ชื่อ:  001.png
ครั้ง: 568
ขนาด:  267.1 กิโลไบต์


แกรมมี่ระดมทุนครั้งใหญ่เพิ่มทุน และขายหุ้นบริษัทลูก รับเงิน 2.3 พันล้านบาท กำหนดราคาเพิ่มทุน 10 บาท ต่ำกว่ากระดานหลัก ลุยประมูลทีวีดิจิทัล

ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่าช่วงครึ่งปีแรกบริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) มีการระดมทุนครั้งใหญ่ เริ่มจากการรายงานการขายหุ้นบริษัทย่อยที่เป็นบริษัทจดทะเบียน มูลค่ารวม 1.32 พันล้านบาท โดยเริ่มจากการขายเงินลงทุนในบริษัทออฟฟิศเมท (OFM) จำนวน 0.3 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 27.34 ล้านบาท การขายหุ้นบริษัทมติชน (MATI) 41 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 455.01ล้านบาท และการขายหุ้นบริษัทโพสต์ พับลิชชิ่ง (POST) 102.36 ล้านหุ้นมูลค่ารวม 844.11ล้านบาท ล่าสุดบริษัทแกรมมี่ได้ประกาศเพิ่มทุนเสนอขายหุ้นใหกับผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 106.05 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 10 บาท คาดว่าจะได้รับเงินสดรวม 1.06 พันล้าน บาท โดยการจัดสรรในอัตรา 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่


น.ส.บุษบา ดาวเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2556 ที่ประชุมกรรมการบริษัทฯ (บอร์ด) มีมติอนุมัติให้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 5 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ จำนวน 106,052,989 หุ้น ในราคาหุ้นละ 10.00 บาท คาดว่าจะได้รับเงินสดในครั้งนี้ ประมาณ 1,060 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปลงทุนในธุรกิจ "ทีวีดิจิทัล" ที่จะมาช่วยต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ ธุรกิจเดิม เพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำสื่อครบวงจรในไทย

"เชื่อว่าการเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างโครงสร้างเงินทุนของบริษัทฯ ให้มีความแข็งแกร่งรองรับแผนพัฒนาเชิงรุกสู่ธุรกิจใหม่ๆ ตลอดเวลาซึ่งธุรกิจทีวีดิจิทัล ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจใหม่ที่แกรมมี่มีความพร้อม ในทุกๆ ด้าน" น.ส.บุษบา กล่าว

แกรมมี่วางเป้าหมายเข้าร่วมประมูลทีวีดิจิทัล ที่กำลังจะมีการประมูลในไตรมาส 3 ปีนี้ รวมจำนวน 3 ช่อง ได้แก่ ช่องวาไรตี้ความคมชัดสูง (HD), ช่องวาไรตี้มาตรฐานทั่วไป (SD) และช่องรายการ ขณะที่แหล่งเงินทุน ซึ่งบริษัทได้เตรียมเงินสำรองไว้แล้ว เพื่อลดความเสี่ยง ด้วยการระดมทุน 3 แหล่งหลักๆ คือ การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน ,วงเงินกู้จากสถาบันทางการเงิน และการขายหุ้นที่ ไม่ใช่ธุรกิจหลัก คือบริษัท มติชน (MATI) และบริษัทโพสต์ พับลิชชิ่ง (POST) ทำให้บริษัทฯ มีเม็ดเงินที่สามารถไปลงทุนได้เพิ่มเติมไม่ต่ำกว่า4 พันล้านบาท ในการเข้าร่วมประมูลทีวีดิจิทัล รวม 3 ช่อง ตามเป้าหมายที่วางไว้ รวมทั้ง ยังมีพันธมิตรทั้งคนไทย และต่างชาติหลายราย สนใจจะเข้าร่วมทุนในการดำเนินธุรกิจทีวีดิจิทัล เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสและเชื่อมั่นในศักยภาพของแกรมมี่ โดยกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาความ เป็นไปได้ดังกล่าว

นักวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่าผู้บริหารบริษัทแกรมมี่ แจงนักวิเคราะห์แผนธุรกิจว่า บริษัท อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อซื้อcontent เพิ่มในครึ่งปีหลังของปี 2556 โดยคาดว่าจะเข้ามาช่วย ผลักดันจำนวนสมาชิกช่องเพย์ทีวี และยอดขายกล่องจีเอ็มเอ็มแซด (GMM Z) ให้ได้ตามเป้าหมาย และประเมินว่า บริษัทจะพลิกกลับมามีกำไรก็ต่อเมื่อผลการดำเนินงานจากธุรกิจเพย์ทีวีจีเอ็มเอ็ม แซด มีผลขาดทุนไม่เกิน 150 ล้านบาทต่อไตรมาส ซึ่งการดำเนินธุรกิจเพย์ทีวี มีต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานประมาณ 350 ล้านบาทต่อไตรมาส ดังนั้นธุรกิจเพย์ทีวี จะต้องมีรายได้ไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาทต่อไตรมาส หรือจำนวนสมาชิกไม่น้อยกว่า 2-3 แสนราย จึงจะทำให้ผลประกอบการรวมของบริษัทแกรมมี่พลิกจากขาดทุนเป็นกำไร

"ผลประกอบการรวมปีนี้ ประเมินแนวโน้มขาดทุนต่อเนื่องจากธุรกิจเพย์ทีวี GMM Z เพราะสถานการณ์ยังไม่นิ่ง ต้องมีการปรับกลยุทธ์เพื่อพลิกฟื้นธุรกิจต่อเนื่อง จึงยังคงประมาณการผลประกอบการปีนี้ไว้เท่าเดิม และประเมินว่ายังไม่ใช่จังหวะเข้าลงทุน แต่ระยะสั้นอาจได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของผลประกอบการไตรมาส 2/2556 จากรายได้ภาพยนตร์พี่มากพระโขนงที่ดีกว่าคาดมาก"นักวิเคราะห์กล่าว

ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหารครึ่งปี พบว่า นางจิราภรณ์ รุ่งศรีทอง ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัท จี เอ็มเอ็ม แกรมมี่ รายงานซื้อหุ้นจำนวน 3,000 หุ้น มูลค่าซื้อ 52,800 บาท และในวันที่ 1 มิ.ย. ได้รายงานการซื้อหุ้นอีก 3,000 หุ้น มูลค่า 58,650 บาท และนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ รายงานซื้อหุ้น เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2556 จำนวน 100,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่าซื้อ 2.37 ล้านบาท และเข้า มาซื้ออีก 1,000 หุ้นคิดเป็นมูลค่าซื้อ 21,600 บาท

สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัทแกรมมี่ วานนี้ (16 ก.ค.) พบว่าราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดปิดตลาดที่ราคา 16.40 บาท ลดลง 1 บาท คิดเป็น 5.75%


Tags : แกรมมี่ • ทีวีดิจิทัล

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์