กว่าจะสร้างพอร์ตลงทุนจากหลักแสนสู่ขึ้นหลักล้านและไต่ระดับเป็นสิบล้าน ร้อยล้าน พันล้าน เซียนหุ้นต้องฝ่าฟัน ค้นหาจนค้นพบสไตล์การลงทุนที่ทำเงิน
ชื่อ:  00.jpg
ครั้ง: 1166
ขนาด:  25.2 กิโลไบต์
หนึ่งในนักลงทุนวีไอรุ่นใหม่ “โจ - อนุรักษ์ บุญแสวง” หรือ “โจ ลูกอีสาน” ประสบความสำเร็จอย่างสูงในวัยเพียง 38 ปี เขามีพอร์ตหุ้นใหญ่ "เลข 9 หลัก" ด้วยหลักการลงทุน "กำไรทบต้น" พอร์ตขยายตัวเฉลี่ยปีละ 60 เปอร์เซ็นต์ทำกำไร 400 เท่า ภายในระยะเวลา 12 ปี เขาทำได้มาแล้ว!

ชีวิตวัยเด็กที่ยากจน ทำให้ โจ มุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จและเอาดีในทางลงทุนตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย จนค้นพบ “ความลับ” การลงทุนส่วนตัวที่สร้างพอร์ตจนแข็งแรงเติบโตในระดับพันล้านได้

ขณะที่ “ทิวา ชินธาดาพงศ์” นักลงทุนวีไอที่มีชีวิตดราม่ายิ่งกว่าใคร จากวินมอเตอร์ไซค์ชีวิตพลิกผันรวยระดับ “ร้อยล้าน” จากการลงทุนในตลาดหุ้น

ชายคนนี้ผ่านมาหลายหลากอาชีพ หลังจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 หันไปขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ก่อนไปเป็นไกด์นำเที่ยว เซลส์แมนขายเครื่องเสียงตามร้านคาราโอเกะ จากนั้นมาเป็นตัวแทนขายประกันชีวิตเอไอเอ

เพราะอยากรวยช่วงชีวิตหนึ่งเขาจึง “ติดพนันบอล” กระทั่ง “หมดตัว”

แต่คนสู้ชีวิตอย่างเขา ย่อมไม่จนหนทาง ทิวาจับพลัดจับผลูเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ เพราะยึดถือแนวทางของ “วีไอ”นักลงทุนหน้าใหม่บางคนก็หลุดพ้นมาจาก “มนุษย์เงินเดือน” สู่ “อิสรภาพทางการเงิน” โดยมีเงินปันผล “หลักล้านบาท” ต่อปี

“ณัฐชาต คำศิริตระกูล” คือตัวอย่างดังกล่าว อดีตมนุษย์เงินเดือนที่มีหน้าที่การงานมั่นคงในบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย ยอมทิ้งอนาคตที่สดใสก้าวเท้าสู่การเป็นนักลงทุนมืออาชีพ หลังจากที่พอร์ตลงทุนมีเงินปันผลหลักล้านบาท
วันนี้เขาให้เงินทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

แม้กระทั่ง “คุณหมอ” อาชีพที่ใครๆ เชื่อว่ามีมั่นคงทางการเงิน แต่สำหรับคุณหมอคนนี้ นพ.ประมุข วงศ์ธนะเกียรติ มีแรงผลักดันที่อยากหลุดพ้นจาก “กับดักหนู” และอยากให้เงินทำงานให้แทน

ก่อนจะค้นพบ “7 กลยุทธ์”เฟ้นหา “สุดยอดหุ้น”คุณหมอประมุข ไม่ต่างจากนักลงทุนรายอื่นๆ ที่เล่นหุ้นแนวเก็งกำไร จากนั้นเข้าสู่วัฏจักร “พิมพ์นิยม” ในกลุ่มพลังงาน และแบงก์

แม้จะไม่เคย “เจ๊ง” แต่วันหนึ่งเขากลับมาพิจารณาเป้าหมายตัวเองที่ต้องการเป็น “อิสระทางการเงิน” การลงทุนแบบไร้หลักการยากที่จะบรรลุเป้าหมาย และกลับมาศึกษาแนวทางการลงทุนอย่างจริงจังจนค้นพบสูตรค้นหาหุ้นในแบบฉบับส่วนตัว

“ผมกำลังค้นหา “หุ้นที่โลกลืม”ที่มีแนวโน้มว่าจะเติบโตสูงในอนาคต ถ้าใครค้นพบหุ้นลักษณะนี้ จะให้ผลตอบแทนที่สูงมาก บางครั้งได้กำไร 3-4 เด้ง ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปีครึ่ง นั่นเป็นเพราะไม่มีใครสนใจ”

“ฉัตรชัย วงแก้วเจริญ” นักลงทุนวีไอ อีกรายที่มีพอร์ต 9 หลัก ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์งบการเงิน “ขั้นเทพ” ทำให้เขามองเห็นภาพหุ้นที่จะลงทุนได้ทะลุปรุโปร่ง และเมื่อใดที่เขามั่นใจในหุ้นตัวใดก็ตามเขาพร้อมที่จะลงทุนแบบ “จัดเต็ม”

ในบางจังหวะการลงทุน พอร์ตของเขาจึงมีหุ้นเพียง 1 - 2 ตัวเท่านั้น หรือมากสุดไม่เกิน 4 ตัว ในอดีตเขาเคยถือหุ้น ไวท์กรุ๊ป ตัวเดียวนานถึง 8 ปี

"ผมลงทุนไม่เหมือนคนอื่นเป็นคนซื้อหุ้นยากมาก ในรอบ 10 กว่าปีมานี้ถือหุ้นไม่กี่ตัว คนอื่นเขาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแต่ผมจะถือหุ้นไปจนกว่าจะถึงเกณฑ์ที่ตั้งเอาไว้ ในอดีตเคยถือหุ้นมากที่สุดแค่ 4 หุ้น ผมมันพวก “สเปคเยอะ” ถ้ามั่นใจตัวไหนผมจัดเต็ม”

จากการรวบรวมประสบการณ์และถอดรหัสความสำเร็จของเซียนหุ้นทั้งหน้าเก่า หน้าใหม่ของชาลินี กุลแพทย์ ผู้สื่อข่าวสายหุ้น ประจำกรุงเทพธุรกิจ Biz Week พบว่า ประสบการณ์ร่วมคล้ายๆ กันของเหล่านักลงทุนสายพันธุ์วีไอ คือ

เริ่มต้นมาจากการอ่านหนังสือ “ตีแตก” ของ “ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร” ผู้เผยแพร่แนวคิดการลงทุนแบบเน้นคุณค่าคนแรกในประเทศไทยและหนังสือ Rich Dad Poor Dad หรือ พ่อรวยสอนลูกของ “โรเบิร์ตคิโยซากิ” รวมถึงมี “วอร์เรน บัฟเฟตต์” นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกเป็น “ไอดอลด้านการลงทุน”

แม้ว่าช่วงเริ่มต้นหรือระหว่างทางเดินของนักลงทุนหลายๆ คนจะหันไปเป็น “นักเก็งกำไร” เน้นเล่นสั้น ในจังหวะที่หุ้นผันผวน หรือเป็น “นักลอกหุ้น” ตัวยงที่ตามแกะรอย ดร.นิเวศน์ หรือเซียนหุ้นและพร้อม“ตาม” เพราะเชื่อมั่นใน “ขาใหญ่”

แต่เมื่อผ่านไปจุดหนึ่งพบว่า การเก็งกำไรระยะสั้น หรือเล่นตามเซียนมีโอกาส “พลาด” มากกว่า “ฟลุค” การแสวงหา “ความรู้” ทั้งการถอดงบการเงิน การอ่านเกมธุรกิจให้เแตกฉานเป็นสิ่งสำคัญในการลงทุนในตลาดหุ้นที่สุด ดังเช่น “จุ๊บ-ชลิตา” และ “ตาร์-จักรรินทร์” ได้บทเรียนช้ำหนัก เพราะรัก (หุ้น) วีไอ โดยไม่ได้ไตร่ตรองอย่างถ้วนถี่

ประสบการณ์ที่พบเจอ “วีไอเชียร์ แต่ตอนออก วีไอไม่บอก” ทำให้ทั้งสองเข็ดหลาบ

“เราไม่ฟังมาร์เก็ตติ้งทุกเรื่อง ไม่ซื้อหุ้นตามกูรูตัวพ่อ ได้ยินอะไรมาต้องเช็คข้อมูลก่อนลงทุน ที่สำคัญใจต้องนิ่ง อย่าเอนเอียงไปตามข่าวลือ”

ขณะที่นักลงทุนหลายคนยึดถือการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นหลัก แต่มีนักลงทุนอิสระที่เลือกเส้นทางลงทุนในทองคำ ของสะสม อย่างไวน์ นาฬิกา หรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ มีโอกาสกลายเป็น “เศรษฐี”

“เจ๊จง-จงใจ กิจแสวง” หญิงกลางคนเจ้าของฉายา “หมูทอดเศรษฐี” ที่นิยมเก็งกำไรทอง

“เจ๊ให้น้องชายขี่มอเตอร์ไซค์ไปซื้อทองคำที่ร้านทองเยาวราช 15 บาท ผ่านไป 2-3 วัน ได้กำไร 3,000 บาท เจ๊ขายเลยไม่รอช้า จากนั้นซื้อมาเรื่อยๆ ครั้งละ 10-20 บาท เคยซื้อทองคำมากที่สุดประมาณ 80 บาท และเคยได้กำไรมากสุดประมาณ 500 บาท ต่อทองคำ 1 บาท”

แม้ว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะมองหา “สูตรสำเร็จ” การลงทุนจากเซียนหุ้น แต่เหล่าเซียนตัวจริงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การลงทุนไม่มีสูตรสำเร็จ และไม่ตายตัว ขึ้นกับในแต่ละสถานการณ์

แต่สิ่งที่พวกเขาประสบความสำเร็จจนมี “อิสรภาพทางการเงิน” ได้ เพราะการแสดงหาความรู้จนค้นพบเส้นทางการลงทุนเฉพาะตัว ที่ลอกเลียนแบบไม่ได้ แต่เป็นแบบอย่างในการสร้างแรงบันดาลใจและต่อยอดให้กลายเป็นวิถีการลงทุนส่วนตัวได้

พบกับ ชาลินี กุลแพทย์ ผู้รวบรวมประสบการณ์เซียนลงทุน พร้อมสองนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ “โจ อนุรักษ์ บุญแสวง” เจ้าของฉายา “โจ-ลูกอีสาน” และ “นิ้วโป้ง - อธิป กีรติพิชญ์” นักลงทุนสังกัดสต็อกทูมอร์โรที่มีวิถีแห่งการลงทุนแบบ Fundamental VI ร่วมพูดคุยแนวทางการลงทุน พร้อมกับการเปิดตัวหนังสือชุดการลงทุน “ดรีมทีม วีไอ ไทยแลนด์ พอร์ตหมื่นล้าน” และ “เซียนหุ้นสอนสูตรลงทุน” ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ วันที่ 27 ตุลาคม 56เวลา 15.30 -17.00 น. ณ Meeting Room 4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ที่มา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์