วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

BAYเทนเดอร์ฯต้นพ.ย. ดึงตัวแทนจีอีทำงานต่อ ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 01 พฤศจิกายน 2556

BAYเทนเดอร์ฯต้นพ.ย.
ดึงตัวแทนจีอีทำงานต่อ

ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 01 พฤศจิกายน 2556 
ผู้เข้าชม : 8 คน 

แบงก์กรุงศรีฯ (BAY) เริ่มกระบวนการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ได้ในช่วงต้นเดือนพ.ย.นี้ ขณะการควบรวมกิจการจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 57  “เจนิส”  ยังนั่ง CEO พร้อมผู้บริหารจากจีอียังทำงานอยู่ครบ 5 คน
นายวีระพันธุ์ ทีปสุวรรณ ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY กล่าวภายหลังประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/56 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 31 ต.ค. 56 ว่า ที่ประชุมมีมติและ รับทราบการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นรายใหญ่จาก GE Capital เป็นธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ (Bank of Tokyo-Mitsubishi UFJ: BTMU) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของเครือมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (Mitsubishi UFJ Financial Group: MUFG)
โดยขั้นตอนกระบวนการซื้อหุ้นจะเริ่มต้นในเดือนพ.ย. และ คาดว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จในเดือนธ.ค. ซึ่งกระบวนการควบรวมทั้งพนักงาน สินเชื่อ สินทรัพย์ จะเริ่มในเดือนม.ค 57 และทุกอย่างจะจบภายในสิ้นปี 57 โดยชื่อธนาคารจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงยังคงชื่อธนาคารกรุงศรีอยุธยาตามเดิม
สำหรับแผนธุรกิจของธนาคารยังคงเดิม และ ผู้บริหารของทางจีอีทั้ง 5 คนก็จะโอนมาเป็นพนักงานกรุงศรีอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะ นางเจนิส แวน เอ็กเคอเรน ยังคงเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BAY อยู่ ซึ่งตอนนี้แผนธุรกิจของธนาคารยังดำเนินการวางแผนอยู่
“เขามา จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และ เร่งการเติบโตของกรุงศรี ซึ่งเราพร้อมที่จะทำงานร่วมกันเพื่อขยายการให้บริการทางการเงินในไทยเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่กว้างขึ้น และหลากหลายขึ้น” นายวีระพันธุ์ กล่าว
ก่อนหน้านี้นางเจนิส แวน เอ็กเคอเรน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BAY กล่าวว่า ธนาคารจะได้ประโยชน์ทางด้านสินเชื่อขนาดใหญ่ ส่วนทาง BTMU ก็จะได้ประโยชน์จาก BAY เรื่องสินเชื่อรายย่อย ซึ่งการเป็นพาร์ตเนอร์เป็นเรื่องที่ดี โดยอาศัยความชำนาญของแต่ละที่รวมกันจนเกิดพลังในการขยายธุรกิจให้เติบโตได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะเห็นเป็นรูปธรรมประมาณปีหน้า เนื่องจากขั้นตอนการควบรวมต้องใช้เวลาประมาณ 1 ปี
“ชื่อ สี ยังคงเดิม แม้จะมีผู้ถือหุ้นรายใหม่เข้ามา โดย WIN WIN ด้วยกันทั้งคู่ เขาเก่งรายใหญ่ เราเก่งรายย่อย ซึ่งแผนธุรกิจตอนนี้เราก็วางอยู่ ส่วนถ้าเขาเข้ามาเต็มตัวก็คงมาปรับ มาจูนกันบ้างในส่วนของสินเชื่อ” นางเจนิส กล่าว
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์บล.บัวหลวง กล่าวว่า หลังจากการรวมกิจการระหว่างธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ(BTMU) กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เสร็จเรียบร้อยแล้วทิศทางกำไรของ BAY จะมีการเติบโตมากขึ้นกว่าที่ประมาณการไว้ในปีนี้ โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิโต 16% จากปีก่อนหน้า ซึ่งจะเห็นผลที่ชัดเจนในปี 2557
ทั้งนี้ เมื่อมีการควบรวมกิจการระหว่าง BTMU และ BAY จะทำให้ขนาดพอร์ตสินเชื่อเพิ่มขึ้นอีก 20% รวมเป็น 1.1 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันที่ BTMU มีพอร์ตสินเชื่ออยู่ 2 แสนล้านบาท และ BAY มีพอร์ตสินเชื่ออยู่ 9 แสนล้านบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น