วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

โบรกแนะเลือกซื้อ 11 บจ.อนาคตรุ่ง ดัชนีลุ้นฟื้นตัว สะสมหุ้นจ่ายปันผลระหว่างกาล

โบรกแนะเลือกซื้อ 11 บจ.อนาคตรุ่ง
ดัชนีลุ้นฟื้นตัว สะสมหุ้นจ่ายปันผลระหว่างกาล

วันพฤหัสบดีที่ 04 กรกฎาคม 2556 เวลา 09:57:32 น. 
ผู้เข้าชม : 3552 คน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.39 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 31.09 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียมีทั้งปรับตัวอยู่ในแดนลบและแดนบวก นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยฟื้นตัว แต่ยังคงเปราะบางและผันผวน หากเป็นนักลงทุนรอรับต่ำกว่า 1400 จุด สะสมหุ้นที่จ่ายปันผลระหว่างกาล เลือกซื้อ 11 หุ้นเด่น ได้แก่ BGH, CPF, MALEE, SF, SAT, TNH, TICON, DRT, TICON, TCAP, PTTEP 
บล.ไทยพาณิชย์ ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ SET โดนแรงขายทำกำไร โดยเฉพาะในช่วงบ่าย หลังจีนเผยดัชนีภาคบริการยังหดตัวและต่ำสุดในรอบหลายเดือน รวมถึงยุโรปเริ่มมีปัญหาจากการเมืองในโปรตุเกส และในประเทศเอง การลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐเริ่มสะดุด ด้านแนวโน้มราคา มองเข้าสู่ช่วงพักตัวก่อน โดยมีแนวรับที่ 1420 และ 1400 จุด หากถามเราว่ารอบนี้จะทำจุดต่ำใหม่หรือไม่ เรามองยังไม่ถึงขั้นนั้น โดยคาดตลาดจะย่อสลับก่อน เพื่อปรับขึ้นได้ต่อ กลยุทธ์ การเก็งกำไร รอก่อนที่แนวรับ หรือเมื่อเราให้สัญญาณ ขณะที่นักลงทุน ต่ำกว่า 1400 จุด น่าสนใจ หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ BGH และ CPF
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ตลาดเริ่มแกว่งพักตัวลง แต่คาดว่าเป็นช่วงสั้น ก่อนลุ้นรีบาวด์ครั้งใหม่ได้...
กลยุทธ์ : แรงขายต่างชาติกลับมากดดันตลาดอีกครั้ง แต่คาดว่ารอบนี้จะไม่รุนแรงเท่าครั้งก่อน ขณะที่แนวโน้ม SET ในช่วงครึ่งปีหลัง เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกอยู่ ดังนั้นหลังจากแนะนำให้เลือกหุ้นกลับเข้าซื้อได้ในช่วงตลาดแกว่งพักตัวลง ถัดจากนี้แนะนำให้เน้นถือเพื่อรอรอบรีบาวด์ก่อน ซึ่งยังคาดว่ามีลุ้นโอกาสขยับขึ้นไปแถว 1500 จุดหรือสูงกว่าได้
หุ้นเด่นทางเทคนิค :  MALEE, SF, LOXLEY (SBL)
แนวโน้ม : เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเร็ว เพื่อเตรียมเฉลิมฉลองวัน Independence Day (July,4th) โดยสามารถพลิกกลับมาปิดเป็นบวกได้ จากข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนที่สดใสช่วยหนุน หลังจากในระหว่างวันปรับตัวลงไปพอควร ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปยังมีแรงขายกดดันให้ปรับตัวลงกว่า 1% เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในโปรตุเกส และความวุ่นวายในอียิปต์ ส่วนตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลดลงพอควร จากความวิตกต่อสถานการณ์โลกเช่นกัน รวมทั้งนักลงทุนต่างประเทศที่กลับมามียอดขายสุทธิถึงกว่า 3 พันล้านบาทอีกครั้งเป็นแรงกดดันด้วย อย่างไรก็ตามเช้านี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียไม่ได้เลวร้ายนัก ขณะที่ FSS ยังมองว่าการปรับพักตัวลงของ SET ช่วงนี้เกิดจากแรงขายทำกำไรระยะสั้นและยังมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวกลับได้ในเร็วๆ นี้ จึงยังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก แต่ก็ต้องคอยติดตามการขายปรับพอร์ตของต่างชาติไว้ด้วยว่าจะชะลอตัวลงอีกหรือไม่
แนวรับ  1440-1435 , 1430-1420  จุด  แนวต้าน 1450-1455 , 1465-1475 จุด
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ มีเด้งก่อนผันผวนต่อ KGI มอง SET วันพฤหัสฯ รีบาวด์ก่อนผันผวนอีก หลังเมื่อวานผิดคาดร่วงหนักจาก i) ข่าวการเมืองโปรตุเกสระส่ำอาจส่งผลต่อสถานะการคลังประเทศ และ ii) ประธานคณะปฎิรูปกฎหมาย (คปก.) แจ้งรัฐบาลว่า พรบ. 2.2 ล้านล้านอาจขัดรัฐธรรมนูญ วันนี้คาดแรงขายชะลอ หลังสถานะพอร์ต บล. จากต้นเดือน ก.ค. กลับมาใกล้ศูนย์ (แรงขาย พอร์ต บล. ชะลอ) และนักลงทุนต่างชาติคงรอดูข่าวผลประชุม ECB ค่ำวันนี้รวมทั้งตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ คืนวันศุกร์ คาดว่าหุ้นพลังงานจะเด่นกว่า SET ต่อไป หลังราคาน้ำมันขึ้นแตะสูงสุดรอบ 14 เดือน แม้วันนี้ตลาดยังผันผวน เราแนะนำให้ถือหุ้นไม่ขายตัดขาดทุน ลุ้นตลาดฟื้นตัวหลังสหรัฐฯ รายงานตัวเลขภาคแรงงาน
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน 
ซื้อ DRT, TICON, เก็งกำไร TCAP*
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี่ดิ่งลงแรงช่วงบ่ายตามตลาดหุ้นยุโรป หลังมีปัญหาความขัดแย้งการเมืองในโปรตุเกส ทำให้ SET ปิดตลาด -20.41 จุด มาอยู่ที่ 1,443.57 จุด ภาพรวมตลาดค่อนข้างเปราะบาง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของปัจจัยการเมืองในต่างประเทศทั้งการเมืองของโปรตุเกสที่เป็นเหตุให้มีการดีดตัวของบอนด์ยีลด์เหนือระดับ8% ส่งผลให้วิกฤติการเงินของยุโรปกลับมาเป็นความกังวลหลักของตลาดอีกระลอก ขณะที่สถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองในอียิปต์ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นต่อเนื่อง ต่างชาติปรับพอร์ตค่อนข้างเร็วหลังขายสุทธิออกไปอย่างหนักในช่วงเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมาและเริ่มกลับมาซื้อสะสมในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน แต่วานนี้ขายสุทธิออกไปกว่า 3 พันลบ.อีกครั้ง อย่างไรก็ดี คาดตลาดยังเทรดกันแบบระวังตัวระหว่างรอปัจจัยใหม่ๆ จากการประชุม
ECB, BOE วันนี้ รวมถึงจับตาข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐในวันพรุ่งนี้ แนวต้าน: 1460-1475 แนวรับ: 1440-1420 
บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาด: ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นหลังจากยอดขาดดุลการค้าเดือนพ.ค. +12% จากเดือนก่อนหน้า สูงสุดในรอบ 2 ปี และดัชนี ISM ภาคบริการลดลงสู่ระดับ 52.2 ในเดือนมิ.ย.ต่ำสุดตั้งแต่ก.พ.53 ทำให้ตลาดคาดว่า GDP สหรัฐงวด 2Q56 น่าจะอ่อนแรงลง (ล่าสุด Goldman Sachs ปรับลด GDP สหรัฐลงสู่ระดับ 1.6%) และน่าจะส่งผลให้ Fed ยังคงมาตรการ QE ต่อไปอีกระยะ แม้ว่าตลาดแรงงานมีสัญญาณการฟื้นตัวต่อเนื่อง (ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 188,000 ตำแหน่ง สูงกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 165,000 ตำแหน่ง และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานฯปรับตัวลดลง 5,000 ราย มาอยู่ที่ 343,000 ราย) ก็ตาม ขณะเดียวกันตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงแรง เนื่องจากความกังวลสถานการณ์การเมืองในโปรตุเกส ซึ่งเราคาดว่าจะเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นในช่วงสั้นหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี ของโปรตุเกสทะลุ 7% ขึ้นมาและอาจส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรประเทศอื่นในยูโรโซนโดยเฉพาะอิตาลีและสเปนปรับสูงขึ้นด้วย ทั้งนี้ เราคาดว่า SET Index ในระยะสั้นยังคงแกว่งตัวในกรอบ 1400-1480 จุด
โดยคาดว่า SET Index ช่วงปลายสัปดาห์นี้อาจจะได้รับแรงกดดันจาก 1) ความกังวลการเมืองและปัญหาหนี้ยุโรป (ติดตาม CDS ยุโรป) 2) ค่าเงินเยนที่เริ่มปรับแข็งค่าขึ้น (อาจไปทดสอบ 97-98 เยน/เหรีญสหรัฐฯ) และ 3)เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติที่เริ่มกลับมาขาย อย่างไรก็ตามเรามองว่าปัจจัยทั้ง 3 ข้างต้น เป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวที่ไม่ได้ส่งผลต่อพื้นฐานเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง สำหรับการทยอยสะสมช่วงนี้เน้นหุ้นที่ถูกที่สุดของแต่ละอุตสาหกรรมน่าจะช่วยลดความเสี่ยงได้ อาทิ KTB SAT TNH SMK PTTGC AP
ปัจจัยอื่น/ตลาดสหรัฐฯ ปิดทำการ เนื่องในวันชาติ / วันนี้ประชุมนโยบายการเงินยูโรโซน คาด ECB คงดอกเบี้ยที่ 0.5% ต่อไปกลยุทธ์การลงทุน: “ยังอาจอ่อนตัว หาจังหวะซื้อโดยเฉพาะหากลงมา 1420 +/-” หลังเสี่ยงขายไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา วันนี้เรายังคงแนะนำให้รอจังหวะเข้าซื้อต่อจากเมื่อวาน และคาดว่า fund flow ที่เข้ามายังเป็นของนักลงทุนต่างชาติระยะสั้น ซึ่งอาจไม่ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเรามองเป็นโอกาสดีในการหาจังหวะซื้อหุ้นพื้นฐานดีที่ลงมามาก และสะสมหุ้นที่จ่ายปันผลระหว่างกาล
หุ้นแนะนำ SAT TNH TICON
สำหรับนักลงทุนระยะกลาง: คงน้ำหนักการลงทุนที่ 60% หลังลดไป 20% ใน 2 ครั้ง (22ก.พ. และ 20 มี.ค.) จากที่วางแผนจะปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนขึ้น เราขอชะลอเพื่อประเมินภาพความผันผวนที่เกิดขึ้นจากการที่นักลงทุนให้พรีเมียมกับการลงทุนลดลง (de-rating) ก่อนปรับน้ำหนักการลงทุนอีกครั้ง
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ความผันผวนของ SET น่าจะยังมีอยู่ ด้วยอิทธิพลของตลาดหุ้นโลก โดยยังใช้กลยุทธ์เดิม Global +Domestic โดยเลือก Top pick คือ PTTEP (FV@B188.7) ตราบที่การเมืองในอิยีปต์ยังมีอยู่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น