วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556

หุ้นตลาดเกิดใหม่พุ่งต่อจนถึงปลายปี ต่างประเทศ วันอังคารที่ 22 ตุลาคม 2556

หุ้นตลาดเกิดใหม่พุ่งต่อจนถึงปลายปี

ต่างประเทศ วันอังคารที่ 22 ตุลาคม 2556 
ผู้เข้าชม : 6 คน 

ซีเอ็นบีซี - ผลการสำรวจผู้จัดการกองทุนของแบงก์ ออฟ อเมริกา-เมอริลล์ ลินช์ในเดือนตุลาคม ชี้ว่า หุ้นในตลาดเกิดใหม่มีแนวโน้มที่จะดีดตัวต่อไปจนถึงปลายปี แต่การลงทุนหุ้นในตลาดเกิดใหม่ยังคงต่ำมากแม้ว่าการคาดการณ์เกี่ยวกับการเติบโตของจีนเพิ่มขึ้น
               ผลการสำรวจของแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริลล์ ลินช์ ตั้งข้อสังเกตว่า ดุลเงินสดเฉลี่ยในขณะนี้ลดลงเหลือ 4.4% จาก 4.6% ในเดือนกันยายน แต่ในขณะที่อัตรานี้ถือว่าต่ำสุดในรอบสี่เดือน และต่ำกว่าระดับ 4.5% ที่แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริลล์ ลินช์ มักใช้เป็นสัญญาณซื้อ  ธนาคารก็ยังคงมองว่า ระดับเงินสดสูง และคาดว่าตลาดเกิดใหม่จะยังดีดตัวค่อนข้างสวนกระแส
               แม้ว่าการตอบแบบสำรวจในเดือนนี้ต่ำกว่าปกติ แต่แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริลล์ ลินช์ยังคงคิดว่าตลาดเกิดใหม่เป็นตลาดที่ดีที่สุดที่จะปรับตัวขึ้นได้อีกไปจนถึงปลายปี
               หนึ่งในห้าของผู้จัดการกองทุนทั่วโลกยังคงวิตกกังวลว่าจีนจะชะลอตัวลงอย่างรุนแรงหรือไม่ และโภคภัณฑ์อาจจะล่มสลายหรือไม่ ซึ่งชี้ว่า มีความสงสัยต่อตลาดเกิดใหม่  อย่างไรก็ดี แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริลล์ ลินช์ ตั้งข้อสังเกตว่า  มีการจัดสรรการลงทุนหุ้นในตลาดเกิดใหม่ลดลงโดยอันเดอร์เวตสุทธิ 10%  จาก 18% ในเดือนกันยายน
               การทำโพสิชั่นในประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ของผู้จัดการกองทุนก็ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนกันยายน โดยรัสเซียยังคงเป็นตลาดที่นักลงทุนชอบ ซึ่งมีการลงทุนโอเวอร์เวตสุทธิ 67%  ในขณะที่จีนก็ยังคงมีการทำโพสิชั่นสูง 56%  ส่วนตลาดที่นักลงทุนลดน้ำหนักการลงทุนมากที่สุดคือตุรกี
               ผู้จัดการกองทุนเอเชียแปซิฟิก ยังคงเน้นลงทุนในประเทศเอเชียเหนือ เช่น เกาหลี  ไต้หวัน และจีน โดยชอบตลาดเหล่านี้มากกว่าตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะเดียวกันก็ยังไม่ชอบลงทุนในตลาดอินเดีย
              ในทางกลับกัน ผลการสำรวจชี้ว่า มีสัญญาณขายสวนกระแสทางเทคนิคในยุโรป โดยเป็นครั้งแรกที่มีการส่งสัญญาณว่าภูมิภาคมีแนวโน้มที่จะมีแรงซื้อมากเกินไปนับตั้งแต่มีการเหนี่ยวไกต่อตลาดเกิดใหม่ในเดือนธันวาคม 2553  โดย 77% ของผู้จัดการกองทุนกำลังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจยุโรปจะโตในปีหน้า และมีการซื้อหุ้นในยุโรปโอเวอร์เวต 46% จาก 36% ในเดือนกันยายน
              อย่างไรก็ดี การประเมินมูลค่าในยุโรปยังคงต่ำ  โดยผู้จัดการกองทุน 28% มองว่าหุ้นในอียูมีราคาถูก และมี 6% ที่คาดว่า กำไรต่อหุ้นของอียูในปีหน้าจะเป็นเลขสองหลัก ซึ่งมากสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2554
             แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริลล์ ลินช์ กล่าวว่า หากกำไรฟื้นตัวจริงๆ ยุโรปอาจมีแรงซื้อมากเกินไปสักระยะหนึ่ง  ผู้จัดการกองทุนจะต้องหาตัวเลือกอื่นที่น่าตื่นเต้น  โดยผู้จัดการกองทุน 68% มองว่าหุ้นสหรัฐจะมีกำไรมาก และ 30% ได้ซื้อหุ้นญี่ปุ่นมากเกินไปแล้ว และ 38% มองว่าแนวโน้มกำไรในตลาดเกิดใหม่ไม่น่าพอใจ หากผู้จัดการกองทุนขายหุ้นอียู ก็ยังไม่ชัดเจนว่าพวกเขาจะไปลงทุนที่ไหน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น