป็นการซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่อง แม้ในภาวะที่ตลาดหุ้นไทยมีความรุนแรงทางการเมือง และประสบปัญหาความขัดแย้งของคนในประเทศ

ทั้งนี้วันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา หุ้น JAS ได้ขึ้นเครื่องหมาย XD ไม่ได้รับสิทธิปันผล 0.25 บาท ซึ่งราคาหุ้นที่ปิดก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD อยู่ที่ 7.70 บาท ซึ่งราคาหุ้นหลัง XD วันแรกก็ยังยืนอยู่ที่ 7.70 บาทได้ โดยในระหว่างวันราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่ำสุดอยู่ที่ 7.45 บาท โดยมีปริมาณการซื้อ 103.48 ล้านหุ้น และขาย 52.96 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนการซื้อ 66% และขาย 34%

“หากดูวอลุ่มซื้อสุทธิในช่วงที่ผ่านมาถือว่าหุ้นJAS มีวอลุ่มเข้ามามากติดอันดับ 1 ใน 5 ของแต่ละวัน ซึ่งเชื่อว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุน ประกอบกับวันที่ 21ก.พ.ที่ผ่านมา ขึ้นเครื่องหมายXD ซึ่งไม่มีสิทธิรับปันผล ราคาหุ้นก็สามารถกลับขึ้นมาปิดเสมอตัวก่อนวันขึ้นเครื่องหมาย XD ได้ ซึ่งรอบนี้จ่ายปันผล 0.25 บาทต่อหุ้น” นักวิเคราะห์ กล่าว

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด ประเมินว่า แนวโน้มผลประกอบการปี 2557 ของ JAS สดใส โดยในช่วงไตรมาส 3-4/56 ที่ผ่านมา JAS มีลูกค้าเพิ่มขึ้นสุทธิเฉลี่ยไตรมาสละ 6 หมื่นราย และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสะท้อนความต้องการใช้อินเตอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น เป็นผลบวกต่อรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น

“คาดรายได้จากธุรกิจให้บริการอินเตอร์เน็ตจะยังโตได้ขึ้นต่ำที่ 20% ในปีนี้ ทั้งนี้อัตราเติบโตเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปีอยู่ที่ราว 30% ต่อปี” บทวิเคราะห์ ระบุ

จากมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการของธุรกิจหลักที่เติบโตได้ดีในอนาคต รวมถึงการลงทุนใหม่ๆ บนระบบ FTTH เพื่อรองรับปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตที่สูงขึ้น นอกจากนี้ IFF ที่ JAS มีแผนจัดตั้งคาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในครึ่งปีแรกปี 2557 เปิดโอกาสให้ JAS ลงทุนขยายธุรกิจต่อ

ในขณะที่ประเด็นเรื่องศาลกลับคำตัดสินแผนฟื้นฟูกิจการทำให้ JAS อาจมีหนี้เพิ่ม มองว่าประเด็นดังกล่าวได้ถูก รับรู้ (price in) ไปเรียบร้อยแล้ว    ทั้งนี้ บริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.25 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 21 ก.พ. 57 และจ่ายปันผลวันที่ 23 พ.ค. 57 (dividend yield 3.33%)

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง กล่าวว่า เตรียมยื่นไฟลิ่งให้กับกองทุนโครงการสร้างพื้นฐานของ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ภายในเดือนนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเตรียมข้อมูลที่เป็นรายละเอียดต่างๆ

posted from Bloggeroid

วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เล็กเซียวหงส์ คอลัมน์ วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557 

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: เล็กเซียวหงส์

คอลัมน์ วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 9 คน
เล็กเซียวหงส์ : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของประเทศ ฉบับประจำวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ที่ 21-23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาด 1,303.98 จุด ติดลบ 17.02 จุด มูลค่าซื้อขาย 33,673 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,754 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 4,855 ล้านบาท ท่ามกลาง “ความเลวร้าย” ที่ม็อบกปปส.นำ “ความถ่อย-เถื่อน” มาเยือนตลาดหุ้นไทย ด้วยการสร้าง “สตอรี่เทียมๆ” ว่าด้วยเรื่องหุ้น INTUCH-ADVANC-THCOM-CSL ที่มอมเมาว่าเป็นหุ้น “ตระกูลชินวัตร” ทั้งที่ไม่ใช่แล้ว เรียกว่าข่มขืนตลาดทุนอย่างไร้ยางอาย เพื่อให้บรรลุผลทางการเมือง

......................................................................

หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของประเทศ ฉบับประจำวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ที่ 21-23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาด 1,303.98 จุด ติดลบ 17.02 จุด มูลค่าซื้อขาย 33,673 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,754 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 4,855 ล้านบาท ท่ามกลาง “ความเลวร้าย” ที่ม็อบกปปส.นำ “ความถ่อย-เถื่อน” มาเยือนตลาดหุ้นไทย ด้วยการสร้าง “สตอรี่เทียมๆ” ว่าด้วยเรื่องหุ้น INTUCH-ADVANC-THCOM-CSL ที่มอมเมาว่าเป็นหุ้น “ตระกูลชินวัตร” ทั้งที่ไม่ใช่แล้ว เรียกว่าข่มขืนตลาดทุนอย่างไร้ยางอาย เพื่อให้บรรลุผลทางการเมือง*หุ้น AOT เป็นหนึ่งในหลายหุ้นที่ม็อบกปปส.ใช้สื่อสิ่งพิมพ์ที่แจกกันในม็อบ ไล่ปล่อยข่าวว่า AOT จะปล่อยกู้ให้ธ.ก.ส.เพื่อนำไปจ่ายให้ชาวนาและข่มขู่อีกสารพัด จนราคาหุ้นร่วงหนัก ทั้งที่จริงเป็นข่าวลือทั้งสิ้น*จึงน่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อยว่าหากกปปส.ยังคุกคามหุ้นกลุ่มชินคอร์ปแบบนี้ มีหวังได้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างสิงคโปร์กับไทย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่าลืมว่าการโจมตีธุรกิจชินคอร์ป มันก็เหมือนกับไล่ฉีกกระเป๋าเงินรัฐบาลสิงคโปร์ไปด้วย เพราะว่า “เทมาเส็ก” ที่ถือหุ้นใหญ่ “ชินคอร์ป” ก็คือรัฐบาลสิงคโปร์นั่นเอง*หุ้น CPALL ราคาหลุด 40 บาทลงมา ถือว่าน่าทยอยสะสม ถึงแม้ว่างบปี 2556 ออกมาไม่ค่อยสวย กำไรแค่ 10,000 ล้านบาทลดลงเล็กน้อย แต่ไตรมาส 2/57 CPALL จะมีการบันทึกรายได้พิเศษ จากเงินปันผล MAKRO กว่า 600 ล้านบาท และแว่วมาว่าช่วงนี้ CPALL เตรียมจะรีไฟแนนซ์ก้อนโต จำนวนกว่าแสนล้านบาท เท่ากับว่ามีปัจจัยบวกที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียวหุ้น WHA ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ กำไรปี 2556 ออกมากว่า 1,460 ล้านบาท เป็นตามคาดจริงๆ ส่วนใหญ่มาจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง ส่วนปีนี้ด้วยการขยายธุรกิจไปสู่โซลาร์ฟาร์ม น่าจะทำให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญเลยทีเดียว*หุ้น HANA แรงไม่เบาทีเดียว ปี 2556 กำไรกว่า 2,337 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนทำได้ 1,600 ล้านบาท เรียกว่าฟื้นตัวอย่างชัดเจนทีเดียว*ต้องยกนิ้วให้คนชื่อ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์”รักษาการ รมว.คมนาคม ที่ลงพื้นที่ไปจับเข่าคุยกับชาวนา เพื่อขอร้องไม่ให้ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ นับเป็นตัวอย่างที่รัฐมนตรีที่ยืนค้ำหัวชาวนา น่าจะเอาแบบอย่างมาใช้บ้าง เพราะอย่างน้อยก็ทำให้ชาวนาเขาพอใจชื้นได้บ้างว่า “เขาไม่ได้ถูกทอดทิ้ง” เหมือนที่เป็นอยู่อย่างนี้**ปิดท้ายกันเช่นเคยกับข่าวหุ้นออนทีวี กับรายการ “ข่าวหุ้น เจาะตลาด” ช่วงวันจันทร์-ศุกร์เวลา 13.05-13.30 น. หรือดูย้อนหลังผ่าน http://www.springnewstv.tv/program/insidestock และรายงานสถานการณ์หุ้นช่วงเปิดตลาดเช้า Skype กันแบบสดๆ จากกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ ผ่านรายการ “บันทึกเศรษฐกิจ: Economic Journal” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.20-11.30 น. การันตีข้อมูลข่าวสารแน่นเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง เพราะทุกโจทย์เรื่องหุ้น หาตอบโจทย์ได้ที่ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” เท่านั้น..!!!

posted from Bloggeroid

THCOM สูงขึ้นแต่ไม่หนาว

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: THCOM สูงขึ้นแต่ไม่หนาว

รายงานพิเศษ วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 4 คน
ผลประกอบการงวดสิ้นปี 2556 ของผู้ให้บริการดาวเทียมสื่อสารเพื่อการพาณิชย์รายเดียวของไทย บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ไม่ได้ทำให้นักลงทุนผิดหวัง เมื่อตัวเลขกำไรสุทธิ 1,128 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากถึง 548% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 174 ล้านบาท พร้อมกับการจ่ายเงินปันผลเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันในอัตราหุ้นละ 0.45 บาท พร้อมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 1 เมษายน 2557

กำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก สะท้อนถึงฝีมือการบริหารที่ชัดเจน เพราะหากพิจารณาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นไม่มาก โดยรายได้รวมของ THCOM อยู่ที่ 8,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 700 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นในอัตรา 9.5% เท่านั้น

รายได้ที่เพิ่มขึ้น มาจากธุรกิจดาวเทียมทำรายได้หลักให้บริษัทสูงถึง 88% โดยมีรายได้จากธุรกิจบริการดาวเทียมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง อยู่ที่ 6,964 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการเช่าช่องสัญญาณดาวเทียมแก่ลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการเสริมต่างๆ และการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการไอพีสตาร์ตามปริมาณการใช้งานช่องสัญญาณหรือแบนด์วิธที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้บริษัทมีรายได้จากธุรกิจให้บริการระบบโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตในประเทศลาวอยู่ที่ 837 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเทียบกับปี 2555 ที่บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 729 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งระบบ Prepaid และ Postpaid, รายได้ค่าบริการเชื่อมต่อโครงข่าย, รายได้จากการให้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ และการให้บริการโทรข้ามแดนอัตโนมัติ, รายได้จากการขายซิมการ์ด และเครื่องโทรศัพท์ไร้สาย และรายได้จากการให้บริการอินเตอร์เน็ต

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเติมในต่างประเทศ ได้ช่วยสนับสนุนผลประกอบการให้เติบโตและแข็งแกร่งในฐานะผู้ให้บริการดาวเทียมของไทย และทำให้บริษัทสามารถขับเคลื่อนธุรกิจในประเทศให้เติบโตและรุกสู่ตลาดต่างประเทศได้

ความน่าสนใจอีกประการหนึ่งที่ถือว่าโดดเด่นอยู่ที่กำไรที่เกิดขึ้น มาจากการดำเนินงานปกติทั้งสิ้น แทบจะไม่มีกำไรพิเศษแต่อย่างใด และมีโอกาสมากที่สุดที่จะได้รับการคัดเลือกรายชื่อสำหรับดัชนี SET50 ด้วย

ตัวเลขผลการดำเนินงานดังกล่าว สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการเงินอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในระยะหลายปีนี้เลยทีเดียว

ความแข็งแกร่งทางการเงินดังกล่าว เท่ากับบริษัทสามารถสลัดฝันร้ายในอดีต ที่เคยมีตัวเลขขาดทุนต่อเนื่อง เพราะมีจุดอ่อนในเรื่องของการตลาด และขาดจุดโฟกัสที่ดี เนื่องจากทำหลายธุรกิจที่ยุ่งยากในการบริหารจัดการ เนื่องจากธุรกิจเป็นธุรกิจข้ามพรมแดนที่มีความซับซ้อนมากกว่าปกติ จนทำให้ THCOM ต้องเผชิญกับปัญหาตัวเลขผลประกอบการที่อืดอาดและถ่วงรั้งความสามารถของธุรกิจที่ก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

นอกจากนั้น ความสำเร็จที่เกิดขึ้น ได้สะท้อนให้เห็นผลลัพธ์ของการปรับยุทธศาสตร์ธุรกิจใหม่ ภายใต้การบริหารของผู้นำมืออาชีพอย่างนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ที่เน้นการลดความหลากหลายของธุรกิจเหลือน้อยที่สุด เพื่อปรับโฟกัสของธุรกิจเหลือเพียงเรื่องเดียว นั่นคือรุกตลาดธุรกิจดาวเทียมเชิงพาณิชย์เพียงอย่างเดียว ด้วยการเร่งศักยภาพทางการตลาดและการขายให้เหนือกว่าจุดคุ้มทุน ซึ่งทำได้อย่างดี จนกระทั่งจากบริษัทที่อ่อนแอกลายเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งภายใน 3 ปี

แก้ปัญหาหลายเปลาะพร้อมกัน กระทำโดยใช้กลยุทธ์อย่างบูรณาการของนางศุภจี เพื่อบรรลุเป้าหมายหลักคือ ล้างขาดทุนสะสมภายใน 3 ปี ถือว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง

ยุทธศาสตร์ธุรกิจดังกล่าว เริ่มต้นตั้งแต่ให้ธุรกิจเดิมเพิ่มศักยภาพในการทำรายได้อย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะในส่วนของดาวเทียม ไอพีสตาร์ ซึ่งเคยมีปริมาณการใช้ช่องสัญญาณ (แบนด์วิธ) เมื่อสิ้นปี 2555 อยู่ที่ 25-26% ขึ้นมาอยู่ที่ 59% ในสิ้นปี 2556

ความสำเร็จของการเพิ่มความสามารถใช้ช่องสัญญาณไอพีสตาร์ เกิดจากการตลาดที่กล้าผ่าทางตัน ด้วยการขายแบบเทกระจาดให้กับพันธมิตรธุรกิจบริษัท วาสซัคเซส โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด (Vast) โดยวิศวกรรมการเงินที่ซับซ้อนคือ ไม่ได้ใช้เงินสด แต่ได้ใบหุ้นมาแทน ซึ่งทำให้การใช้งานช่องสัญญาณไอพีสตาร์อยู่ในระดับที่สูงเกินกว่าจุดคุ้มทุนของโครงการไอพีสตาร์ไปมาก ทำให้รับรู้ส่วนของกำไรจากการดำเนินงานในจีนที่ยาวนาน ซึ่งดีกว่าการขายปกติที่รับรู้รายได้ค่อนข้างช้า

แม้จะประสบความสำเร็จอย่างดีในปี 2556 แต่ยังไม่ได้ทำให้ผู้บริหารหยุดยั้งหรือหลงใหลได้ปลื้มกับความสำเร็จ เพราะ ในวันที่ 6 ม.ค. 2557 ที่ผ่านมา บริษัทได้ส่งดาวเทียมที่รอคอยกันมานานหลายปีคือ ไทยคม 6 ซึ่งเป็นดาวเทียมขนาดกลางรุ่น Star 2.3 มีน้ำหนัก 300 กิโลกรัม มีจำนวนช่องสัญญาณทั้งสิ้น 33 ทรานสพอนเดอร์ โดยแบ่งเป็นช่องสัญญาณซี-แบนด์ จำนวน 24 ทรานสพอนเดอร์ และช่องสัญญาณเคยู-แบนด์ จำนวน 9 ทรานสพอนเดอร์ ขึ้นสู่อวกาศ ณ แหลมคานาเวอรัล รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยจะโคจรที่ตำแหน่ง 78.5 องศาตะวันออก และเริ่มให้บริการด้านบรอดคาสต์อย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 หลังดำเนินการทดสอบคุณภาพสัญญาณเสร็จสมบูรณ์ และส่งมอบดาวเทียมไทยคม 6 ให้เป็นทรัพย์สินของกระทรวงไอซีที

การส่งดาวเทียมไทยคม 6 การขึ้นสู่วงโคจรดังกล่าว จะช่วยรองรับการเปิดปรากฏการณ์ใหม่ของโลกดิจิตอล ในการรับชมสัญญาณภาพ และเสียงทั้งในระบบ SD และ HD ที่คมชัดมากยิ่งขึ้น และยังเป็นดาวเทียมที่ทำให้ไทยคมสามารถให้บริการครอบคลุมเอเชียแปซิฟิก รวมถึงแอฟริกา ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่บริษัทมุ่งขยายการให้บริการต่อเนื่องอย่างครบวงจรนับจากปี 2557เป็นต้นไป ถือเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งในการตอกย้ำความเป็นดาวเทียม Hotbird เพื่อบรอดคาสต์

ดาวเทียมไทยคม 6 ถือเป็นดาวเทียมสำรองไทยคม 5 ตามสัญญาที่ต้องมีดาวเทียมสำรอง เพื่อป้องกันปัญหา “ดาวเทียมขาดช่วง” เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

ข้อเด่นของไทยคม 6 ที่พิเศษสุดคือ บริษัทได้รับการยืนยันล่วงหน้าในการให้บริการแก่ลูกค้าไทยเป็นหลัก ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 60% ของช่องสัญญาณทั้งหมดบนดาวเทียมไทยคม 6

ทันทีที่ทราบข่าวนี้ นักวิเคราะห์หลายสำนัก ระบุทันทีโดยไม่ได้นัดหมายว่า ผลของการยิงดาวเทียม ไทยคม 6 จะทำให้ ผลการดำเนินงานหลักของ THCOM ยังคงแข็งแกร่งในปี 2557 โดยปัจจัยผลักดันรายได้ยังคงมาจากยอดขายแบนด์วิธเพิ่มขึ้นทั้งจาก iPSTAR, ไทยคม 6 และ operating leverage effect โดยตั้งเป้าหมายราคาที่ 48 บาทต่อหุ้น

นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนจัดส่งดาวเทียมไทยคม 7 ขึ้นสู่วงโคจรภายในปีนี้ รวมถึงการเพิ่มยอดขายช่องสัญญาณในตลาดแอฟริกาจากช่องสัญญาณของดาวเทียมไทยคม 6 ที่ได้นำขึ้นสู่วงโคจร

การเปิดเกมรุกเช่นนี้ ยังวางเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์เพิ่มเติมอีกเช่น การให้ บริษัทไอพีสตาร์ ออสเตรเลีย พีทีวาย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ THCOM ให้บริการไอพีสตาร์ในประเทศออสเตรเลีย เข้าถือหุ้น 100% มูลค่า 13.37 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ในบริษัท โอไรอ้อน แซทเทลไลท์ ซิสเทม พีทีวาย จำกัด มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายการลงทุนเพิ่มสนองตอบกลยุทธ์ของทางบริษัทที่ต้องการขยายธุรกิจในแกนตั้ง จากปกติที่กลยุทธ์ของบริษัทเป็นการขยายธุรกิจแกนนอน ด้วยการเพิ่มจำนวนดาวเทียมเพื่อขายช่องสัญญาณดาวเทียม (แบนด์วิธ)

การเข้าซื้อหุ้นดังกล่าวจึงถือเป็นการต่อยอดธุรกิจจากปัจจุบันที่ในออสเตรเลียบริษัทเป็นผู้ให้เช่าแบนด์วิธอย่างเดียวเท่านั้น ถือเป็นการปรับสมดุลของกลยุทธ์มากกว่าผลกำไรที่บริษัทจะได้รับ โดยจะเป็นการต่อยอดธุรกิจ และเราเรียนรู้จากเขา เพื่อนำไปใช้ในประเทศอื่นๆ ส่งผลให้ THCOM ทำธุรกิจได้ครบวงจรมากขึ้น เป็นปัจจัยบวกในระยะยาว

ไม่เพียงเท่านั้น ในปีนี้ จะมีการส่งดาวเทียม THCOM 7 (มียอดจองแล้วราว 40%) ซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่เพื่อขึ้นสู้วงโคจร โดยที่การก่อสร้างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ซึ่งปัจจุบันเสร็จไปแล้วกว่า 70% และคาดว่าสามารถปล่อยสู่วงโคจรได้ภายในครึ่งปีแรกของปีนี้ ในขณะที่ THCOM 8 ยังอยู่ระหว่างการศึกษา

ย่างก้าวที่มั่นคงในปี 2557 นี้ ถูกนักวิเคราะห์หลายสำนัก ประเมินว่า THCOM ในปีนี้ มีราคาเป้าหมายที่ 44 บาท ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องยาก เพราะราคาหุ้นของบริษัท ได้รับความนิยมจากนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก

ปมประเด็นความเสี่ยงที่เหลือค้างไว้ของ THCOM อยู่ที่ว่า บนความสำเร็จที่รวดเร็วเกินคาดนี้ บริษัทจะสามารถรักษาผู้บริหารอย่างนางศุภจีเอาไว้ได้นานแค่ไหนด้วย เพราะเธอเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้เมื่อรับตำแหน่งใหม่เมื่อ 3 ปีก่อนมีหลักการทำงานใน THCOM คือ “บริษัทต้องแข็งแรง ต้องมีภาพใหม่ไม่ติดกับภาพธุรกิจของพรรคการเมืองไหน ทำให้เป็นบริษัทของคนไทย ซึ่งถ้าสำเร็จก็คิดว่าคงไม่มีอะไรต้องทำอีก”

ปีนี้ เราคงได้รู้กันว่า จะเป็นจริงหรือไม่

posted from Bloggeroid

"CPALL" ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ MAKRO คาดได้รับปันผล 600 ล้านบาท หลัง MAKRO แจ้งจ่ายหุ้นละ 0.30 บาท ขึ้น XD วันที่ 6 มี.ค. 

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: CPALLจ่อบุ๊คกำไรพิเศษ
ปันผลแม็คโคร600ล้าน
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 9 คน
"CPALL" ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ MAKRO คาดได้รับปันผล 600 ล้านบาท หลัง MAKRO แจ้งจ่ายหุ้นละ 0.30 บาท ขึ้น XD วันที่ 6 มี.ค. และจ่ายวันที่ 23 พ.ค.นี้ ส่วน CPALLจ่ายปันผล 0.90 บาท แม้ปี 56 มีกำไรสุทธิลดเหลือ 1.05 หมื่นล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ซึ่งถือหุ้นในบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO อยู่ประมาณ 2,057 ล้านหุ้น หรือประมาณ 42.87% ตามข้อมูลผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ณ วันที่ 21 พ.ย. 56 ก็น่าจะส่งผลให้ CPALL ได้รับเงินปันผลจากการถือหุ้น MAKROประมาณ 617 ล้านบาท หลังจาก MAKRO แจ้งจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.30 บาทต่อหุ้น

นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานบริหารการเงิน บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2557 อนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตรา 33.5% ของกำไรสุทธิสำหรับปี 2556 คิดเป็นจำนวน 0.30 บาทต่อ 1 หุ้น รวม 4,800 ล้านหุ้น เป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 1,440 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 23 พ.ค. 57 ทั้งนี้ จะไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 6 มี.ค. 57

เนื่องจากเงินทุนสำรอง ณ วันที่ 31 ธ.ค. 56 มียอดเท่ากับ 240 ล้านบาท เท่ากับ 10% ของทุนจดทะเบียนแล้ว บริษัทจึงไม่ต้องจัดสรรเงินสำรองตามกฎหมายเพิ่มขึ้นอีก ขณะเดียวกัน จำนวนเงินปันผลงวดสุดท้ายเป็นส่วนที่เพิ่มจากเงินปันผลระหว่างกาล ซึ่งประกาศจ่ายโดยมติที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ครั้งที่ 6/2556 เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 56 และได้จ่ายไปแล้วเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 56 ในอัตรา 0.50 บาทต่อหุ้น เป็นจำนวน 2,400 ล้านบาท รวมเป็นเงินปันผลสำหรับปี 2556 ทั้งสิ้นจำนวน 3,840 ล้านบาท หรือ 0.80 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 89.3% ของกำไรสุทธิสำหรับปี 2556

ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีกำไรก่อนต้นทุนทางการเงินและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 5,510 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 733 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15.3% เมื่อเทียบกับปี 2555 ที่ 4,299 ล้านบาท (หลังการปรับปรุงย้อนหลังที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้รอตัดบัญชี) เพิ่มขึ้น 21.6% จากปีก่อน ซึ่งการเพิ่มขึ้นนอกจากเป็นผลมาจากการพัฒนาในด้านต่างๆ แล้ว การปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 23% เป็น 20% ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้กำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้น โดยมีกำไรสุทธิ 4,298 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่ 3,533 ล้านบาท

ด้านยอดขายรวมของบริษัทในปี 2556 มี 126,638 ล้านบาท เติบโต 12.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายทั้งของแม็คโครและบริษัทย่อย รวมถึงการเปิดสาขาใหม่ในระหว่างปีอีก 7 สาขา ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2556 บริษัทมีจำนวนสาขาแม็คโครทั้งสิ้น 64 สาขา และร้านสยามโฟรเซ่นอีก 5 แห่ง การพัฒนารูปแบบของสาขาใหม่ๆ ได้เริ่มส่งผลต่อผลประกอบการ ตลอดจนความทุ่มเทของพนักงานแม็คโครที่มุ่งมั่นให้บริการแก่ลูกค้าสมาชิกอย่างเต็มที่

ขณะเดียวกันบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL รายงานผลการดำเนินงานปี 2556 บริษัทมีกำไรสุทธิ 10,536 ล้านบาท ลดลงจากปี 2555 ที่มีกำไรสุทธิ 11,048 ล้านบาท นอกจากนี้ CPALL ยังจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2556 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.90 บาท สำหรับผู้ถือหุ้น 8,983,101,348 หุ้น รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 8,084,791,213.20 บาท คิดเป็นอัตรา 79% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการและหลังหักภาษีเงินได้

โดยการจ่ายปันผลจะขึ้นเครื่องหมายผู้ซื้อไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 30 เม.ย. 57 จะจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นตามกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 6 พ.ค. 57 และให้รวบรวมรายชื่อตามม.225 ของพ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 7 พ.ค. 57 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 พ.ค. 57 การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติต่อไป ในวันที่ 24 เม.ย. 57

posted from Bloggeroid

บริษัทแม่มด

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: บริษัทแม่มด

คอลัมน์ วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 5 คน
ความบ้าคลั่งเลยเถิดของแกนนำผู้ชุมนุมที่ได้รับการหนุนหลังโดยคนซึ่งมีอำนาจอย่างเจ้าเล่ห์ ได้ข้ามเส้นแดงของสติสัมปชัญญะทุกเส้นมาสู่พฤติกรรมการไล่ล่าแม่มดที่เคยบันทึกเอาไว้ถึงอาการขาดสติหลุดโลกของสังคมที่มืดบอดทางปัญญา

จากการไล่ล่าคนในตระกูลชินวัตรอันยาวนาน แต่ไม่สามารถฆ่าให้ตายได้อย่างที่คาดหวัง คนกลุ่มนี้ ซึ่งแอบอ้างตนเองว่าเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ทั้งที่มีแค่หยิบมือเดียว ได้เปิดปฏิบัติการใหม่ พุ่งเป้าไปที่เหยื่อรายใหม่คือ กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตระกูลชินวัตร ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม

โพยรายชื่อที่พวกเขาเชื่อกันว่าเป็นธุรกิจที่โยงใยเข้ากับกลุ่มชินวัตร โดยปราศจากการตรวจสอบความถูกต้องทั้งโดยนิตินัยและพฤตินัยดังกล่าว ถูกแพร่กระจายไปผ่านสื่อสารพัดที่คนเหล่านี้กุมอยู่ในกำมือ เพื่อทำให้เกิดปฏิบัติการแบบเดียวกับที่ “เชิ้ตน้ำตาล” ของพรรคนาซีในยุคก่อนสงครามโลกครั้งแรก

ในจำนวนนี้ มีรายชื่อของบริษัทมหาชนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยหลายสิบรายรวมอยู่ด้วย จนกระทั่งเกิดการถล่มขายหุ้นของบริษัทดังกล่าวในลักษณะที่เรียกว่า “แพนิก เซล” หรือการขายอย่างตื่นตระหนก โดยไม่สนใจกับการขาดทุนจากช่วงห่างของราคา เพราะอารมณ์แบบกระต่ายตื่นตูมของนักลงทุน

ข้อดีของกรณีที่เกิดขึ้นมีอย่างเดียวคือ เป็นจังหวะของการวัดสติปัญญาของนักลงทุน เพราะนักลงทุนที่ชาญฉลาดและทำตัวเป็น “ชาวสวน” เข้าซื้อในยามที่ตลาดตื่นตระหนกอย่างบ้าคลั่งไร้เหตุผลนี้ จะได้ราคาต่ำเกินจริง และมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่าปกติ

ตัวเลขของนักลงทุนรายย่อยที่เข้าซื้อหุ้นสุทธิเมื่อวานนี้ 4,855.35 ล้านบาท แม้จะไม่ได้นัดหมายอะไรกันมาก ถือได้ว่าเป็นการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดและปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้แม่นยำ ตามสูตรเก่าแก่ของร็อธไชลด์ที่ว่า “เมื่อเลือดนองถนน ให้เข้าซื้อ”

ความไร้สติของข้อกล่าวหาในลักษณะ “ไล่ล่าแม่มด” โดยพุ่งเป้าไปที่บริษัทหรือกลุ่มธุรกิจเช่นนี้ มีลักษณะการเลือกปฏิบัติที่ชัดเจน แต่ในทางปฏิบัติ มันเป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับได้สำหรับสังคมหรือคนที่มีเหตุผล เพราะมันปราศจากฐานรากของข้อมูลข่าวสาร และปราศจากความมั่นคง

ภายในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ้มชิน ประกอบด้วย 4 บริษัทซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย คือ INTUCH, ADVANC, CSL และ THCOM ล้วนเคยตกเป็นเป้าโจมตีของกลุ่มต่อต้านทักษิณอย่างรุนแรงมาแล้วหลายระลอก แต่ละครั้งมักจะทำให้กระทบต่อราคาหุ้นอย่างรุนแรง แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป สติสัมปชัญญะของนักลงทุนเริ่มกลับคืนสู่ความมีเหตุผล ราคาหุ้นของบริษัททั้งหลายก็กลับมาสูงกว่าก่อนการถูกโจมตีหรือป้ายสีหลายเท่า เพราผลประกอบการของบริษัททุกแห่งดีเกินคาด

ข้อเท็จจริงที่กลุ่มต่อต้านทักษิณไม่เคยพูดหรือยอมรับ (แต่ใช้กันอย่างพร่ำเพรื่ออย่างไร้สติ) คือ บริษัทเหล่านี้ ไม่ใช่บริษัทที่เกี่ยวข้องกับตระกูลชินวัตรเลยตั้งแต่การขายหุ้นทั้งเครือให้กับกลุ่มเทมาเส็ก โฮลดิ้ง ของรัฐบาลสิงคโปร์ เมื่อต้นปี 2549 แล้ว การมุ่งเล่นงานราคาหุ้นของบริษัทดังกล่าว ทำให้ราคาหุ้นเคลื่อนไหวผิดปกติ และทำให้กลุ่มนักลงทุนจำนวนหนึ่งทำการช้อนซื้อทำกำไรรอบแล้วรอบเล่า

ในยุคหนึ่ง รัฐมนตรีคลังที่ชื่อ กรณ์ จาติกวณิช ได้เคยพูดถึงหุ้นของ ชิน แซลเทลไลท์ (SATTEL) หลายรอบทำให้ราคาหุ้นแกว่งไกว และมีคนใกล้ชิดนักการเมืองจำนวนหนึ่งร่ำรวยกันนับร้อยล้านบาทในช่วงเวลาไม่กี่เดือน อื้อฉาวกันระยะหนึ่ง แล้วก็เงียบหายไปเพราะคนไทยลืมง่าย

หากพิเคราะห์ให้ละเอียดจะเห็นได้ว่า ข้ออ้างการโจมตีธุรกิจที่โยงใยคนในตระกูลชินวัตรนั้น มีเป้าหมายแอบแฝงมากกว่าเรื่องการเมือง โดยเฉพาะบริษัทมหาชนจดทะเบียนที่ตกเป็นเป้าหมายล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทที่มีผลประกอบการค่อนข้างดี มีกำไรต่อเนื่อง และไม่มีปัญหาธรรมาภิบาล ไม่มีธุรกิจเน่าเฟะหรือขาดทุนเรื้อรังปะปนอยู่ด้วย การพุ่งเป้าโจมตีดังกล่าว จึงมีเป้าหมายแอบแฝงโดยตรงไปที่ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดทุนโดยตรง เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของตลาดทุน

พฤติกรรมเช่นนี้ เป็นพฤติกรรมของคนที่มีปรัชญาต่อต้านทุนนิยมเสรีโดยตรง และเป็นการทำลายโอกาสทางธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา ในนามของการใช้เสรีภาพที่เกินเลยจากความมีเหตุมีผล

สำหรับบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์นั้น แม้จะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น เพราะไม่ได้มีการซื้อขายในสาธารณะ แต่มีผลต่อภาพลักษณ์และรายได้ทางลบที่รุนแรงทีเดียว ตัวอย่างของบริษัทจำนวนมาก ที่ต้องออกโรงมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับตระกูลชินวัตร หรือตระกูลอื่นที่เชื่อมโยงกับทักษิณ ชินวัตร กันจ้าละหวั่นมากกว่า 10 บริษัท ทำให้บรรยากาศของสังคมไทย เริ่มเข้าข่ายบรรยากาศยุค “ล่าแม่มด” ในสมัยกลางของยุโรป ยุคศาลศาสนาในสเปนและอิตาลี หรือยุคไล่ล่าคอมมิวนิสต์ของแมคคาร์ธีในสหรัฐแห่งยุคสงครามเย็น

ประวัติศาสตร์แห่งความไร้สติของสังคมที่เชื่อว่าตนเองเป็นสาวกของพระพุทธองค์ แต่ละเลยกาลามสูตร กำลังดำเนินไปพร้อมกับกระบวนการทำลายระบบคัดกรองข่าวสารจนเหลือแต่ถ้อยคำสามานย์เพื่อทำลายล้าง สร้างบาดแผลที่นับวันจะเน่าเฟะ ยากต่อการเยียวยาด้วยการนิรโทษกรรม

วันนี้ ธุรกิจบริษัทมหาชนจดทะเบียนของไทย กำลังถูกลากจูงเข้าสู่วังวนอุบาทว์ของการเมืองที่สามานย์จนยากจะคาดเดาได้ว่า ชะตากรรมในทางร้ายนั้น จะจบสิ้นลงอย่างไร เป็นคำถามที่ท้าทายยิ่งนัก

posted from Bloggeroid

ตลท.ชี้หุ้นชินพื้นฐานดี หวั่นขายทิ้งเสียโอกาส :กลุ่ม INTUCH แจงไร้ตระกูลชินวัตรถือหุ้น

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: ตลท.ชี้หุ้นชินพื้นฐานดี
หวั่นขายทิ้งเสียโอกาส
:กลุ่ม INTUCH แจงไร้ตระกูลชินวัตรถือหุ้น
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 7 คน
"ตลท." ชี้หุ้นกลุ่ม "ชินคอร์ป" พื้นฐานดี จ่ายปันผลสูง ควรศึกษาข้อมูลก่อนแห่ขายตามข่าวลือ หวั่นนักลงทุนเสียโอกาสทองลงทุนผลตอบแทนสูง ฟากกลุ่มอินทัชแจงไม่เกี่ยวข้องการเมือง ไร้ตระกูลชินวัตรถือหุ้น ขณะ ADVANC ยันลูกค้ายังไม่ย้ายไปค่ายมือถืออื่น หลังกปปส.พุ่งเป้าโจมตีธุรกิจ


วานนี้ (20 ก.พ.) ราคาหุ้นในกลุ่มเครือชิน คอร์ปอเรชั่น (INTUCH) ปรับตัวลดลงแรงต่อเนื่องเป็นวันที่สอง หลังจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่มกปปส.ประกาศยกระดับการชุมนุมขับไล่รัฐบาล โดยข่มขู่ว่าจะโจมตีธุรกิจของตระกูลชินฯ พร้อมเตือนให้นักลงทุนขายหุ้นบริษัทเหล่านั้นทิ้งให้หมด พร้อมปักหลักชุมนุมกดดันหน้าอาคารชินวัตร 3 จนกว่ารัฐบาลรักษาการจะลาออกนั้น ได้ส่งผลกระทบทำให้ราคาหุ้นร่วงยกแผงตามเกิดแรงเทขายหุ้นกลุ่มชินฯออกมาอย่างหนัก

โดยราคาหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ปิดตลาดที่ 72.25 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือลดลง 2.03% มูลค่าการซื้อขาย 1,704.60 ล้านบาท ราคาหุ้นบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ปิดตลาดที่ 211 บาท ลดลง 6 บาท หรือลดลง 2.76% มูลค่าการซื้อขาย 2,458.18 ล้านบาท ราคาหุ้น THCOM ปิดตลาดที่ 39.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือลดลง 1.25% มูลค่าการซื้อขาย 95.97 ล้านบาท และบริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) หรือ CSL ปิดตลาด 10.10 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือลดลง 3.81% มูลค่าการซื้อขาย 19.14 ล้านบาท โดยเฉพาะหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ซึ่งถือเป็นหุ้นบริษัทเดียวในขณะนี้ที่เป็นของตระกูลชินวัตร ปิดตลาด 3.14 บาท หรือลดลง 0.10 บาท หรือลดลง 3.09% มูลค่าการซื้อขาย 38.01ล้านบาท

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการสายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ ก่อนตัดสินใจขายหุ้นกลุ่มชินคอร์ปอเรชั่น (INTUCH) ตามกระแสข่าวลือที่ให้ขายหุ้นจากกลุ่มดังกล่าว เพราะมองว่ายังเป็นหุ้นของกลุ่มชินวัตร ซึ่งความเป็นจริงแล้วหุ้นในกลุ่มชินฯมีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือกลุ่มเทมาเส็กของประเทศสิงคโปร์

ทั้งนี้ การขายหุ้นอาจจะทําให้เสียโอกาสทางการลงทุนได้ เนื่องจากหุ้นในกลุ่มชินฯ มีมาร์เก็ตแคปถึง 9 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 8% ของมาร์เก็ตแคปรวมในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมีผลประกอบการที่ดีและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมากําไรสุทธิของทั้งกลุ่มมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยังเป็นหุ้นที่มีอัตราเงินปันผลในระดับสูง อาทิ INTUCH เคยจ่ายเงินปันผลคิดเป็นอัตราถึง 15% โดยในปีที่ผ่านมามีอัตราปันผล 5-6% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่อยู่ประมาณ 3% ขณะที่หุ้น ADVANC ก็จ่ายปันผลในอัตราสูงถึง 13% ในปีที่ผ่านมา

"หุ้นในกลุ่มชินฯเป็นหุ้นพื้นฐานดี ถ้าแห่ขายตามข่าวลือต่างๆ โดยไม่ศึกษาข้อมูลอาจจะเสียโอกาสในการลงทุนได้ ขณะเดียวกันเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีการกํากับดูแลถึงธุรกรรมต่างๆ อย่างละเอียดโดยตลาดหลักทรัพย์ฯและก.ล.ต." นายชนิตร กล่าว

ขณะที่นางวิไล เคียงประดู่ โฆษกกลุ่ม INTUCH ชี้แจงกรณีเลขาธิการ กปปส.ประกาศจะยกระดับการชุมนุมพุ่งเป้าโจมตีธุรกิจของกลุ่มชินฯ โดยเตือนนักลงทุนให้รีบขายหุ้นกลุ่มชินฯออกให้หมด ว่า กลุ่ม INTUCH ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง อีกทั้งปัจจุบันผู้ก่อตั้งไม่ได้ถือหุ้นในกลุ่มบริษัท จึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มบริษัทแต่อย่างใด

โดยเราเชื่อว่านักลงทุนและผู้ถือหุ้นจะลงทุนในบริษัทใดย่อมทำการตรวจสอบการดำเนินงาน ความโปร่งใส ความแข็งแกร่งของบริษัทก่อนที่จะทำการลงทุนหุ้นของกลุ่มชินฯ ได้แก่ INTUCH, ADVANC และบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความเป็นมืออาชีพ โปร่งใส ตั้งอยู่บนหลักธรรมาภิบาล สิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องยืนยันและสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนกับกลุ่มบริษัทต่อไป

ทั้งนี้ ผู้ก่อตั้งได้ขายหุ้นทั้งหมดให้กับกลุ่มเทมาเส็กแห่งสิงคโปร์ ตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค. 2549 โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 รายแรกของ INTUCH, ADVANC และ THCOM ในปัจจุบันมีดังนี้ 1.บริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด ถือหุ้น 41.62% 2.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้น 22.93% 3.CHASE NOMINEES LIMITED 28 ถือหุ้น 0.83% 4.LITTLEDOWN NOMINEES LIMITED ถือหุ้น 0.76% 5.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (EQ-TH) ถือหุ้น 0.68% 6.STATE STREET BANK EUROPE LIMITED ถือหุ้น 0.66% 7.นายประชา ดำรงค์สุทธิพงศ์ ถือหุ้น 0.66% 8.นายบำรุง ศรีงาน ถือหุ้น 0.65% 9.กองทุนเปิด กรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล ถือหุ้น 0.65% และ 10.CHASE NOMINEES LIMITEDถือหุ้น 0.59%

ด้านนายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เปิดเผยว่า จากกรณีเลขาธิการ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ประกาศจะยกระดับการชุมนุม พุ่งเป้าโจมตีธุรกิจของกลุ่มชินฯนั้น กรณีดังกล่าวยังไม่ได้ส่งผลกระทบให้ลูกค้าของบริษัทมีการโอนย้ายไปยังค่ายมือถืออื่นแต่อย่างใด

โดยปัจจุบันบริษัทมีผู้ใช้บริการโดยรวมอยู่ที่ 41 ล้านราย เป็นลูกค้าที่สมัครใช้บริการ 3G บนคลื่น 2.1GHz อยู่ที่กว่า 16 ล้านราย หรือคิดเป็น 40% ของผู้ใช้บริการทั้งหมด และบริษัทยังคงตั้งเป้าหมายภายในสิ้นปี 2557 จะมีผู้ใช้บริการ 3G บนคลื่น 2.1GHz อยู่ที่ 30 ล้านราย หรือคิดเป็น 75% ของผู้ใช้บริการทั้งหมด พร้อมกับคาดหวังให้ลูกค้ามาใช้บริการข้อมูลมากขึ้น ซึ่งตั้งเป้าหมายรายได้บริการข้อมูลในปีนี้เติบโต 30% จากปีก่อนที่เติบโต 24%

ขณะเดียวกัน ไม่ได้มีความกังวลว่านักลงทุนจะมีการเทขายหุ้นของกลุ่มบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH รวมถึงหุ้นของบริษัท เนื่องจากเชื่อว่านักลงทุนได้มีการศึกษาข้อมูล พื้นฐาน และผลการดำเนินงานของบริษัทก่อนที่จะตัดสินใจซื้อหุ้นแต่ละตัว

อย่างไรก็ตาม มีความเป็นห่วงประชาชนทั่วไปจะไม่มีความเข้าใจในกรณีดังกล่าว และไม่ทราบถึงความจริงว่าในปัจจุบันหุ้นของบริษัท ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของหุ้นกลุ่ม INTUCH ไม่ได้ถือหุ้นโดยตระกูลชินวัตรแล้ว ดังนั้นบริษัทจึงมีการชี้แจงออกไปตามสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางออนไลน์ และการให้สัมภาษณ์ลงตามข่าว เป็นต้น

“ในขณะนี้ยังไม่เห็นผลกระทบว่าลูกค้าย้ายไปค่ายอื่น แต่ผลกระทบทางด้านการเมืองเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2549 แล้วที่คนที่ไม่ชอบหน้าทักษิณและตระกูลชินวัตร แต่ไม่เกี่ยวกับเรา เพราะในปัจจุบันตระกูลชินวัตรไม่ได้ถือหุ้นบริษัทเราแล้ว และไม่ได้กังวลว่านักลงทุนจะทิ้งหุ้น เพราะเชื่อว่าลงทุนศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน แต่ห่วงประชาชนทั่วไปมากกว่าที่ไม่ได้ดูว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่เราก็ค่อยๆ ชี้แจงไป” นายวิเชียร กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากกลุ่มกปปส.จะไล่ล่าโจมตีหุ้นกลุ่มชินคอร์ปแล้ว จนทำให้ราคาหุ้นร่วงระนาวกันเป็นแถวแล้ว กปปส.ยังจะไล่ล่าลามไปถึงหุ้นตัวอื่นๆ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่คิดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลด้วย โดยเฉพาะบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ที่มีกระแสข่าวลือว่า AOT เตรียมใช้เงินสดส่วนเกินประมาณ 40,000 ล้านบาท ไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อจ่ายค่าจำนำข้าวให้ชาวนา จนเกิดกระแสต่อต้านของพนักงานที่ออกมาแต่งดำประท้วง แม้ประธานบอร์ดจะออกมาชี้แจงว่าไม่มีนโยบายซื้อพันธบัตรรัฐบาลช่วยชาวนาก็ตาม

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าจะมีม็อบชาวนาจะบุกไปแสดงแสนยานุภาพที่สนามบินสุวรรณภูมิในวันนี้ (21 ก.พ.) โดยยืนยันว่าจะไม่ปิดสนามบินสุวรรณภูมิก็ตาม โดยส่งผลทำให้ราคาหุ้น AOT วานนี้ปิดตลาด 183 บาท ลดลง 5 บาท หรือลดลง 2.66% มูลค่าซื้อขายรวม 1,945.48 ล้านบาท

posted from Bloggeroid