วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

SPCGกำไรกระฉูด600% ขายไฟเพิ่มดันQ2เด้งต่อ


SPCGกำไรกระฉูด600%
ขายไฟเพิ่มดันQ2เด้งต่อ

ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม 2556 
ผู้เข้าชม : 7 คน 

“เอสพีซีจี” มั่นใจรายได้ไตรมาส 2 เติบโตต่อเนื่อง จากไตรมาสแรกฟันกำไร 95.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 642% เหตุไตรมาส 2 มีโรงไฟฟ้าสามารถจ่ายไฟเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 28 โครงการ จากทั้งหมด 36 โครงการ

                นางสาววันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มในช่วงไตรมาส 2/56 น่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1/56 เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้จากโครงการที่เริ่มผลิตและจำหน่ายไฟแล้วอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสนี้จะมีโครงการที่สามารถจ่ายไฟเชิงพาณิชย์เพิ่มอีกอย่างน้อย 12 โครงการ จากไตรมาส 1/56 ที่มีโครงการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว 16 โครงการ
                ดังนั้น ในไตรมาส 2/56 นี้ บริษัทจะมีโครงการที่สามารถจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ได้ประมาณ 28 โครงการ จากทั้งหมด 36 โครงการ โดยโครงการที่เหลือคาดว่าจะสามารถจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ได้ประมาณไตรมาส 3/56 ซึ่งจะส่งผลให้ผลประกอบการมีการเติบโตอย่างเนื่อง
                สำหรับปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้และกำไรเติบโตแบบก้าวกระโดดจากปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 1,277 ล้านบาท และมีกำไรประมาณ 39 ล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีหน้า (ปี 2557) ที่ผลประกอบการของบริษัทจะมีการเติบโตที่ดีจากการรับรู้รายได้จากทั้ง 36 โครงการเต็มทั้งปี
                ขณะที่ความคืบหน้าในการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรักเจอร์ฟันด์) ขณะนี้บริษัทยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไปเรียบร้อยแล้ว จึงน่าจะอยู่ระหว่างการพิจารณาและตรวจสอบเอกสาร คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายไตรมาส 2/56 หรือต้นไตรมาส 3/56 มูลค่ากองทุนฯ ประมาณ 5,500 ล้านบาท
                ส่วนผลประกอบการไตรมาส 1/56 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 56 บริษัทกำไรสุทธิ 95.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82.40 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 642% จากงวดเดียวของปีก่อน 12.83 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 1/56 บริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้า สำหรับบริษัทย่อยที่เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ และเริ่มผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าในไตรมาส 1/56 จำนวน 7 บริษัท ซึ่งบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นเพียงบริษัทเดียว จึงทำให้บริษัทมีผลกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทเพิ่มขึ้นมาก ส่วนรายได้จากการขายและการให้บริการรวมอยู่ที่ 522.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 315.36 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 152% สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทย่อย
                ด้านรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าของบริษัทย่อยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จมาก่อนปี 2556 สามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าในปี 2556 ได้เต็ม 3 เดือน จำนวน 9 บริษัท ได้แก่ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 1) จำกัด, บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (สกลนคร 1) จำกัด, บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (นครพนม 1) จำกัด, บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 2) จำกัด, บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (เลย 1) จำกัด, บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (ขอนแก่น 1) จำกัด, บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 3) จำกัด, บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 4) จำกัด และบริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 7) จำกัด
                ขณะที่รายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าของบริษัทย่อยที่เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ และเริ่มผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าในเดือนม.ค. 56 จำนวน 7 บริษัท ได้แก่ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 5) จำกัด, บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 8) จำกัด, บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 9) จำกัด, บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (ขอนแก่น 3) จำกัด, บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (ขอนแก่น 4) จำกัด, บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (ขอนแก่น 5) จำกัด และบริษัท โซล่า เพาเวอร์ (ขอนแก่น 8) จำกัด
                นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์เหล็กและรายได้จากการขายพร้อมติดตั้งในไตรมาส 1/56 จำนวน 62 ล้านบาท ต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้ 76.06 ล้านบาท หรือลดลง 18% เนื่องจากการแข่งขันในธุรกิจเหล็กสูงมาก จึงต้องแข่งขันโดยลดราคาขายให้แก่ลูกค้า
               

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น