วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

หุ้นปันผล = เงินปันผล



เงินฝาก-เงินกู้แบงก์ เราพิจารณาจากดอกเบี้ย หากเป็นเงินฝากก็ต้องเยอะเข้าไว้ หากเป็นเงินกู้ ต้องน้อยเข้าไว้ สูตรนี้ รู้กันไปทั่วโลกของการลงทุน


ถ้าเป็นการลงทุนซื้อหุ้นล่ะ รู้กันอีกเหมือนกันว่า ผู้ลงทุนจะได้รับ เงินปันผล เมื่อกิจการมีกำไรหากขาดทุนก็ไม่ได้รับ และส่วนต่างของราคาหุ้นบนกระดาน เป็นกำไรแบบซื้อถูกขายแพง แต่บางครั้งต้องขาดทุน หากราคาหุ้นลดลง กลายเป็นซื้อแพง ขายถูก ไปซะงั้น

จากรายงานของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่าเมื่อสิ้นปี 2555 ที่ผ่านมา มีจำนวนการเปิดบัญชี หรือเปิดพอร์ตลงทุน เพิ่มขึ้นอีกราวห้าหมื่นราย แสดงว่า ตลาดหุ้น ขยายตัวในเชิงปริมาณ ผลจากดัชนีที่ปรับตัวสูงขึ้น และยอดซื้อขายทะลุแสนล้านต่อวันไปแล้ว

ในรอบ 4 ปี ที่ผ่านมา พบว่า ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯมีนโยบายในการจ่ายปันผล เป็น “หุ้น” เรียกว่า “หุ้นปันผล”

จากเดิม เรามักจะได้รับ เป็นเงินสด ตามนโยบายที่ประกาศไว้ เช่น 80% ของกำไรสุทธิต่อหุ้น หากกำไร 1 บาท ก็จ่าย หุ้นละ 80 สตางค์ รับเช็คเข้าบัญชี หรือจะเป็นระบบ e-Dividend โอนเงินเข้าบัญชีแบงก์ไปเลย ตามบริการของศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ หรือ TSD เขาก็ได้

“หุ้นปันผล” จึงเป็นเรื่องที่เริ่มได้รับความนิยม จากผู้บริหารมากขึ้นเรื่อยๆ คุณชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการสายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์ฯและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ เปิดเผยว่า มี 52 บริษัท ที่จ่ายหุ้นปันผล (Stock Dividend) เป็นมูลค่าตามราคาพาร์ ราว 8,883 ล้านบาท และคำนวณตามราคาตลาด น่าจะเกินกว่าหนึ่งแสนล้าน สูงมากเป็นประวัติการณ์ไปแล้ว

เรื่องการจ่ายหุ้นปันผลนี้ มีข้อสังเกต เรื่องผลข้างเคียงที่อาจตามมา คือ เรื่องการมีผลกับกำไรสุทธิต่อหุ้น หรือ เรียกว่าเป็น Dilution Effect คือเมื่อจำนวนหุ้นมาก ตัวหารก็มาก กำไรต่อหุ้นก็จะลดลง เป็นสูตรคำนวณปกติ ยกเว้นหากกิจการมีความสามารถในการทำกำไรเร่งเครื่องได้เร็ว ผลกระทบก็จะมีไม่มาก หรือกำไรเท่าเดิม

คุณวรรณี จันทามงคล CFO ของโฮมโปร (HMPRO) เล่าว่า บริษัทเป็นรายแรกที่มีนโยบาย จ่าย หุ้นปันผล เมื่อ 4 ปีก่อนและจ่ายต่อเนื่องกันเรื่อยมาทุกปี “มีข้อดีสองข้อหลัก ของการจ่ายหุ้นปันผล แทนเงินปันผล คือบริษัทต้องการเก็บเงินสดไว้ขยายกิจการ เราทำกิจการค้าปลีก ต้องขยายสาขาเพิ่มขึ้น เงินลงทุนจำเป็นมาก ไม่งั้นต้องไปกู้แบงก์ หรือออกหุ้นกู้ จะมีภาระเรื่องดอกเบี้ย และอีกเรื่องคือต้องการให้มีสภาพคล่องของการซื้อขายหุ้นบนกระดานมากขึ้น ซึ่งก็ส่งผลดี ทั้งสองข้อคะ”

พบว่า HMPRO กลายเป็นแชมป์บริษัทที่จ่ายหุ้นปันผลมูลค่าสูงที่สุด กว่า 1,174 ล้านบาท ในรอบปี 2555 ที่ผ่านมา

ถามต่อว่า มีความยุ่งยาก ในการดำเนินการเรื่องหุ้นปันผลไหม คุณนพดล ตัณศลารักษ์ CEO ของมาสเตอร์แอด (MACO) ตอบว่า “มีบ้าง เมื่อมีจำนวนหุ้นเศษๆ ไม่ลงตัว อย่างเรา กำหนดไว้ในอัตรา 1.39 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล ตามสัดส่วนของทุนจดทะเบียน จึงมีหุ้น เหลือจากการจัดสรร 437 หุ้น เราจึงต้องยกเลิกการเพิ่มทุน ลดทุน ขออนุมัติกันใหม่ มีงานเอกสารตามมาอีก แต่เป็นเรื่องปกติที่เข้าใจและทำได้ตามเกณฑ์ปกติครับ”

“หุ้นปันผล” นี้ เมื่อผู้ถือหุ้นได้รับการจัดสรร ตามสัดส่วนที่กำหนดซึ่งต้องผ่านการอนุมัติจากการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เช่นเดียวกับเงินปันผล จากนั้นจะมีจำนวนหุ้นที่ถือครองเพิ่มขึ้นในพอร์ต ใช้เวลาราว 7 วัน ก็ขายได้ หากต้องการจะขาย หรือจะเลือกถือยาว ก็ได้เช่นกัน นับว่ารวดเร็วมากใช่ไหมคะ

จึงเป็นเรื่องดีของผู้บริหารและเป็นเรื่องดีสำหรับผู้ถือหุ้น ด้วยเช่นกัน แฮปปี้กันถ้วนหน้า หุ้นปันผลจึงเท่ากับเงินปันผล ด้วยประการนี้


Tags : สิริพร สงบธรรม
ความรู้ คู่ การลงทุน
สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย www.thaiinvestors.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น