วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

‘ทิสโก้’เข้มNPL คุมไม่เกิน1.5% วันพุธที่ 17 กรกฎาคม 2556


‘ทิสโก้’เข้มNPL
คุมไม่เกิน1.5%

ข่าวหน้าหนึ่ง วันพุธที่ 17 กรกฎาคม 2556
ผู้เข้าชม : 5 คน

TISCO ไม่กังวลเอ็นพีแอลเพิ่ม เหตุตั้งสำรองครบ มั่นใจทั้งปีคุมไว้ไม่เกิน 1.5% ด้านส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยปีนี้ขอรักษาใกล้เคียงปีก่อนที่ 3% ส่วนสินเชื่อปีนี้เติบโต 15-20% เน้นขยายตัวทุกภาค ทั้งรายย่อย และรถยนต์

นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) เปิดเผยว่า มีการปรับกลยุทธ์ในกลุ่มสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะการปล่อยเช่าซื้อรถยนต์มือสองที่จะพยายามชะลอลง และมุ่งเน้นคุณภาพของลูกค้ามากขึ้น เนื่องจากพบว่าผลพวงของโครงการรถยนต์คันแรกที่ขยายตัวดีในกลุ่มสินเชื่อรถใหม่ ทำให้ราคารถยนต์เก่าในตลาดปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
และมีผลต่อคุณภาพของลูกหนี้เช่าซื้อรถมือสองสะท้อนออกมายัง NPL ที่เพิ่มสูงขึ้นในลูกค้ากลุ่มนี้ และกระทบต่อ NPL รวมของธนาคารที่ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 1.45% จากสิ้นปีก่อนที่อยู่ 1.21% และคาดว่าจะยังส่งผลให้ NPL เพิ่มขึ้นไปถึงสิ้นปีนี้ แต่จะพยายามควบคุมไว้ไม่ให้เกิน 1.50%
อย่างไรก็ตาม ความสูญเสียของกลุ่มหนี้รถยนต์มือสองยังไม่ได้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อภาพรวมของการดำเนินธุรกิจของธนาคาร เนื่องจากที่ผ่านมาธนาคารมีการตั้งสำรองหนี้เผื่อจะสูญสูงถึง 2.3 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับขนาดของหนี้สูญที่อยู่หลักร้อยล้านบาท
และช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาธนาคารมีการตั้งสำรองเพิ่มอีก 1.6 พันล้านบาท เนื่องจากมีรายได้พิเศษ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถครอบคลุมหากเกิดความเสียหายในกลุ่มหนี้สูญได้อีกจำนวนมาก โดยช่วงที่เหลือของปีนี้มีความเป็นไปได้ว่าการตั้งสำรองอาจไม่สูงนักนอกจากจะมีรายได้พิเศษเพิ่มเข้ามา
ซึ่งพอร์ตสินเชื่อรถยนต์คิดเป็น 65% ของพอร์ตสินเชื่อรวม โดยมีมูลค่าที่ 2 แสนล้านบาท แบ่งเป็นรถยนต์มือสองและรถยนต์เก่าที่ 20% เชื่อว่าสัดส่วนดังกล่าวจะยังไม่ปรับลดลงมากในช่วงสิ้นปีนี้ แม้ว่าธนาคารจะปรับกลยุทธ์การชะลอปล่อยกู้ก็ตาม
“เราจะปล่อยเช่าซื้อรถมือสองลดลง เน้นคุณภาพมากขึ้น โดยตัว NPL ยังเป็นการบริหารจัดการทั่วไปไม่ต้องใช้วิธีการพิเศษอะไร ซึ่งการที่เพิ่มขึ้นมาแค่ 0.2-0.3% ไม่ได้มีความเสียหายอะไรมากมาย เราตั้งสำรองไว้ค่อนข้างมากแล้ว เชื่อว่าต่อให้เพิ่มอีก 3-4 เท่า สำรองส่วนเกินก็ยังเพียงพออยู่” นางอรนุช กล่าว               
สำหรับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 3% ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อน โดยเดิม NIM อยู่ที่ 2.8% ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการผลตอบแทนของสินเชื่อในแต่ละกลุ่ม แม้ว่าผลตอบแทนในส่วนของกลุ่มรถยนต์มือสองจะลดลงจากการปรับกลยุทธ์ชะลอปล่อยสินเชื่อในกลุ่มนี้ แต่ธนาคารปรับตัวในการเร่งผลตอบแทนในส่วนอื่นแทน
ด้านการขยายตัวของสินเชื่อรวมทั้งปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าทั้งปีที่ 15-20% ซึ่งจะมุ่งการขยายตัวของสินเชื่อทุกภาคส่วน โดยสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อรถยนต์จะยังเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก รวมถึงสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ ซึ่งช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาสินเชื่อรวมขยายตัวที่ 13% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อน
โดยสินเชื่อเช่าซื้อขยายตัว 12.5% สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์อนุมัติใหม่ขยายตัว 11.7% แม้จะไม่มีนโยบายรถยนต์คันแรกเป็นตัวกระตุ้นแล้ว ส่วนสินเชื่อธุรกิจเพิ่มขึ้น 10.8% สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพิ่มขึ้น 26.7% ขณะที่คุณภาพของสินทรัพย์เพิ่มขึ้นจาก 1.28% มาอยู่ที่ 1.45% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ
นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครึ่งปีหลังนี้จะคงอยู่ในระดับเดิมที่ 2.50% โดยมองว่าประเด็นที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ให้ความสำคัญในการพิจารณาดอกเบี้ย ได้แก่ ทิศทางอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งขณะนี้อ่อนตัวลงอยู่ระดับ 2.50% โดยในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเป็นผลจากอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้นในช่วงต้นปีมีผลต่อมูลค่าการนำเข้าที่ลดลง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น