วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

MCOT ในแดนสนธยา รายงานพิเศษ วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม 2556


MCOT ในแดนสนธยา

รายงานพิเศษ วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม 2556 
ผู้เข้าชม : 30 คน 


ความขัดแย้งที่ดูเหมือนจะร้อนแรงภายในองค์กรระดับสูงบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT ระหว่างประธานคณะกรรมการนายสุธรรม แสงประทุม และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ ก็จบลงอย่างง่ายดายเกินคาด เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยนายอเนก ได้แจ้งต่อนายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลหน่วยงานดังกล่าว บอกว่า ได้นำแจกันดอกไม้ขอเข้าพบนายสุธรรม เพื่อขอขมาและชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้นใน อสมท. กรณีมีพนักงาน อสมท. ส่งเอกสารสรุปพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนายเอนก ส่งให้นายสุธรรมดำเนินการ  โดยนายเอนก ได้กล่าวขอขมาต่อนายสุธรรม ขอโอกาสทำงานต่อ และขอรับนโยบายจากนายสุธรรม
ในทางกลับกัน นายสุธรรม ก็ได้ตอบยืนยันว่า กระบวนการสอบข้อเท็จจริงเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตใน อสมท. จะต้องดำเนินต่อไป เพื่อให้กระจ่างชัด ตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้ประกาศจะจัดการกับการทุจริตคอรัปชั่น ถ้าไม่ได้ทำผิดก็ไม่ต้องกลัว และจะให้ความเป็นธรรม
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการกลบกระแสความขัดแย้งระหว่างบุคคลลงไปได้ ทำให้กระแสต่างๆ เงียบลงไปด้วย แต่ประเด็นที่นักลงทุนตั้งคำถามก็คือ บริษัทจดทะเบียนซึ่งมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจอย่าง MCOT นั้น มีประเด็นที่ทำให้คนทั่วไประลึกถึงความไม่โปร่งใสขององค์กรแล้วจะผ่านเลยไปอย่างง่ายดายผ่านกระบวนการ “เกี้ยเซียะ” โดยไม่คำนึงถึงเรื่องของ CG หรือธรรมาภิบาลได้อย่างไร
ประเด็นปัญหาการบริหารจัดการองค์กรภายใน MCOT นั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ในกรณีล่าสุดนี้ เริ่มต้นตั้งแต่การตัดสินใจของคณะกรรมการในการจัดซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรี​เมียร์ลีกจากบริษัท ซีที​เอช จำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์ในประเทศไทย จำนวน 17 ​แมตช์ต่อปี ปีละ 160 ล้านบาท ติดต่อกัน 3 ปี รวม 480 ล้านบาท แล้วบานปลายไปยังเรื่องอื่นๆ  ดังที่ยกมาให้เห็น

ประเด็นปัญหา MCOT
ประเด็น
ข้อกล่าวหา
ผู้กล่าวหา
ผู้ถูกกล่าวหา
ผลลัพธ์
ซื้อสิทธิ์ถ่ายทอดสด พรีเมียร์ลีก 17 นัดต่อปี มูลค่า 480 ล้านบาท เป็นเวลารวม 3 ปี
ไม่โปร่งใส แพงเกินจริง ไม่คุ้ม
พนักงาน อสมท
นายสุธรรม แสงประทุม และนายจักรพันธ์ ยมจินดา
?
การทุจริตใน อสมท ในการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์การติดตั้งอุปกรณ์สำหรับ การสร้างสรรค์และพัฒนาเว็บไซต์ สำนักธุรกิจสื่อใหม่
พบการจัดซื้อจัดจ้างสูงกว่าราคาตลาดถึง1.5 ล้านบาท และใช้งบประมาณมากกว่างบลงทุนที่ประมาณการไว้
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
ผู้บริหารการจัดซื้อจัดจ้าง
ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
การใช้อำนาจหน้าที่สร้างอิทธิพลส่วนตัวเอง
ใช้อำนาจเกินเลย สั่งการผู้บริหารคลื่นวิทยุของ อสมท เข้าจัดรายการให้หาเวลาให้
-
นายจักรพันธุ์ ยมจินดา รองประธานฯ
เป็นกระแสข่าวลือในหมู่พนักงาน
พฤติกรรมของผู้บริหารมี ส่งให้นายสุธรรมดำเนินการ
พนักงานส่งเอกสารสรุปพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ให้ประธานดำเนินการ
พนักงาน อสมท
นายอเนก เพิ่มวงศ์เสนีย์
ประธานบอร์ด สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง

ในกรณีของการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรี​เมียร์ลีกจากบริษัท ซีที​เอช จำกัด นั้น นายสุธรรม แสงประทุม อดีตนักการเมืองใหญ่ซึ่งมานั่งแท่นประธานคณะกรรมการบริษัท ระบุว่า การลงทุนครั้งนี้ว่าจะ​เป็น ผลดีต่อ อสมท มาก แต่คนที่ต่อต้านการลงทุน ไม่เข้าใจเพราะที่ผ่านมา อสมท อยู่ในบทบาท ของผู้ให้ไลเซ่นส์มากกว่าผู้รับช่วงไลเซ่นส์  อีกทั้งมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ต่ำกว่า 60% ไม่ต้องลงทุน อะไรก็สามารถอยู่ได้ แต่ในปัจจุบัน สถานการณ์ทางธุรกิจได้ดำเนินมาถึงจุดที่วงการบรอดคาสติ้ง มีการแข่งขันที่รุนแรง อสมท ก็ต้องปรับบทบาทตัวเองเพื่อนำมาซึ่งรายได้ กำไร และเรตติ้งรายการ จึงเป็นสิ่งที่ อสมท ควรเร่งดำเนินการให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงให้แข่งขันได้ แต่ติดที่คนในองค์กรยังมีวัฒนธรรม องค์กร อย่างที่ผ่านมา จึงทำให้เกิดปัญหาความไม่เข้าใจ กังวลใจถึงการลงทุน
ในขณะที่นายอเนกก็มีท่าทีตรงกันข้างในเรื่องดังกล่าว โดยได้สั่งการให้ทางฝ่ายการตลาดไปศึกษาความเป็นไปได้ว่าการซื้อลิขสิทธิ์ดัง กล่าวนี้จะสร้างรายได้และเกิดความคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งได้ข้อสรุปว่าไม่สามารถหาโฆษณาได้คุ้มกับเม็ดเงินที่จะต้องจ่ายไป แล้วจำนวนเงิน ปีละ 160 ล้านบาทนั้นมากไปจำนวนเงิน ​
พร้อมเดียวกัน นายอเนกก็ยังเสริมให้ร้อนแรงเพิ่มเติมอีกว่า ในเรื่องนี้ ถ้าหากทางสหภาพ​แรงงานยังคงคัดค้านด้วย จะต้อง​ทำประชาพิจารณ์​แน่นอน ​เพราะ ​เป็น​เรื่อง​ใหญ่ระดับองค์กร จำ ​เป็นต้องรับฟัง​ความคิด​เห็นจากหลายฝ่ายก่อนตัดสิน​ใจ
ทางด้านสหภาพแรงงาน อสมท ก็มีการเคลื่อนไหวสนับสนุนนายอเนก โดยนายสุวิทย์ มิ่งมล รักษา​การประธานสหภาพ ​แรงงาน บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้รับคำเชิญของ​ นายสุธรรม  และนายจักรพันธุ์ ยมจินดา รองประธานบอร์ด อสมท เพื่อหารือ แล้วทางสหภาพได้ตั้งข้อสัง​เกต 3 ข้อ คือ 1.อสมท มี​ความจำ​เป็น​แค่​ไหนที่จะต้อง​ทำสัญญากับ  CTH ​เพราะก่อนหน้านี้  CTH นำ​เอา​โปร​เจ็กต์นี้​ไปขายช่องอื่นมา​แล้ว ​แต่​ไม่มี​ใครสน​ใจ ​แล้วทาง อสมท ​ทำ​ไมต้องรีบ​ไป​ทำสัญญา​โดยที่​ไม่มี​การตกลงราคากัน​ใหม่ ​ซึ่งมองว่าราคา​เดิมค่อนข้างที่จะ​แพง​เกิน​ไป ข้อนี้ไม่มีคำตอบ
ส่วนอีก 2 ข้อ ประกอบด้วย  ข้อ 2.สัญญาดังกล่าว ​เป็นสัญญา 3 ปี ทางสหภาพต้องการรู้ว่า ​​ขายโฆษณา​ไป​ได้​เท่า​ไหร่ ซึ่ง​ ประธานตอบว่า มั่น​ใจว่าปี​แรก​ไม่ขาดทุน​แน่ นอน โดยทางสหภาพ​ได้ถามต่อว่า ถ้าหากอนาคตในปีที่ 2 และ 3 มี​การ​เปลี่ยน​แปลง ​หรือบอร์ดย้ายจะ​ทำอย่าง​ไร ​ใครจะรับผิดชอบสิ่งที่​เกิดขึ้นกับ อสมท ประธาน​และรองประธานกล่าวตรงกันว่า ​ทั้ง 2 พร้อมรับผิดชอบสิ่งที่​เกิดขึ้น ​
ส่วนข้อที่ 3.สหภาพได้ตั้งคำถามว่า สปอน ​เซอร์ที่สนับสนุนนั้น​เป็น​เงินก้อน​ใหม่​หรือ​ไม่ ​หรือ​เป็น​เงินก้อน​เดิมที่วาง​ไว้ตั้ง​แต่ต้นปี ​ซึ่งถ้า​เป็น​เงินก้อน​เดิม ​เท่ากับว่า อสมท ​ไม่​ได้​เงิน​เพิ่มจาก​การ​ทำสัญญาครั้งนี้ ก็ไม่มีคำตอบ
หลังการหารือดังกล่าว นายสุธรรม อ้างว่า ขณะนี้พนักงาน​เข้า​ใจ​และยอม รับกับ​การที่ อสมท ​ได้ลงทุนซื้อลิขสิทธิ์พรี​เมียร์ลีกครั้งนี้​แล้ว
ความขัดแย้งดังกล่าว ได้ถูกขยายความเป็นประเด็นร้อนอื่นๆเพิ่มเติมดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ซึ่งทำให้เกิดการเคลื่อนไหวทางลึกและข่าวลือตามมาหลายหลาย
เริ่มต้นตั้งแต่นายสุธรรมได้ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องของการซื้อลิขสิทธิ์ดังกล่าว เริ่มต้นจาก นายอเนก เป็นผู้สนใจและเจรจากับทางซีทีเอชมาแต่แรกว่าอยากจะได้คอนเทนต์ดังกล่าวมา เอง ตนและคระกรรมการบริษัท เห็นว่าดีและคุ้มทุนมีกำไร ก็พร้อมสนับสนุน ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าทำไมตอนนี้นายเอนกจึงไม่ออกตัวกับเรื่องดังกล่าว
ที่ สำคัญ หลังจากที่ได้ทำการเริ่มพรีเซลล์ไปเพื่อหาสปอนเซอร์โฆษณาในสื่อฟรีทีวีอีก ส่วนหนึ่ง พบว่าเจ้าของสินค้าและเอเจนซี่ให้ความสนใจอย่างมาก จนพรีเซลล์ได้กว่า 270 ล้านบาท เชื่อว่าในปีแรกจะสร้างรายได้เข้ามาไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาทแน่ ทำให้มองเห็นถึงความคุ้มทุน ในการลงทุนครั้งนี้
ไม่เพียงเท่านั้น นายสุธรรมยังเปิดเผยอีกว่า ในความเป็นจริง การเข้าสู่ยุคการแข่งขัน ซึ่งทำให้อนาคตของ อสมท กำลังเข้าสู่วิกฤติ เพราะเป็นองค์กรที่มีอำนาจของรัฐบาลเข้ามากำกับดูแล  ทำให้ตอนนี้ อสมท กำลังอยู่ในช่วงผะอืดผะอม เพราะมีทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีไว้เยอะ มีโรคแทรกซึมเยอะ ไม่รู้จะไปทางไหน โดยเฉพาะโทรทัศน์ ช่อง9โมเดิร์นไนน์ มีคอนเทนต์ ที่แข่งขันกับฟรีทีวีช่องอื่นได้ยาก โดยปัจจุบันด้านข่าวก็มีเรตติ้งตกลงมา ละครก็ต้องยอมรับว่าสู้ช่องอื่นไม่ได้ ต้องนำเอาสารคดีมาช่วย ทางแก้ไขต่อไปก็คือ ก็ต้องนำคอนเทนต์กีฬาเข้าช่วย รวมทั้งผลิตคอนเทนต์มากขึ้นทั้งข่าวและสารคดีและดึงคอนเทนต์กีฬาเข้ามาเสริม
นายสุธรรมได้ยกตัวเลขผลประกอบการรายไตรมาส นับตั้งแต่นายอเนกเข้ามารับตำแหน่งในปลายเดือนกันยายน 2555 ว่า รายได้ใน 2 ไตรมาสที่ผ่านมาของ อสมท ตกลงอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้โทรทัศน์ของไตรมาส1ที่ผ่านมาเทียบกับไตรมาส 4 ของปี 2555 พบว่าลดลง 15% ขณะที่ตัวเลขไตรมาส2นี้ยังไม่ออกมาเป็นทางการ แต่เท่าที่ดูพบว่ายังคง ตกลงอยู่ เนื่องจากการทำงานของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ที่มีการปรับรายการข่าวใหม่
รวมถึงปรับโครงสร้างการทำงานภายในองค์กร ส่งผลถึงรายได้ขององค์กรที่ตกลง
การถดถอยของผลประกอบการดังกล่าว นายสุธรรมระบุว่า เกิดจากความเด็ดขาดของอำนาจนายอเนกยังไม่หนักแน่นพอในการบริหารงาน และ ไม่ตระหนักต่อภาระที่เผชิญอยู่ อาจทำให้ผลการประเมินการงาน 6 เดือนแรกของ นายเอนก อาจจะไม่ผ่านก็เป็นได้ ทั้งที่ที่ผ่านมาคณะกรรมการบริษัทจะเป็นฝ่ายเดินเข้าหาตลอด
คำพูดของนาย สุธรรม ขัดแย้งอย่างตรงกันข้ามกับความเห็นของคณะกรรมการฯ สรรหาเสนอ ซึ่งนายอเนก ให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวเมื่อกลางปี 2555 ที่ระบุว่า นายอเนกเป็นนักบริหารที่มีวิสัยทัศน์ และศึกษาการดำเนินงานระบบทีวีดิจิตอลมาเป็นอย่างดี รวมทั้งศึกษาเรื่องการเตรียมองค์กรรับกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น  กสทช. และ การมุ่งดำเนินธุรกิจให้ได้ผลกำไร จึงมีความเหมาะสมเป็นอย่างมากที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนี้
ในมุมกลับกัน ก็มีข้อกล่าวหาจากแหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์ออกนาม ระบุผ่านสื่อออนไลน์ต่างว่า นายสุธรรม และคณะกรรมการบางคนใน MCOT จะหมดวาระในเดือนกันยายนนี้จึงจำเป็นต้องเร่งเรื่องซื้อช่วงลิขสิทธิ์ให้ เสร็จเร็วๆ
นอกจากนั้นยังมีข่าวลือโหมกระแสอีกว่า คู่กรณีพยายามใช้เส้นสายอย่างแข็งขัน โดยฝ่ายนายอเนกได้ลิ้งก์ไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บอกเหตุและผลของฝ่ายตัวเอง ส่วนฝ่ายนายสุธรรมก็ลิ้งก์ไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีบอกเหตุและผลของฝ่ายตัวเองเช่นกัน แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน
ในทางกลับกัน นายอเนกก็ได้เข้าพบ นายวราเทพ พร้อมกับยืนยันว่า ข้อกล่าวหาเรื่องพฤติกรรมไม่โปร่งใสของตนเองนั้น ไม่เป็นจริงตามที่ปรากฏเป็นข่าวและพร้อมที่จะชี้แจงไม่ว่าจะเป็นประเด็นการ บริหารงานที่มีปัญหา ประเด็นประสิทธิภาพการทำงาน และปัญหาในเรื่องความไม่โปร่งใส โดยจะให้ชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร หรือตั้งเป็นกรรมการสอบก็พร้อม
การสงบศึกชั่วคราวโดย นายวราเทพ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยยืนยันว่า ข่าวลือเรื่องการปรับนายอเนกออกจากตำแหน่งในMCOT ไม่มีมูลความจริง ขณะที่ปัญหาการทำงานในอนาคต ระหว่าง บอร์ด อสมท และ นายเอนก รวมทั้งสหภาพเเรงงาน จะต้องอยู่ที่ทั้ง 2 ฝ่ายว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร เมื่อปรากฏว่าข้อเท็จจริงทั้ง2ฝ่ายไม่ตรงกัน ก็มีอยู่ 2 แนวทาง โดยทางที่ 1 ต้องมาพูดคุยทำความเข้าใจกัน ส่วนแนวทางที่ 2 หากไม่สามารถยุติลงได้ หรือมีข้อเท็จจริงที่ต้องดำเนินการต่อตามกฎหมาย และสอบสวนข้อเท็จจริง ในรูปของคณะกรรมการ จึงเป็นการซื้อเวลาของปัญหาออกไป แต่ไม่ได้ทำให้สภาพของแดนสนธยา อันเป็นฉายาที่ MCOT ถูกเรียกมายาวนานจบสิ้นลง
ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้นี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงส่วนยอดภูเขาน้ำแข็ง เพราะปัญหารากเหง้าที่แท้จริง ซึ่งนักลงทุนและสาธารณะต้องการรู้มากกว่าคือความสามารถในการแข่งขันในอนาคต ของ MCOT นั่นเอง โดยเฉพาะเรื่องผลผลประกอบการที่ในสองไตรมาสดูย่ำแย่ลงไป ทั้งที่ตลาดธุรกิจสื่อบรอดคาซท์ทุกด้านยังเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น