วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

WHAงบQ1โอละพ่อ แก้ใหม่กำไรพุ่ง565ล.


WHAงบQ1โอละพ่อ
แก้ใหม่กำไรพุ่ง565ล.

ข่าวหน้าหนึ่ง วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม 2556 
ผู้เข้าชม : 5 คน 

"หมอสมยศ" แจง WHA แก้ไขงบไตรมาส 1/56 ใหม่ มีกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 565.91 ล้านบาท จากรอบแรกแจ้งกำไรต่ำแค่ 121.91 ล้านบาท ระบุทำตามมาตรฐานบัญชีใหม่ ที่ต้องปรับให้เป็นงบการเงินเสมือนจริง ชี้ไม่ใช่ความผิดของบริษัท

                นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHA เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทแจ้งแก้ไขงบการเงินไตรมาส 1/56 แก้ไขผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/56 ใหม่ โดยมีผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 565.91 ล้านบาท จากรอบแรกแจ้งไว้ที่ 121.91 ล้านบาทนั้น เป็นตามมาตรฐานบัญชีใหม่ ที่ต้องปรับให้เป็นงบการเงินเสมือนจริง ทำให้อ่านแล้วเกิดความเข้าใจที่คาดเคลื่อน ซึ่งไม่ใช่ความผิดของบริษัท
                นายสมศักดิ์ บุญช่วยเรืองชัย ผู้อานวยการฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA กล่าวว่า ตามงบรวมของบริษัทในไตรมาส 1/56 มีกำไรสุทธิ 121.91 ล้านบาท ลดลง 26.63% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 166.16 ล้านบาท ส่วนงบเฉพาะของบริษัทสำหรับไตรมาส 1/56 มีกำไรสุทธิ 522.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 270.06% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 141.21 ล้านบาท  
                สาเหตุสำคัญที่ทำให้กำไรสุทธิระหว่างงบรวมของบริษัท และงบเฉพาะของบริษัท มีความแตกต่างกันนั้น เนื่องมาจากบริษัทจำหน่ายทรัพย์สิน ประกอบด้วยโครงการ Healthcare และโครงการ Kao 3 ให้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมียม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮาส์ ฟันด์ (กองทุน) เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 56 ในราคา 2,046 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งของราคาดังกล่าว ได้จากการที่บริษัท แวร์เฮาส์ เอเซีย อะไลแอนซ์ จำกัด (WAA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัท ถือหุ้นทั้งหมด ขายทรัพย์สินโครงการ Healthcare ให้แก่กองทุนราคา 1,615 ล้านบาท
                อย่างไรก็ดี เนื่องจากการปรับโครงสร้างภายในกลุ่มบริษัท ก่อนการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน บริษัทซื้อหุ้นของ WAA  74% ในเดือนก.ย. 54 ทำให้บริษัทจะต้องรับรู้มูลค่ายุติธรรมของทรัพย์สินของ WAA คือ โครงการ Healthcare ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินของไทย ฉบับที่ 3 เรื่องการรวมธุรกิจ ดังนั้น ตามงบการเงินรวมของบริษัทจึงบันทึกอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในราคายุติธรรมเป็นจำนวน 1,615 ล้านบาท ในงบดุล ขณะที่บันทึกมูลค่าค่าความนิยมติดลบ (negative goodwill) ซึ่งถือเป็นกำไรจากซื้อกิจการจำนวน 322.40 ล้านบาทในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จในระหว่างปี 2554 เนื่องจากการต่อรองราคาซื้อ (ซึ่งราคาซื้อมีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมของทรัพย์สินของ WAA)
                ทั้งนี้ เวลาที่จำหน่ายทรัพย์สินให้แก่กองทุนในช่วงเดือนม.ค. 56 นั้น อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนตามงบการเงินรวมของบริษัทมีมูลค่า 1,615 ล้านบาท และด้วยเหตุที่ราคาขายเท่ากับ 1,592 ล้านบาท งบการเงินรวมของบริษัทจึงไม่มีกำไรจากการขายทรัพย์สิน
                โดยตามงบการเงินเฉพาะของบริษัทมีเงินปันผลจาก WAA จำนวน 350 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่างบการเงินของ WAA มีกำไรจากการเปรียบเทียบส่วนต่างของมูลค่าขาย (1,592 ล้านบาท) และมูลค่าทางบัญชีของทรัพย์สิน (964.40 ล้านบาท) เป็นจำนวน 627.60 ล้านบาท ทำให้ได้รับกำไรสุทธิ 372 ล้านบาท
                ดังนั้น กำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วในงบการเงินรวมของบริษัทเพื่อให้สะท้อนความสามารถในการทำกำไรที่แท้จริงควรจะเป็นดังนี้ จากงบรวมมีกำไรไตรมาส 1/56 ที่ 121.91 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วเสมือนหนึ่งบริษัทเป็นผู้ขายทรัพย์สินทั้งหมดอีก 444 ล้านบาท ดังนั้น งบรวมที่ปรับปรุงแล้วประจำไตรมาส 1/56 จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 656.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 240.58% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 166.16 ล้านบาท
                นอกจากนี้ จากการเปรียบเทียบรายงานงบการเงินรวม ณ ไตรมาส 1/56 และไตรมาส 1/55 มีความแตกต่างที่สำคัญดังนี้ รายได้ค่าเช่าค่าบริการเพิ่มขึ้นจาก 85.32 ล้านบาท ในไตรมาส 1/55 เป็น 96.41 ล้านบาท ในไตรมาส 1/56 มีสาเหตุหลักเนื่องจากการเพิ่มพื้นที่ให้เช่าจาก 114,791 ตารางเมตร ในสิ้นไตรมาส 1/55 เป็น 209,689 ตารางเมตร ในไตรมาส 1/56
                ด้านรายได้จากการขายทรัพย์สินให้แก่กองทุนมี 2,046 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 1/56 เพิ่มขึ้น 13.14% จาก 1,808 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกัน และกำไรขั้นต้นจากการขายโครงการ Healthcare อยู่ในระดับสูง โดยมีมูลค่าทางบัญชีอยู่ที่ 964.40 ล้านบาท เมื่อเทียบกับราคาขายของทรัพย์สินดังกล่าวที่ 1,592 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ด้วยการปรับโครงสร้างภายในกลุ่มบริษัท ก่อนการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนตามที่กล่าวข้างต้น จึงทำให้ไม่อาจรับรู้กำไรขั้นต้นจากการขายในงบการเงินรวมได้
                ส่วนรายได้หลักรายการอื่น ซึ่งประกอบไปด้วยเงินปันผลจากการถือหน่วยลงทุนในกองทุนและค่าบริหารทรัพย์สินจากกองทุนเพิ่มขึ้นจาก 5,801,894 บาท ในไตรมาส 1/55 เป็น 21,593,692 บาท ในไตรมาส 1/56 เนื่องจากการเพิ่มทุนครั้งที่หนึ่งของกองทุนในเดือนก.พ. 55 ทำให้กองทุนมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 3,110 ล้านบาท
                ถึงแม้จะมีรายได้ทุกประเภทเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่กำไรขั้นต้นตามงบรวมจากการขายทรัพย์สินลดลงจาก 191,756,541 บาท ณ ไตรมาส 1/55 เป็น 123,766,461 บาท ณ ไตรมาส 1/56 อย่างไรก็ดี ต้นทุนของทรัพย์สินที่ขายในไตรมาส 1/56 ที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นผลจากการตีราคายุติธรรมของโครงการ Healthcare ในปี 2554 เนื่องจากการปรับโครงสร้างภายในกลุ่มบริษัทก่อนการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน โดยราคายุติธรรมดังกล่าว 1,615 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนเดิมของทรัพย์สินในบริษัทย่อย 964.40 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/55 เท่ากับ 10.60% และไตรมาส 1/56 เท่ากับ 6.05%
                นอกจากนี้ อัตรากำไรขั้นต้นของค่าเช่าและบริการลดลงจาก 71.31% เป็น 58.73% เนื่องจากบริษัทไม่สามารถรับรู้รายได้ค่าเช่าและบริการที่ได้รับจากทรัพย์สินที่ขายเข้ากองทุนตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. 56 เป็นต้นไป และทรัพย์สินดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง เนื่องจากไม่ต้องบันทึกค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินนั้น
               

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น