วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

CPN-CENTEL ทุ่ม 3 หมื่นลบ.


 

     
   
 

 CPN-CENTEL ทุ่ม 3 หมื่นลบ.
*** ขยายศูนย์การค้า โรงแรมใน ตปท.

กลุ่มเซ็นทรัลทุ่มงบลงทุน 3.1-3.2 หมื่นล้านบาท รุกขยายลงทุนทั้งใน-ต่างประเทศ เปิดศูนย์การค้าและโรงแรมใหม่เพิ่ม โดยเฉพาะต่างประเทศได้ช้อปปิ้งของถูกหลัง ศก.ยุโรป-ญี่ปุ่นมีปัญหา โบรกฯ คาด CPN กำไรเพิ่มปีนี้ 35% หลังขึ้นค่าเช่า 7-10% ส่วน CENTEL กำไรนิวไฮ โต 38% ธุรกิจโรงแรมเป็นพระเอก พร้อมเล็งตั้งกองทุน REIT ในปีนี้ 
*** CENTEL เพิ่มงบลงทุนปีนี้เป็น 1.8-1.9 หมื่นลบ. 


          ดร. รณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหารและการเงิน บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่า จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ตั้งงบลงทุนปีนี้ประมาณ 1.8-1.9 หมื่นล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท
          ทั้งนี้ บริษัทฯ จะใช้เงินลงทุนซื้อโรงแรม ล่าสุดซื้อที่กะรนจังหวัดภูเก็ต และโรงแรมที่มัลดีฟส์ 400-500 ล้านบาท และขยายสาขาธุรกิจอาหารโดยเฉพาะแบรนด์เคเอฟซี แอนตี้แอน และมิสเตอร์โดนัท
นอกจากนี้ เงินลงทุนจะใช้ในการปรับปรุงโรงแรมราว 600 ล้านบาท และอีก 600 ล้านบาท ใช้ในธุรกิจอาหาร โดยในช่วงปลายไตรมาส 3/2556 บริษัทฯ คาดว่าจะเพิ่มแบรนด์อาหารได้อีก 1 แบรนด์ และจะมีการเปิดตัวเเบรนด์อาหารใหม่ 1 แบรนด์ในวันที่ 4 ก.ค.นี้ ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าปีนี้รับจ้างบริหารโรงแรมเพิ่มอีก 12 แห่ง โดยสิ้นปีนี้ บริษัทฯ จะมีโรงแรมที่เป็นของตัวเองและรับจ้างบริหาร รวมทั้งหมด 47 แห่ง อยู่ในไทย 35 แห่ง ต่างประเทศ 12 แห่ง เทียบกับปีก่อนมี 34 แห่ง
*** เล็งซื้อโรงแรมในยุโรป คาดสรุปปีนี้ 
          นอกจากนี้ บริษัทฯได้อยู่ระหว่างการศึกษาซื้อธุรกิจโรงแรมเพิ่ม โดยในเบื้องต้นจะร่วมกับพันธมิตรในต่างประเทศเพื่อเข้าซื้อโรงแรมในประเทศแถบยุโรป 1แห่งที่อยู่ในพื้นที่เกตเวย์ซิตี้ ซึ่งเป็นแหล่งหัวเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจ โดยสาเหตุที่สนใจเข้าไปพิจารณาซื้อกิจการในยุโรปเพราะถือเป็นจังหวะที่ดีในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังมีปัญหาและค่าเงินสกุลของยุโรปก็กำลังอยู่ในช่วงอ่อนตัวด้วย
          ขณะเดียวกันก็มีผู้เข้ามาเสนอให้บริษัทฯ ซื้อโรงแรมในประเทศญี่ปุ่น แต่ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดี ในความเป็นไปได้น่าจะอยู่ที่โรงแรมในยุโรปมากกว่าซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในการเข้าซื้อโรงแรมอีก 1 แห่งภายในปีนี้
*** เล็งนำโรงแรมในมัลดีฟส์ จัดตั้งกองทุน REIT 
          ทั้งนี้ บริษัทฯได้อยู่ระหว่างศึกษาจัดตั้งกองทุน REIT ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเพราะทิศทางอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ โดยในเดือนหน้าคาดว่าจะจัดตั้งทีมงานและที่ปรีกษาทางการเงินเพื่อมาดูแลเรื่องดังกล่าว โดยเบื้องต้นคาดว่าจะนำโรงแรมในมัลดีฟส์เข้ากองทุนซึ่งปัจจุบันบริษัทฯถือหุ้นอยู่ราว 74% ซึ่งปีนี้โรงแรมในมัลดีฟส์มีโอกาสมีกำไรเติบโตได้ดีขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าการจัดตั้งกองทุน REIT จะแล้วเสร็จได้ภายในปีนี้
*** คงเป้ารายได้ปีนี้ โต16-17%-กำไรทำนิวไฮ 
          บริษัทฯ ยังคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 16-17% หรืออยู่ที่ราว 1.7 หมื่นล้านบาท ส่วนแนวโน้มผลกำไรจะเติบโตไปในทิศทางเดียวกันกับรายได้และถือว่าการเติบโตของกำไรเป็นการทำสถิติสูงสุดอีกครั้งต่อจากปีก่อน
ทั้งนี้ การเติบโตของผลประกอบการ แบ่งเป็นธุรกิจโรงแรมเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% และธุรกิจอาหารเติบโต 14-15% แม้ว่าธุรกิจอาหารจะมีสัดส่วนการเติบโตที่ชะลอตัวลง เพราะกำลังซื้อผู้บริโภคที่ชะลอลง แต่เชื่อว่ากำลังซื้อในต่างจังหวัดยังมีการเติบโตที่ดี และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศก็มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีขึ้น
          ขณะเดียวกันยังคาดว่าปริมาณนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทยปีนี้จะเพิ่มขึ้นถึง 25 ล้านคน และคาดว่าเศรษฐกิจในประเทศจะขยายตัวได้ 4-5%และมีโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาล อาทิ โครงการบริหารน้ำ และโครงการ 2 ล้านล้านบาท สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมในอนาคต
          อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแนวโน้มค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น แต่เบื้องต้นยังไม่มีผลกระทบกับธุรกิจท่องเที่ยวแม้ว่าเริ่มจะมีสัญญาณจากเอเย่นต์บางรายแล้วว่ามีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่บริษัทฯ ก็ได้มีวิธีการป้องกันความเสี่ยง โดยการทำประกันความเสี่ยงอัตราเเลกเปลี่ยนไว้แล้วรวมถึงให้ส่วนลดโปรโมชั่นกับลูกค้าบ้างเพื่อรักษาฐานลูกค้าไว้
          ' ในปีนี้คาดว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอาหารอยู่ที่ 55% ธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ 45% ส่วนแนวโน้มรายได้ในไตรมาส 2/2556 เติบโตต่อเนื่องจากอัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 80% ในเดือนเม.ย.2556 จาก 64-65% เดือนเม.ย.2555 รวมทั้งนักท่องเที่ยวในจีนเข้ามาจำนวนมาก ขณะที่ธุรกิจอาหารยังเติบโตต่อเนื่อง' ดร. รณชิต กล่าว 

*** เมย์แบงก์ กิมเอ็ง จะประกาศราคาเป้าหมายใหม่สัปดาห์นี้ จากเดิม 36.55 บาท

          บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 1/56 เป็นไปตามคาด กำไรสุทธิของ CENTEL ในไตรมาสที่ 1/56 อยู่ที่ 649 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่คาดไว้ แต่ลดลง 22.5% YoY เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการบัญชี และการที่บริษัทต้องปรับปรุงงบไตรมาสที่ 1/55 โดยรวมกำไรพิเศษจากการเข้าซื้อกิจการ และกำไรจากการปรับปรุงมูลค่าเหมาะสมของเงินลงทุนจำนวน 330 ล้านบาทเข้าไว้ในงบของงวดดังกล่าวด้วย ซึ่งหากเราตัดรายการพิเศษเหล่านนี้ออกไป กำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1/56 จะเพิ่มขึ้น 14.7% YoY ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 1/56 CENTEL มีรายได้รวม 4,539 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.3% YoY และ 10.4% QoQ.
          อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าราคาหุ้นในปัจจุบันที่ 37.5 บาทจะใกล้กับราคาเป้าหมายของเราแล้ว ที่ 36.55 บาท แต่เรายังคงคำแนะนำซื้อ ทั้งนี้ เรากำลังทบทวนราคาเป้าหมายของ CENTEL และจะสรุปราคาเป้าหมายใหม่หลังจากที่ได้เข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์ในสัปดาห์หน้าแล้ว
*** คาดกำไรปีนี้เพิ่มขึ้น 38% 
          แนวโน้มผลประกอบการปี 2556 ยังคงเป็นบวก จากผลประกอบการไตรมาสที่ 1/56 ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาดไว้ เราจึงยังคงชอบหุ้นตัวนี้ และคงประมาณการรายได้และกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติสำหรับปี 2556 เอาไว้ที่ 17,052 ล้านบาท (+17.5% YoY) และ 1,557 ล้านบาท (+38% YoY) ตามลำดับ
          ทั้งนี้ จากแนวโน้มที่สดใสของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว (จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในไตรมาสที่ 1/56 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 6.83 ล้านคน) การเปิดโรงแรมใหม่ที่มัลดีฟส์ และกลยุทธ์ของ CENTELในการที่จะเพิ่มจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยม จึงเชื่อว่าแนวโน้มผลประกอบการปี 2556 ยังคงเป็นบวก นอกจากนี้ในการประชุมก่อนประกาศงบ ทาง CENTEL ยังได้แสดงความสนใจในการที่จะจัดตั้งREIT อีกด้วย ซึ่งแผนดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการศึกษา
***บล.ทิสโก้ แนะ “ถือ” เป้า 40 บาท 
          บล.ทิสโก้ ระบุว่า CENTEL รายงานกำไรสุทธิปกติใน 1Q56 จำนวน 624 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% YoY และ 109% QoQ หลักๆ มาจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งจากโรงแรมที่มีอยู่และการรับรู้รายได้จากโรงแรมในมัลดีฟ โดยผลประกอบการสอดคล้องกับประมาณการของเราและตลาด รายได้ของ CENTEL โต 21% YoY มาอยู่ที่ 4.4 พันล้านบาท โดย EBITDA Margin เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 36% แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรง, การลงทุน และการขยายสาขา
          ธุรกิจโรงแรม : รายได้จากธุรกิจโรงแรมโต 29% YoY มาอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท โดยหลักๆ มาจากการรับรู้รายได้จากมัลดีฟ ด้วยการเติบโต 16% YoY CENTEL มีอัตราการเข้าพัก 84.3% เทียบกับ 75.2% ใน 1Q55 และอัตราค่าห้องพักเฉลี่ย 5,128 บาท (+14.7% YoY รวมมัลดีฟ) ส่งผลให้ RevPAR โต 29% YoY มาอยู่ที่ 4,323 บาท
          ธุรกิจอาหารจานด่วน : รายได้จากธุรกิจอาหารจานด่วนโต 15% YoY มาอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท มาจากการเพิ่มสาขาอีก 64 สาขามาอยู่ที่ 681 สาขา และอัตราการเติบโตยอดขายสาขาเดิม 3.2% ลดลงเล็กน้อยจาก 3.8% ใน 1Q55
          รายการพิเศษ : CENTEL มีการปรับรายการกำไรจากการเข้าซื้อธุรกิจและกำไรจากการประเมินมูลค่าการลงทุน 329 ล้านบาท ซึ่งเดิมมีการบันทึกใน 4Q55 แต่มีการปรับมาบันทึกใน 1Q55 ในช่วงเวลาที่มีธุรกรรมนี้ขึ้น เรายังคงแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 40 บาท 

*** CPN ทุ่มงบลงทุนปีนี้ 13,000 ลบ. 

          นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงาน การเงินบัญชีและบริหารความเสี่ยง บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 1-2% จากปี 2555 ที่อยู่ที่ระดับ 47% โดยในปีนี้บริษัทฯ ได้ทยอยปรับขึ้นค่าเช่าพื้นที่เฉลี่ย 8% ขึ้นไป อีกทั้งได้มีการขยายพื้นที่เพิ่มมากขึ้นทำให้สามารถรักษาต้นทุนในการบริหารได้ดี
          ขณะที่คาดว่ารายได้ในไตรมาส 2/2556 จะดีกว่าไตรมาส 2/2555 เนื่องจากค่าเช่าพื้นที่ในแต่ละศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นเกือบเต็ม 100% พร้อมทั้งคงเป้ารายได้ทั้งปีเติบโต 15%
          ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนต่างประเทศในปี 2556-2557 ไว้ที่ประมาณ 2 พันล้านบาท ขณะที่งบลงทุนรวมในปีนี้บริษัทฯ วางไว้ที่ 13,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนศูนย์การค้าในประเทศ โดยมีที่เซ็นทรัลสมุย คาดว่าจะเปิดภายในไตรมาส 1/57 เซ็นทรัลศาลายา เปิดไตรมาส 3/57 เซ็นทรัล เชียงใหม่ เปิด พ.ย. 56 และเซ็นทรัล หาดใหญ่ เปิด ธ.ค. 56 ขณะที่เซ็นทรัล เวสเกต คาดว่าจะเปิดได้ในไตรมาส 2/58
ขณะที่ภายในเดือน มิ.ย. นี้ บริษัทฯ จะได้ข้อสรุปพร้อมเซ็นสัญญากับพันธมิตรทางธุรกิจในการเปิดห้างสรรพสินค้าในประเทศมาเลเซีย 1 แห่ง โดยจะใช้งบประมาณ 5.8 พันล้านบาท และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2558 นอกจากนี้ ยังมีแผนธุรกิจร่วมทุนศูนย์การค้าในประเทศอินโดนีเซีย และประเทศเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปลายปีนี้
*** ล่าสุดขายหุ้นเพิ่มทุน PP เกลี้ยง! รับเงิน 6.6 พันลบ. 
          CPN รายงานว่า บริษัทได้ขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 130.36 ล้านหุ้นให้กับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงหมดทั้งจำนวน รับเงิน 6,616 ล้านบาท ส่วนใหญ่ซื้อโดยนักลงทุนต่างประเทศจำนวน 78.60 ล้านหุ้น และอีกประมาณ 51 ล้านหุ้นซื้อโดยนักลงทุนไทย
*** โบรกฯ คาดกำไรปีนี้โต 35% -ได้ค่าสินไหมจากเหตุเพลิงไหม้
          บทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ ระบุว่า CPN มีราคาเป้าหมายทางพื้นฐาน 60 บาท และมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1) แรงกดดันราคาหุ้นจากการขายหุ้นเพิ่มทุน PP และขายบิ๊กล็อตน่าจะหมดลงแล้ว 2) กำไรปีนี้คาดว่าจะเติบโต 35% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ปลายปีก่อนเปิดใหม่ 3 สาขา (รับรู้รายได้เต็มปีในปีนี้) และปีนี้เปิดเพิ่มอีก 3 แห่ง (เดือนที่แล้วเปิดที่ จ.อุบลราชธานี อีก 2 แห่ง ที่หาดใหญ่ และเชียงใหม่ ในไตรมาส 4)
          3) สามารถปรับค่าเช่าพื้นที่ได้ตามเป้าหมายที่ 7-10% 4) ยังมี Upside risk จากค่าสินไหมเหตุเพลิงไหม้อีก 1.97 บาทต่อหุ้น (ตามการตัดสินของศาลชั้นต้น)ปัจจุบันอยู่ในชั้นศาลอุทธรณ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น