วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

118บจ.กำไรพุ่ง51%


118บจ.กำไรพุ่ง51%

ข่าวหน้าหนึ่ง วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม 2556 
ผู้เข้าชม : 5 คน 

บล.ฟินันเซียฯ สรุปผลงาน บจ. 118 แห่ง คิดเป็น 75% ของมาร์เก็ตแคปทั้งตลาด มีกำไรสุทธิรวม 212,889 ล้านบาท โต 51% จากไตรมาสก่อน โดยกลุ่มธนาคาร วัสดุก่อสร้าง รับเหมาฯ และกลุ่มโรงพยาบาล โรงแรม สายการบินมีกำไรโตดี

นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์ ฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางบริษัทได้ดำเนินการวิเคราะห์ 118 บริษัทจดทะเบียน (บจ.) คิดเป็น 75% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของบริษัทจดทะเบียนทั้งตลาด โดยมีกำไรสุทธิรวม 212,889 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเพิ่มขึ้น 51% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4/55 กลุ่มปิโตรเคมีมีการขาดทุนจากสต๊อก
ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการพิเศษต่างๆ อย่างกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรจากการขายสินทรัพย์ เป็นต้น 118 บจ.ดังกล่าวก็จะมีกำไรสุทธิรวม 180,880 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งกำไรดังกล่าวคิดเป็น 24% ของประมาณการทั้งปี
สำหรับกลุ่มที่มีกำไรเติบโตดี คือ1.กลุ่มธนาคาร 2.กลุ่มวัสดุก่อสร้าง 3.กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และ4.กลุ่มโรงพยาบาล โรงแรม และธุรกิจสายการบิน โดยจุดที่น่าสนใจคือ ธุรกิจโรงแรมมีรายได้และกำไรเติบโตมาก เนื่องจากฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งในไตรมาส 1 มีจำนวนนักท่องเที่ยว6.8 ล้านคน ทำลายสถิติเดิม ได้ส่งผลให้ทั้งธุรกิจโรงแรม สายการบิน และโรงพยาบาล มีลูกค้าต่างชาติมากขึ้น ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2 ก็จะปรับลดลง เนื่องจากไม่ใช่ฤดูกาล แต่จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในไตรมาส 4
ด้านกลุ่มธนาคาร ในไตรมาส1 เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของสินเชื่อ แต่จะกลับมาเติบโตในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ซึ่งกำไรของกลุ่มธนาคารจะโต 65% จากไตรมาสก่อน และเติบโต 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียม โดยในไตรมาส 1 มีการตั้งสำรองไปมากแล้ว
ส่วนกลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง และรับเหมาก่อสร้าง จากการก่อสร้างที่มีมาก ทำให้มีรายได้และกำไรมากขึ้น โดยเฉพาะบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD, บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เมื่อรวมกันมีกำไรจากการดำเนินงานเติบโตประมาณ 19% จากไตรมาสก่อน และโต 362% จากปีก่อน
ขณะที่รายได้ค่าก่อสร้างทาง CK และ STEC มีการเติบโตได้ดี ส่วน ITD มีรายได้ที่ค่อนข้างผันผวน แต่ก็มีความสามารถในการทำกำไรได้ 2 ไตรมาสติดต่อกัน ตั้งแต่ไตรมาส 4/55 และไตรมาส 1/56 โดยวัสดุก่อสร้างขายดีตามความต้องการใช้ในการก่อสร้าง ทั้งปูน และเสาคอนกรีต เป็นต้น แต่ยกเว้นอิฐมวลเบาที่ชะลอตัว เพราะซัพพลายในตลาดมากจากการที่มีผู้ผลิตจำนวนมาก
สำหรับกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี จากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นมา ทำให้บริษัทที่มีสต๊อกน้ำมันดิบอยู่แล้วมีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน ส่วนความสามารถในการดำเนินงานไม่ค่อยดี ซึ่งหลักสำคัญจะเป็นการฟื้นตัวของจีน โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
และกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อย่างธุรกิจพัฒนาโครงการบ้าน แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1 โดยรวมมีกำไรลดลงประมาณ 59% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้นประมาณ 3% จากปีก่อน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการเปิดโครงการใหม่ๆ ในขณะที่มีโครงการที่มีการโอนน้อย จึงเชื่อว่าไตรมาส 1 จะเป็นไตรมาสที่ผลประกอบการต่ำสุดของปีนี้ และมีแนวโน้มที่ดีในไตรมาสถัดๆ ไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น