วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

BTSรายได้โตทะลุ14% รับขึ้นค่าโดยสาร1มิ.ย.


BTSรายได้โตทะลุ14%
รับขึ้นค่าโดยสาร1มิ.ย.

ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 09 พฤษภาคม 2556 
ผู้เข้าชม : 9 คน 

BTS เชื่อปีนี้ผู้โดยสารโต 8-10% รายได้เพิ่มมากกว่า 14% เหตุปรับขึ้นค่าโดยสารเฉลี่ย 7% เริ่มวันที่ 1 มิ.ย.นี้ พร้อมลงทุนทุกโครงการระบบรางของรัฐ แม้แต่รถไฟเร็วสูง เชื่อ BTS ได้เปรียบคู่แข่ง เพราะมีประสบการณ์มาก

                นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา  ผู้อำนวยการสายปฏิบัติการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ BTS  เปิดเผยถึงการดำเนินงานปี 2556 (เม.ย. 56-มี.ค. 57) ว่า เชื่อว่าปริมาณผู้โดยสารจะเติบโต 8-10% จากปี 2555 ที่เติบโต 12% สาเหตุที่การเติบโตลดลง เพราะปีนี้ต้องเปรียบเทียบกับฐานปี 2555 ที่มีฐานผู้โดยสารสูงอยู่แล้ว ขณะปริมาณผู้โดยสารปี 2555 ต้องเปรียบเทียบกับปี 2554 ที่มีฐานต่ำ เพราะได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองและสถานการณ์อุทกภัย
                ส่วนรายได้ปีนี้คาดว่าจะเติบโตมากกว่าปี 2555 ที่เติบโต 14% แน่นอน เพราะ BTS จะมีการปรับขึ้นค่าโดยสารเฉลี่ย 7% ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนนี้ หลังจากที่เคยปรับขึ้นครั้งล่าสุดตั้งแต่ปี 2550 เฉลี่ย 10%
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบให้ผู้โดยสารลดลง โดยจะเกิดขึ้นช่วง 1 เดือนแรกหลังการปรับขึ้นเท่านั้น เพราะ BTS มีโปรโมชั่นเพื่อจูงใจในการเดินทางอีกมาก เช่น โปรโมชั่นสำหรับผู้โดยสารที่มีบัตรเติมเงิน ซึ่งจะได้ส่วนลดพิเศษเช่นเดิม โดยปริมาณผู้โดยสารล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาในวันทำการอยู่ที่ 6.71 แสนเที่ยวคนต่อวัน วันเสาร์ 5.21 แสนเที่ยวคนต่อวัน วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 4.15 แสนเที่ยวคนต่อวัน
“ปีนี้เราคาดว่าผู้โดยสารจะโตเฉลี่ย 8-10% ซึ่งโตน้อยกว่าปี 55 เพราะปี 55 ฐานจะต่ำ เนื่องจากต้องเปรียบกับปี 54 ที่เกิดปัญหาการชุมนุมทางการเมืองอยู่พักใหญ่ ดังนั้น แม้จะโตน้อยกว่าแต่ผู้โดยสารไม่น้อยตาม ส่วนรายได้ปีนี้จะโตมากกว่า 14% แน่นอน เพราะเราปรับขึ้นค่าโดยสารอีกประมาณ 7% ซึ่งถือว่าปรับน้อยกว่าปี 2550 ที่เราปรับขึ้นประมาณ 10% เราเชื่อว่าจะไม่ทำให้ผู้โดยสารลดลง เพราะเรายังคงโปรโมชั่นเอาไว้ อย่างผู้ที่มีบัตรเติมเงินก็จะได้ส่วนลดพิเศษอยู่ แต่เป็นไปได้ว่าช่วง 1 เดือนแรกหลังการปรับค่าโดยสาร ผู้โดยสารอาจหายไปบ้าง”
นายสุรพงษ์  กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคตนั้น BTS มีความพร้อมต่อการลงทุนทุกรูปแบบของรัฐบาล โดยเฉพาะการก่อสร้างรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงรถไฟความเร็วสูง (Hi Speed Train) ซึ่งหากรัฐบาลเปิดโอกาสและมีข้อเสนอทางการเงินที่ดี BTS ก็พร้อมเข้าร่วมแข่งขัน ปัจจุบัน BTS มีเงินที่ได้จากการออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (BTSGIF) 60,000 ล้านบาท  โดยแบ่งบางส่วนไปชำระหนี้ และเหลือเป็นกระแสเงินสดของบริษัทในขณะนี้ 30,000 ล้านบาท  ซึ่งหากจะลงทุนจริง BTS ก็อาจต้องกู้เงินมาเพิ่มเติมบางส่วน
“เราพร้อมที่จะลงทุนทุกรูปแบบ แต่เราต้องพิจารณาก่อนว่ารูปแบบทางการเงินของรัฐจะเป็นอย่างไร เช่น ให้เราลงทุนก่อนแล้วรัฐทยอยชำระ หรืออย่างรถไฟความเร็วสูงเราต้องดูที่ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจเป็นหลักมากกว่าความคุ้มค่าทางการเงิน รายละเอียดเหล่านี้เราต้องดูให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน ซึ่งถ้าถามว่า BTS สามารถบริหารการเดินรถไฟความเร็วสูงได้เหรอ เรายืนยันเลยว่าได้ จะง่ายกว่ารถไฟฟ้าที่เราให้บริการอยู่ตอนนี้ด้วย เพราะรถไฟความเร็วสูงมีความถี่ในการวิ่งน้อยกว่า เพียงแต่ต้องลงทุนมากกว่าเท่านั้น” นายสุรพงษ์  กล่าว
นายสุรพงษ์  กล่าวเพิ่มเติมว่า  มั่นใจว่า BTS มีความได้เปรียบในการแข่งขัน เพราะมีประสบการณ์ให้บริการรถไฟฟ้ามากว่า 10 ปี การบริการได้มาตรฐานระดับโลก ตรงต่อเวลา และปลอดภัย ที่สำคัญคือ BTS เป็นบริษัทคนไทยที่สามารถบริหารต้นทุนการทำงานได้ต่ำกว่าบริษัทต่างชาติที่จะเข้ามาแข่งขัน แต่สิ่งที่ BTS ต้องรีบเตรียมรองรับในขณะนี้ คือ บุคลากร เพราะหากรัฐสามารถลงทุนโครงสร้างพื้นฐานได้ตามแผนที่วางไว้จริง จะต้องใช้บุคลากรเฉพาะด้านรถไฟฟ้าอีกมาก ซึ่งปัจจุบันยังขาดแคลนอยู่ ขณะนี้ BTS ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL ในการผลิตบุคลากร เพราะจะประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าการนำเข้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น