วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

CCPบันทึก282ล้าน ขายสิทธิ์ที่ดินพัทยา รายได้ปีนี้เติบโต20%


CCPบันทึก282ล้าน
ขายสิทธิ์ที่ดินพัทยา
รายได้ปีนี้เติบโต20%

ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม 2556 
ผู้เข้าชม : 9 คน 

CCP จ่อบันทึกกำไรพิเศษ 282 ล้านบาท หลังบริษัทลูก “ชลบุรีกันยง” ขายสิทธิ์ซื้อคืนที่ดินสาขาพัทยา มูลค่า 282.5 ล้านบาท รู้รายได้ภายในปีนี้ ขณะที่รายได้ปี 56 มั่นใจเติบโต 15-20% หรือไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท เล็งเพิ่มกำลังผลิตเพิ่มช่วงไตรมาส 3/56 รองรับออเดอร์ล้นทะลัก

นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า บริษัท ชลบุรีกันยง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย CCP ทำสัญญาขายสิทธิ์ซื้อคืนอันดับแรกของที่ดิน ที่เป็นที่ตั้งของกันยง โฮมสโตร์ สาขาพัทยา ขนาดที่ดิน 18 ไร่ 1 งาน 71 ตารางวา มูลค่า 282.5 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 56 ที่ผ่านมา โดยผู้ซื้อเป็นบุคคลที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ทั้งนี้ รายได้จากการขายสิทธิ์ดังกล่าว 282.5 ล้านบาท รับรู้เป็นรายได้พิเศษทั้งจำนวนภายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม การธุรกรรมดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทต้องปิดการดำเนินงานกันยงโฮมสโตร์ สาขาพัทยา ภายใน 6 เดือน
“การขายสิทธ์ซื้อคืนที่ดินดังกล่าว ทำให้ฐานะการเงินและกระแสเงินสดของกิจการปรับตัวดีขึ้น ส่งผลดีต่อการดำเนิน งานของทั้งกลุ่ม อย่างไรก็ตาม หากไม่มีรายได้จากการขายสิทธิ์ซื้อคืนที่ดินดังกล่าวปีนี้ CCP มีแนวโน้มการเติบโตอยู่ในเกณฑ์ดี โดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอย่างน้อย 15-20% หรือมีรายได้รวมประมาณ 3,000 ล้านบาท เชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน” นายอาทิตย์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มการดำเนินงาน CCP ช่วงที่เหลือปี 2556 มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผลจากความต้องการคอนกรีตเพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการภาครัฐและเอกชนเพิ่มสูงขึ้น ทั้งในส่วนของเขตภาคตะวันออกและทั่วประเทศ ส่งผลให้บริษัทได้รับออเดอร์จากลูกค้าโครงการประเภทต่างๆ เข้ามาเป็นจำนวนมาก อีกทั้งมีแผนเข้าเสนองานใหม่ของภาครัฐและเอกชนเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การที่ออเดอร์ผลิตภัณฑ์คอนกรีตรูปแบบต่างๆ มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น บริษัทให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการขนส่งด้วยเช่นกัน เพื่อให้สามารถผลิตได้เพียงพอกับความต้องการใช้งานและส่งมอบได้ทันเวลา โดยช่วงไตรมาส 2 กำลังผลิตและขั้นตอนการขนส่งของบริษัท อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทันต่อความต้องการใช้งานของลูกค้า แต่ช่วงไตรมาส 3/56 อาจต้องมีการพิจารณาขยายกำลังผลิตเพิ่มเติม เพื่อรองรับออเดอร์ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
นายอาทิตย์ กล่าวว่า ไตรมาส 1/56 บริษัทมีรายได้รวม 682.5 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 104 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 18% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ  40.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 54.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยผลประกอบการบริษัทมีการเติบโตเนื่องจากมีการส่งงานและรับรู้รายได้จากโครงการภาครัฐและภาคเอกชนเพิ่มขึ้น และสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในเกณฑ์ดีเฉลี่ยอยู่ที่  17.2%

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น