PTTGCกำไรQ1เริ่ด!
โชว์ยอด1.2หมื่นล้าน
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 09 พฤษภาคม 2556 ผู้เข้าชม : 6 คน
"PTTGC" ไตรมาสแรกกำไรสุทธิเริ่ด 12,075 ล้านบาท โบรกฯคาดทั้งปีฟาดกำไรสุทธิทะลักเกิน 35,000 ล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 92 บาท ชี้ยีลด์ปันผลสูง ราคาหุ้นเหลืออัพไซด์เพียบ
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 12,075 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9,852 ล้านบาท และปรับเพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาสก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10,388 ล้านบาท
สำหรับช่วงไตรมาสแรกราคาน้ำมันดิบดูไบมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 108 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และแกว่งตัวอยู่ในช่วง 104-114 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยบริษัทมี Market GRM อยู่ที่ระดับ 4.37 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และมี Accounting GRM ที่รวมผลของสต๊อกลอส 3.73 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ขณะที่ธุรกิจอะโรเมติกส์ส่วนต่างราคาพาราไซลีนกับคอนเดนเสทและส่วนต่างราคาเบนซีนกับคอนเดนเสทปรับเพิ่มขึ้น หลังจากภาวะอุปทานตึงตัว ทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์สูงขึ้น และส่งผลให้ธุรกิจอะโรเมติกส์มี Market P2F อยู่ที่ระดับ 394 เหรียญสหรัฐ/ตัน
ด้านกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ มีอัตราการผลิตและปริมาณขายโดยรวมมากขึ้น ประกอบกับราคาผลิตภัณฑ์ที่มากขึ้น โดยราคา HDPE เฉลี่ยอยู่ที่ 1,482 เหรียญสหรัฐ/ตัน ดังนั้น บริษัทจึงมี Adjusted EBITDA (EBITDA ไม่รวมผลกระทบสต๊อกน้ำมัน) อยู่ที่ระดับ 16,914 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% จากปีก่อนที่ได้ 11,483 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 2% จากงวดก่อนหน้าที่ได้ 16,584 ล้านบาท
ขณะที่ราคาหุ้น PTTGC วานนี้ (8 พ.ค.) มีแรงซื้อหุ้นเข้ามาอย่างหนาแน่น หลังจากบริษัทประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาสแรกออกมาสูงถึง 12,075 ล้านบาท โดยทำราคาปิดล่าสุดที่ 73.75 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 1.03% ทำราคาสูงสุดระหว่างวัน 75 บาท และต่ำสุด 73.25 บาท มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 1,158 ล้านบาท
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า กำไรสุทธิของ PTTGC ในไตรมาสแรกจำนวน 12,075 ล้านบาท จะคิดเป็น 34% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2556 ที่ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินไว้จำนวน 35,713 ล้านบาท มากกว่าปี 2555 ที่ทำกำไรได้จำนวน 34,001 ล้านบาท
โดยในระยะสั้น ราคาหุ้นของ PTTGC อาจจะมีปัจจัยกดดันจากแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2 ที่อ่อนตัวลง แต่จากอัพไซด์หุ้นที่ยังสูงเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย 92 บาท และยังให้อัตราผลตอบแทนจากปันผลประมาณ 4.8% จึงยังกำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” และคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของกำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีหลัง
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 จะมีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากไตรมาสแรกตามปัจจัยด้านฤดูกาล โดยมีความเสี่ยงจากค่าการกลั่นที่อ่อนตัวลดลงตามฤดูกาล เนื่องจากหมดช่วงฤดูหนาว ซึ่งทำให้ดีมานด์ในกลุ่ม Middle Distillate ลดลง ขณะที่ปริมาณสำรองยังคงอยู่ในระดับสูงจะกดดันการฟื้นตัวของค่าการกลั่น นอกจากนี้ กำลังการกลั่นยังลดลงจากการหยุดซ่อมตามแผน และการลดลงของส่วนต่างราคาปิโตรเคมีกลุ่มอะโรเมติกส์ รวมถึงการรับรู้สต๊อกลอสจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายวิเคราะห์คาดหมายที่จะเห็นผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปีนี้ จะฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ระดับ 851 ล้านบาท เพราะในช่วงปีที่แล้วได้รับผลกระทบจากสต๊อกลอสมากถึง 6,187 ล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลงกว่า 27 เหรียญต่อบาร์เรล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น