วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ต่างชาติมองข้ามช็อต สบช่องไล่ช้อนหุ้นไทย โบรกฯชี้พื้นฐานบจ.แกร่ง – ดัชนีรูดช่วงสั้น ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม 2556

ต่างชาติมองข้ามช็อต
สบช่องไล่ช้อนหุ้นไทย
โบรกฯชี้พื้นฐานบจ.แกร่ง – ดัชนีรูดช่วงสั้น

ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม 2556 
ผู้เข้าชม : 10 คน 

นักลงทุนต่างชาติ รอจังหวะนักลงทุนในประเทศขายหนัก เข้าซื้อหุ้นไทย เล็งกลุ่มสื่อสาร-พลังงาน ด้านนักวิเคราะห์ย้ำดัชนีหุ้นกระทบช่วงสั้นเหตุกำไรบจ.ยังแข็งแกร่ง มองดัชนีมีทดสอบแนวต้านที่ 1,450 จุด และ แนวรับที่ 1,410 จุด
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัดหรือ CLSA เปิดเผยว่า  สถานการณ์การลงทุนของตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงอย่างหนักสวนกับภาวะตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวบวกทุกตลาด ซึ่งเกิดจากปัญหาทางด้านการเมืองเพียงอย่างเดียว
“ปัจจัยทางการเมืองเป็นปัจจัยเดียวที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ที่ผ่านมารัฐบาลไม่มุ่งมั่นที่ผลักดันโครงการใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศมากกว่าการมุ่งนโยบายทางการเมือง และวันนี้รัฐบาลเลือกที่จะเดินหน้าทางการเมืองมากกว่าที่จะสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ หรือห่วงปากท้องของประชาชน” นายปริญญ์ กล่าว
ตอนนี้นักลงทุนต่างชาติเริ่มที่จะมีคำถามเกี่ยวกับทางการเมืองเพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่ไม่ค่อยมีคำถามเกี่ยวกับการเมืองมากนัก เนื่องจากการเมืองเป็นสิ่งที่แม้แต่คนไทยเองยังไม่สามารถคาดเดาได้ จึงทำให้คนนอกยิ่งมีคำถามเพิ่มมากขึ้น แต่ทั้งนี้ฝรั่งยังมองว่าหากนักลงทุนในประเทศเทขายหุ้นหนัก ก็จะมีโอกาสเข้ามาทยอยซื้อสะสมได้
“ฝรั่งยังคงจ้องที่จะซื้อหุ้นไทยอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มสื่อสารและพลังงานที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะมีการเปิดให้ประมูลทีวีดิจิตอล ทำให้กลายเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ ประกอบกับแนวโน้มหุ้นกลุ่มพลังงานก็มีผลประกอบการที่ดีจากนี้ไป” นายปริญญ์ กล่าว
ที่ผ่านมาที่ได้เดินทางไปโรดโชว์ นักลงทุนต่างชาติให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐบาลมาก และไม่อยากเห็นรัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อนโยบายการเมืองมากกว่าโครงการ 2 ล้านล้านบาท หรือแม้แต่โครงการขนส่งขนาดใหญ่ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ
“มุมมองของสถาบันต่างชาติ อยากให้รัฐบาลไทยเร่งดำเนินการนโยบายทางเศรษฐกิจอย่างทันท่วงที มากกว่าที่จะไปเน้นนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งจะทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลและไม่มั่นใจ ซึ่งโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว -สีชมพู หากสร้างได้ก่อนก็ควรจะรีบทำเลย” นายปริญญ์ กล่าว
ปัญหาทางการเมืองแม้จะไม่กระทบกับเศรษฐกิจของประเทศโดยตรง แต่จะมีผลทางอ้อม ซึ่งมีโอกาสจะส่งผลต่อการเติบโตของจีดีพีของประเทศ ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการประเมินตัวเลขจีดีพีของปีนี้ออกมา คาดว่าจะอยู่ที่ 3.7 % จากเดิมอยู่ที่ 4.2 %
ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์ของเรามองว่าจีดีพีปีนี้น่าจะอยู่ที่ 2.4% เนื่องจากมองว่าปัญหาทางการเมืองจะมีผลกระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การบริโภคใช้จ่ายในส่วนของตัวบุคคลจะน้อยลง ภาคเอกชน จะชะลอการลงทุนออกมา เพื่อรอให้สถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายก่อน จึงทำให้ตัวเลขจีดีพีที่มองไว้ต่ำกว่าที่ธปท.ให้ไว้ด้วย โดยมองว่าดัชนีของปีนี้จะอยู่ที่ 1,420 จุด
สำหรับปีหน้ามองว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นมาก โดยให้เป้าหมายตัวเลขจีดีพีไว้ที่ระดับ 5.2 % โดยมีการขับเคลื่อนจากตัวเลขการส่งออก และนำเข้า ยิ่งครึ่งปีหลังของปี 2557 จะยิ่งดีขึ้นอีก เนื่องจากเป็นช่วงที่จะมีการกระตุ้นการบริโภคและใช้จ่ายมากที่สุด ซึ่งจะทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น  ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 2557 อยู่ที่ 1,600 จุด
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรีฯ กล่าวว่า ภาพรวมดัชนีในวันนี้ (31 ต.ค 56) จะเป็นเรื่องการเมืองเป็นหลัก เนื่องจากจะเห็นได้ว่าดัชนีหุ้นทั่วโลกเพิ่มขึ้นเท่าตัว ซึ่งมีแต่ไทยเท่านั้นที่ร่วงลงมาแสดงว่าเกิดจากปัจจัยในประเทศมากกว่าต่างประเทศ โดยมีผลทางจิตวิทยาในระยะสั้น ซึ่งถ้าจะดูวอลุ่มกลับมีมากกว่า 2 วันก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาดูว่าสถานการณ์จะออกมาในเชิงลบ หรือบวก ซึ่งต้องดูด้วยว่าจะเกิดการชุมนุมเพิ่มเติมหรือไม่หากสถานการณ์ออกมาเลวร้ายกว่าที่คาด โดยพื้นฐานของบจ.ในตลาดฯยังแข็งแกร่งเห็นได้จากการประกาศกำไรในไตรมาส 3/56 ออกมาเป็นไปในทางที่ดี และเติบโตมากขึ้น
“ตลาดหุ้นยังมีความเสี่ยงทางด้านลงทุน อยากให้ระมัดระวัง รอดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งเราให้เทคนิคไว้ที่ 1,410-1,450 จุด” นายธนเดช กล่าว
นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์  ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์  บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)  กล่าวว่า ภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทยนักลงทุนส่วนใหญ่วิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองภายในประเทศต่อประเด็นสภาจะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พรบ.) นิรโทษกรรม วาระ 2 และการเริ่มชุมนุมจากผู้ที่ไม่เห็นด้วยต่อ พ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญที่กดดันให้ตลาดหุ้นไทยแกว่งในแดนลบสวนทางกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างสดใส
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำนักลงทุนให้เลือกหุ้นเก็งกำไรเป็นรายตัว โดยแนะนำหุ้นที่มีผลประกอบการในไตรมาสที่ 3/56 ออกมาดี ซึ่งประเมินแนวรับไว้ที่ 1,410 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,400 จุด และ ประเมินแนวต้านไว้ที่ 1,450 จุด
นายทวีรัชต์ มัททวีวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บล.ฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับลดลงโดยให้ติดตามดูสถานการณ์การเมืองในประเทศถ้าเกิดดัชนีแนวรับหลุด 1,400-1,430 จุดจะถือว่าเป็นสัญญาทางเทคนิคที่ไม่ค่อยดีนักลงทุนจะชะลอการลงทุน และยังต้องติดตามร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่จะเข้าสภาฯว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน
ด้านกลยุทธ์ในการลงทุนแนะหุ้นขึ้นขายหุ้นลงรับกลับ โดยถ้าอยากซื้อหุ้นแนะหุ้นในกลุ่มสื่อสาร กลุ่มธนาคาร และกลุ่มรับเหมาที่ได้ผลประโยชน์จากภาครัฐ แต่ในช่วงนี้ให้ถือเงินสดเพื่อความปลอดภัยดีกว่า โดยประเมินแนวรับที่ 1,400-1,380 จุด แนวต้านที่ 1,450-1,460 จุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น