วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

หุ้นส่งออกเด้ง รับบาทอ่อนค่า ราคาสินค้าฟื้น ข่าวหน้าหนึ่ง วันอังคารที่ 10 กันยายน 2556

หุ้นส่งออกเด้ง
รับบาทอ่อนค่า
ราคาสินค้าฟื้น

ข่าวหน้าหนึ่ง วันอังคารที่ 10 กันยายน 2556 
ผู้เข้าชม : 3 คน 

3 หุ้นเด่นกลุ่มส่งออกอาหาร TUF-CPF-GFPT ได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าระดับ 32  บาท บวกราคาผลิตภัณฑ์ฟื้นตัวจากช่วงต้นปี ดันยอดขายปีนี้เติบโต โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” TUF เป้า 65 บาท, CPF เป้า 31 บาท และ GFPT เป้า 11 บาท
จากสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทมีการอ่อนค่าลงสุดในรอบ 3 ปี ในระดับ 32  บาทต่อดอลลาร์ ตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว น่าจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มส่งออก ซึ่งน่าจะได้กำไรเพิ่มจากอัตราแลกเปลี่ยน อย่าง บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TUF, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF และบริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT
นายรณกฤต สารินวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินอ่อนค่าจะส่งผลบวกโดยตรงต่อ TUF ประกอบกับราคาปลาทูน่าเริ่มมีการฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง จึงมีแนวโน้มที่น่าสนใจ ทำให้ประเมินยอดขายปีนี้ไว้ประมาณ 1.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 12% จากปีก่อน ส่วนกำไรน่าจะลดลงมาอยู่ที่ 3,200 ล้านบาท จากปีก่อนประมาณ 4,600 ล้านบาท เนื่องจากราคาปลาทูน่าที่ลดลงเมื่อช่วงต้นปี  แนะนำ "ซื้อสะสม" ราคาเป้าหมาย 65 บาท
ขณะที่ CPF ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าก็น่าจะส่งผลดีต่อการส่งออกในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันราคาผลิตภัณฑ์มีการปรับตัวดี ทั้งราคาไก่ และราคาหมู แต่อย่างไรก็ตาม จากราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลงส่งผลให้ประเมินกำไรปีนี้ชะลอตัวมาอยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท จากปีก่อนประมาณ 18,000 ล้านบาท ส่วนยอดขายคาดไว้ประมาณ 3.8 แสนล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อน  จึงยังคงแนะนำซื้อสะสม ราคาเป้าหมาย 31 บาท
ส่วน GFPT การส่งออกน่าจะดี เนื่องจากราคาเนื้อไก่มีการปรับตัวดีขึ้น จึงมองว่าการทำกำไรปีนี้น่าจะฟื้นตัวมาอยู่ที่ระดับ 950 ล้านบาท จากปีก่อนประมาณ 40 ล้านบาท ส่วนยอดขายน่าจะอยู่ที่ประมาณ 17,000 ล้านบาท จากปีก่อนประมาณ 15,000ล้านบาท ทำให้ยังแนะนำซื้อลงทุน ราคาเป้าหมาย 11 บาท และโดยภาพรวมแล้วจัดว่าหุ้นในกลุ่มส่งออกอาหารสามารถลงทุนในระยะยาวได้
บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า จากที่มีกระแสข่าวว่าธนาคารเจ้าหนี้ทาบทาม CPF เข้าเทกโอเวอร์ "สหฟาร์ม" เพื่อเคลียร์หนี้ 30,000 ล้านบาท และเป็นการต่อยอดธุรกิจส่งออกไก่ของกลุ่ม CPF อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการวงในกล่าวว่าดีลนี้ไม่ง่าย เพราะเจ้าของสหฟาร์ม คือ  ดร.ปัญญา โชติเทวัญ ยื้อสุดฤทธิ์ ทางด้านไอแบงก์เล็งปล่อยกู้ให้สหฟาร์มเพิ่ม 1,000 ล้านบาทเป็นเงินทุนหมุนเวียน
ทั้งนี้ คาดว่าปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินของสหฟาร์มคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง อย่างน้อยถึงสิ้นปี 2556 ที่จะสรุปแนวทางในการปรับโครงสร้างหนี้ที่ชัดเจน ทำให้ปริมาณผลผลิตไก่ในระบบจะยังไม่สูงมาก และในวงการอุตสาหกรรมไก่คาดการณ์ว่า ปริมาณการผลิตที่สหฟาร์มจะผลิตเมื่อได้เงินกู้ที่เป็นเงินทุนหมุนเวียนเข้ามาแล้ว คือ ไม่เกิน 2 แสนตัวต่อวัน ซึ่งต่ำลงจากปริมาณการผลิตสูงสุดที่สหฟาร์มเคยทำในปี 2555 ที่ 7-8 แสนตัวต่อวันอย่างมาก
ดังนั้น คาดว่าราคาไก่ในประเทศยังคงทรงตัวที่ 45-47 บาทต่อกิโลกรัมได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการทำกำไรได้ในเกณฑ์ดี หลังจากขาดทุนกันถ้วนหน้าในปี 2555 ในส่วนธุรกิจอาหารสัตว์ก็มีแรงกดดันน้อยลง จากราคาวัตถุดิบที่ต่ำลงตั้งแต่ไตรมาส 3/56 เป็นต้นไป จึงยังคงให้ GFPT เป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มไก่ครบวงจร โดยคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 3/56 จะเติบโต 15-20% จากไตรมาสก่อน เป็น 350-360 ล้านบาท และอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแกร่งต่อในไตรมาส 4/56 จึงแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายปี 2557 เท่ากับ 13 บาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น