วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

VGIแตกพาร์เพิ่มโฟลต กำไรQ1กระโดด92% ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 01 สิงหาคม 2556

VGIแตกพาร์เพิ่มโฟลต
กำไรQ1กระโดด92%

ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 01 สิงหาคม 2556 
ผู้เข้าชม : 19 คน 

VGI เปิดกว้างนักลงทุนรายย่อยถือหุ้น ประกาศแตกพาร์จาก 1 บาท เป็น 0.10 บาท “คีรี” ย้ำต้องการให้นักลงทุนทั่วไปเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท เพิ่มฟรีโฟลตหุ้นในกระดานจาก 330 ล้านหุ้น เป็น 3,300 ล้านหุ้น  ส่วนงบไตรมาส 1/56-57 กำไรเติบโตกระฉูด 92% จากโฆษณาทุกธุรกิจ ทั้งสื่อโฆษณาในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส สื่อโฆษณาในโมเดิร์นเทรด

                นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI เปิดเผยว่า สาเหตุที่บริษัทจะแตกพาร์จาก 1 บาท เป็น 0.10 บาท เนื่องจากเป็นการขอร้องจากนักลงทุน เพราะราคาหุ้นที่เกินระดับ 100 บาท จะเป็นการจำกัดวงของกลุ่มนักลงทุนที่จะเข้าลงทุน 
                “นักลงทุนเข้ามาขอให้บริษัทปรับพาร์ใหม่ เพื่อให้สามารถเข้าลงทุนได้ เพราะราคาหุ้นเกิน 100 บาท ถือเป็นราคาที่สูงเกินไปสำหรับนักลงทุนรายย่อย และถือเป็นการเปิดกว้างให้นักลงทุนสามารถเข้ามาร่วมลงทุนในบริษัทได้มากขึ้น ทำให้เทิร์นโอเวอร์ของบริษัทสูงขึ้น เนื่องจากเราเป็นบริษัทมหาชน” นายคีรี กล่าว
                นางศุภรานันท์ ตันวิรัช ผู้อำนวยการใหญ่สายงานการเงิน บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2556/57 (เม.ย.–มิ.ย.) บริษัทฯมีรายได้รวม 861 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 208 ล้านบาท หรือ 32% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 654 ล้านบาท
                 ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาสนี้เท่ากับ 308 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.93 บาทต่อหุ้น พร้อมแจ้งว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติให้เปลี่ยนแปลงราคาพาร์จากเดิม 1 บาท เหลือ 0.10 บาท  ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนหุ้นเพิ่มจากเดิม 330 ล้านหุ้น เป็น 3,300 ล้านหุ้น เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับหุ้นที่ซื้อขายในกระดาน โดยบริษัทจะจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในเดือนกันยายนเพื่อให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติเรื่องนี้
ปัจจัยที่สนับสนุนให้รายได้ของบริษัทฯ เติบโตมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าโฆษณาจากทุกธุรกิจ ทั้งสื่อโฆษณาในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส สื่อโฆษณาในโมเดิร์นเทรด และสื่อโฆษณาในอาคารสำนักงาน โดยเฉพาะรายได้จากสื่อโฆษณาในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสในไตรมาสนี้มีรายได้ถึง 415 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นอัตราเติบโตที่ 35%
ทั้งนี้ สื่อโฆษณาในบีทีเอสเป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูงกว่าธุรกิจอื่นๆ ของบริษัทฯ โดยการเติบโตของรายได้จากสื่อในบีทีเอสในไตรมาสนี้เติบโตจากการเพิ่มตู้โดยสารของรถไฟฟ้าบีทีเอส 35 ตู้ ในรถไฟฟ้า 35 ขบวน ที่เคยมี 3 ตู้ต่อขบวน เพิ่มเป็น 4 ตู้ต่อขบวน อีกทั้งยังมีรายได้เพิ่มจากการติดตั้งสื่อโฆษณาเพิ่มเติมในสถานีที่เดิมเคยมีผู้โดยสารน้อย (non-prime station) แต่ปัจจุบันมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น ส่วนรายได้จากสื่อในโมเดิร์นเทรด สื่อในอาคารสำนักงาน และสื่ออื่นๆ เติบโตขึ้นจากการขายพื้นที่โฆษณาภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มมากขึ้น
นายมารุต อรรถไกวัลวที ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า แม้ว่าในช่วงไตรมาสแรกปี 2556/57 (เม.ย.-มิ.ย.) การใช้เม็ดเงินโฆษณาของอุตสาหกรรมในภาพรวมอาจจะไม่คึกคักเท่าใดนัก ตามรายงานของนีลเส็นที่ระบุว่า เม็ดเงินโฆษณาในเดือนพฤษภาคมลดลง 2% ก่อนจะเพิ่มขึ้น 1% ในเดือนมิถุนายน ส่งผลให้ยอดรวมของเม็ดเงินโฆษณาในช่วง 6 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 55,601 ล้านบาท ขยายตัวเพียง 1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่สื่อโฆษณาภายใต้การบริหารจัดการของ VGI ไม่ได้เติบโตตามแนวโน้มของอุตสาหกรรมโฆษณาในภาพรวม สาเหตุหลักน่าจะมาจากการที่สื่อไลฟ์สไตล์มีเดียทั้งในบีทีเอส และโมเดิร์นเทรดมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ตั้งอยู่ในที่ที่พบเห็นได้ง่ายในการใช้ชีวิตประจำวันของคนสมัยใหม่ที่ใช้ชีวิตนอกบ้านเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งยังใช้รูปแบบการนำเสนอที่แปลกใหม่และน่าสนใจ จึงทำให้สื่อมีพลังดึงดูดความสนใจของผู้ชมมากกว่าสื่อประเภทอื่นๆ  จนทำให้ลูกค้าหันมาใช้สื่อประเภทนี้เพิ่มมากขึ้น
“ความนิยมของสื่อไลฟ์สไตล์ มีเดีย เช่น สื่อในระบบขนส่งมวลชน และ In-store Media ยังมีการเติบโต  จากการตอบรับของลูกค้าที่ลองใช้บริการแล้วเห็นผลอย่างชัดเจนในการสร้างแบรนด์และสร้างยอดขาย เนื่องจากเป็นสื่อที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด ซึ่งนอกจากความนิยมของลูกค้าที่เอื้อต่อการเติบโตของ VGI แล้ว การเพิ่มพื้นที่ให้บริการของเจ้าของพื้นที่ทั้งบีทีเอส และโมเดิร์นเทรด เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สร้างการเติบโตของ VGI เช่นกัน เช่น การทยอยเพิ่มตู้โดยสารของขบวนรถไฟฟ้าและการขยายเส้นทางเดินรถของบีทีเอส หรือการขยายตัวของโมเดิร์นเทรดที่เดินหน้าขยายการเปิดสาขาอย่างต่อเนื่อง”
 นอกจากนี้ ที่สำคัญคือ VGI ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะมองหาพื้นที่ให้บริการสื่อโฆษณาเพิ่มเติมรวมถึงสื่อใหม่ๆ โดยล่าสุด VGI ลงนามสัญญาบริหารสื่อในอาคารเพิ่มอีก 11 อาคาร ทำให้บริษัทมีอาคารภายใต้การบริหารจัดการ ณ ปัจจุบันรวมเป็น 62 อาคาร อีกทั้งสื่อบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสยังมีการปรับเปลี่ยนสื่อภาพนิ่งให้เป็นสื่อดิจิตอล เพื่อให้มีพื้นที่สื่อโฆษณาเพียงพอรองรับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของ VGI ทั้งสิ้น” นายมารุต กล่าว


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น