วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

IRPCชี้GIMพุ่ง
8เหรียญสหรัฐ

ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม 2556 
ผู้เข้าชม : 8 คน 

"ไออาร์พีซี" มั่นใจ GIM ปี 2556 ทะยานถึง 8 เหรียญสหรัฐ ชี้ครึ่งปีหลังราคาน้ำมันฟื้น สเปรดปิโตรเคมีพุ่งช่วยหนุน พร้อมเดินเครื่องส่วนต่อขยายกำลังการผลิต ABS และ EBSM อีกฝั่งละ 6 หมื่นตันภายในไตรมาส 3 ปีนี้

                นายอธิคม เติบศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดปี 2556 บริษัทตั้งเป้าหมายทำอัตรากำไรขั้นต้นจากการผลิตที่รวมผลของสต๊อกน้ำมัน (Accounting GIM) เพิ่มสู่ระดับ 8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล สูงกว่าปี 2555 ที่ได้ 6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพราะมีปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกเฉลี่ยทั้งปีจะทรงตัวระดับสูง และการเติบโตของอุตสาหปิโตรเคมี       
                โดย Accounting GIM จำนวน 8 เหรียญสหรัฐ บริษัทยังคงยึดบนสมมติฐานราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ระดับ 105 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งแม้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันราคาน้ำมันจะทยอยปรับตัวลดลง แต่คาดว่าจะสามารถเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งในช่วงไตรมาส 3-4 ตามหน้าซีซั่นที่จะมีความต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น ขณะที่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีในปีนี้ จะมีแนวโน้มเคลื่อนไหวไปในทางที่ดี โดยสะท้อนจากสเปรดของปิโตรเคมีที่ยังทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง
                “ในปี 2556 ประเมิน GIM ไว้ที่ประมาณ 8 เหรียญสหรัฐ บนพื้นฐานราคาน้ำมันเฉลี่ย 105 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ไตรมาส 2 ราคาน้ำมันปรับลดลง แต่จะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงไตรมาส 3-4 ส่วนปิโตรเคมีก็ยังเคลื่อนไหวไปทางที่ดีและยังมีสเปรดในระดับสูง” นายอธิคม กล่าว
                นายอธิคม กล่าวอีกว่า ภายในช่วงปี 2556 บริษัทยังมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของธุรกิจปิโตรเคมี เช่น การเพิ่มกำลังการผลิตโปรดักส์อย่าง ABS และ EBSM ฝั่งละ 6 หมื่นตัน ซึ่งส่วนต่อขยายของ ABS จะมีกำหนดเดินเครื่องผลิตภายในเดือนก.ค.นี้ จากนั้นในเดือนส.ค. จะเดินเครื่องส่วนต่อขยาย EBSM
                ขณะที่โครงการลงทุนหลักอย่างโปรเจ็กต์ Upstream Project for Hygiene and Value Added Products หรือ UHV ยังคงกำหนดการเดินเครื่องผลิตภายในปี 2558 ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตของโรงกลั่นขึ้นได้อีก 20-30% และเบื้องต้นคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนการผลิตลงอีกประมาณ 20%
                สำหรับโครงการลงทุนทั้งหมดจะถือเป็นการอัพเกรดผลิตภัณฑ์และช่วยสร้างการเติบโตให้กับ IRPC ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพราะต้นทุนการผลิตเท่าเดิมและยังมีแนวโน้มทยอยปรับลดลงในอนาคต แต่บริษัทจะมีศักยภาพในการผลิตสินค้าเพื่อรองรับคำสั่งจากตลาดได้สูงขึ้น ซึ่งในระยะสั้นบริษัทให้น้ำหนักแผนการขยายกำลังการผลิตของ ABS และ EBSM ส่วนระยะยาวจะเป็นโครงการ  UHV
                ส่วนกรณีหลายฝ่ายมองว่า IRPC ถือเป็นผู้ประกอบการที่มีต้นทุนการผลิตสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง บริษัทยอมรับว่า IRPC ยังมีต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูง จึงเป็นสาเหตุที่บริษัทเร่งวางกลยุทธ์เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง อย่างเช่นแผนการขยายกำลังการผลิต การเร่งควบคุมต้นทุนบริหารจัดการ และการหาช่องทางเพิ่มมูลค่าสินค้าให้กับบริษัท ซึ่งถือเป็นแนวทางที่ช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้
                อย่างไรก็ตาม แผนการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเป็นหลัก เพราะยังถือเป็นสายงานธุรกิจที่มีโอกาสหาช่องทางต่อยอดผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างการเติบโตได้มากกว่ากลุ่มสายธุรกิจด้านน้ำมัน
                ส่วนทิศทางธุรกิจในไตรมาส 2/56 ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการประเมินสถานการณ์โดยรวม ทั้งส่วนธุรกิจปิโตรเคมีและภาพรวมราคาน้ำมัน แต่เบื้องต้นธุรกิจปิโตรเคมียังมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ที่ดี รวมทั้งสเปรดของกลุ่มโอเลฟินส์และสไตรินิกส์ยังเคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูง ส่วนธุรกิจน้ำมันอาจมีการบันทึกสต๊อกลอสหลังจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลงตามช่วงซีซั่น
                ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานงวดไตรมาสแรกงวดปี 2556 ที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ 153 ล้านบาท และมี Accounting GIM อยู่ที่ 7.07 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยสเปรดของกลุ่มโอเลฟินส์อย่าง HDPE–แนฟทาอยู่ที่  521 เหรียญสหรัฐ กลุ่มสไตรินิกส์ ABS–แนฟทาอยู่ที่ 1,051 เหรียญสหรัฐ  ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2555 มีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 4,060 ล้านบาท และมี Accounting GIM อยู่ที่ 0.22 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น