วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

TBANKสวนกลับ ชี้เอ็นพีแอลปกติ ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2556

TBANKสวนกลับ
ชี้เอ็นพีแอลปกติ

ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2556 
ผู้เข้าชม : 4 คน 

“ธนชาต” เจ้าพ่อเช่าซื้อตัวจริง ยัน NPL สินเชื่อรถยนต์ทั้งระบบยังปกติเพียง 2% ส่วนของธนาคารแค่ 1.5% คุมปล่อยกู้สุดเข้ม โบรกฯเผยหนี้เสียส่วนใหญ่มาจากรถยนต์มือสอง
นายอนุชาติ ดีประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์และงานขายลูกค้ารายย่อย ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TBANK ซึ่งเป็นบริษัทหลักในการดำเนินงานของกลุ่มธนชาต หรือ  TCAP กล่าวว่า สินเชื่อรถยนต์เป็นไปตามตลาด ซึ่งตอนนี้ตลาดอยู่ในช่วงซบเซา เนื่องจากไร้การกระตุ้นรถยนต์คันแรกแล้ว จึงส่งผลให้สินเชื่อรถยนต์คันแรกชะลอตัวลงตามไปด้วย
โดยยอดสินเชื่อรถยนต์ 8 เดือน ซึ่งรถมือ 1 ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยปีที่แล้วรถยนต์คันแรกส่งผลเลย ทำให้เกินเป้ามามากกว่าที่คาด แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ ซึ่งรถยนต์คันแรกยังเติบโตอยู่ ส่วนรถยนต์มือ 2 เติบโตช้าลงตามราคา และภาวะตลาด ซึ่งเป็นทั้งระบบอุตสาหกรรม
“รถมือ 1 ตามเป้า รถมือ 2 ต่ำกว่าเป้า ซึ่งเป็นทั้งระบบ เพราะตลาดราคามันตก ส่วนมือ 1 ความต้องการของคนยังมีอยู่เพียงแต่ไม่โตหวือหวาเหมือนปีที่แล้วกับต้นปีเท่านั้นเอง” นายอนุชาติ กล่าว
สำหรับ NPL ในตลาดไม่น่าห่วง ซึ่งลูกค้าที่มาจากรถคันแรกถือว่ามีคุณภาพชั้นเยี่ยม โดยหนี้เสียที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติของวงจรสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งเกิดจากการผิดนัดชำระ โดยที่ผ่านมาธนาคารก็มีระบบในการบริหารหนี้เสียที่ดี และตั้งสำรองไว้ตามเกณฑ์ที่ธปท.กำหนด
“ที่ผ่านมา NPL ไม่ได้เกิดจากรถคันแรก แต่เกิดจากลูกค้าที่เริ่มมีการผิดนัดชำระ ซึ่งเป็นไปตามระบบ ไม่มีอะไรที่พิเศษ หรือน่ากลัว โดยที่ผ่านมาอาจมีการจ่ายล่าช้าไปบ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ โดยตัวเลขในปัจจุบันเราต่ำกว่าระบบที่อยู่ประมาณ 2% ของธนาคารราว 1.5%” นายอนุชาติ กล่าว
ปัจจุบันสินเชื่อคงค้างของรถยนต์อยู่ที่ 4.3 แสนล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อรถยนต์ใหม่ 68-69% สินเชื่อรถเก่า 25% และสินเชื่อรถแลกเงิน 6-7% ถือเป็นรายใหญ่ที่สุดในตลาดเช่าซื้อรถยนต์ โดยมีอัตราการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ระดับ 10% ซึ่ง 8 เดือนรถมือ 1 เกินเป้าไปแล้ว 5-10% โดยรถมือ 2 ต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย
นายวรพล วิรุฬห์ศรี นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กำไรสุทธิไตรมาส 3/56 ของ TCAP จะอยู่ที่ 1.65 พันล้านบาท หดตัวแรง 60% จากไตรมาส 2 เนื่องจากในไตรมาส 2/56 มีรายการพิเศษจากการขาย  TLIFE แต่จะยังคงเติบโตดี 33% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า
ซึ่งหลังจากหมดโครงการรถยนต์คันแรกรวมทั้งการชะลอการปล่อยสินเชื่อในตลาดรถยนต์มือ 2 ในขณะที่ NIM คาดทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 2/56 โดยรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยคาดหดตัวแรงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากไม่มีรายการพิเศษ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานคาดปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการบันทึกผลขาดทุนจากการขายรถยึด แต่ค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองคาดปรับลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า
สำหรับประเด็น NPLs  คาดว่าจะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นจากรถยนต์เก่าเป็นหลัก แต่จะเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/56
ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” TCAP จากประเด็นมูลค่าที่ถูกมาก โดยซื้อขายเพียง 0.8 เท่า PBV,  7.0 เท่า Norm PER  และให้ดิวิเดนด์ยีลด์ระดับ 4.7% ซึ่งราคาหุ้นในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวลงกว่า 30% โดยสะท้อนปัจจัยลบด้านตลาดรถยนต์ไปพอสมควรแล้ว แม้ว่าจะยังมีมุมมองในเชิงบวกต่อภาพการเติบโตของผลการดำเนินงาน TCAP ในระยะยาว แต่ในช่วงสั้นประเด็นความกังวลเกี่ยวกับภาพรวมเศรษฐกิจยังคงอยู่ จึงแนะนำกลยุทธ์การ “ทยอยสะสม” เป็นหลัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น