วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

MPIC เด้ง 8% หลังปลด SP รับดีลทำเทนเดอร์ฯ ปีนี้มีลุ้นพลิกกำไร


MPIC เด้ง 8% หลังปลด SP รับดีลทำเทนเดอร์ฯ ปีนี้มีลุ้นพลิกกำไร

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2556 เวลา 10:35:02 น.
ผู้เข้าชม : 93 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานราคาหุ้นบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPIC ณ เวลา 10.32 น. บวก 0.20 บาท หรือ 8.13% มาที่ 2.66 บาท เป็นระดับสูงสุดที่ ต่ำสุดที่ 2.58 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 9.75 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.18% โดยราคาหุ้นปรับลงต่อเนื่องหลังขึ้นทำระดับสูงสุดที่ 3.76 บาท ช่วงต้นเดือน เม.ย. ลงมาแกว่งตัวในกรอบ 2.50-2.85 บาท สัญญาณทางเทคนิคมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นหลังไม่หลุดแนวรับ 2.50 บาท ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) อนุญาตให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ MPIC โดยให้ปลดเครื่องหมาย SP หลักทรัพย์ของ MPIC ตั้งแต่การซื้อหรือขายรอบเช้าของวันที่ 13 พ.ค. 56 เป็นต้นไป เนื่องจาก MPIC ได้เปิดเผยสารสนเทศสำคัญครบถ้วน
ด้านนายฐิตกร อุษยาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MPIC เปิดเผยก่อนหน้านี้ (11 เม.ย.) ว่า หลังจากหมดช่วงซัมเมอร์ของสหรัฐสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ จะเริ่มมีภาพยนตร์จากต่างชาติที่บริษัทมีแผนนำมาเข้าฉายตามมา ทำให้ครึ่งปีหลังรายได้น่าจะสดใส โดยเฉพาะในไตรมาส 4/56 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ซึ่งภาพยนตร์ของบริษัทที่จะเข้าฉายมีทั้งภาพยนตร์ไทย และต่างชาติที่มีความโดดเด่นและน่าสนใจ เชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้เป็นอย่างมาก จึงคาดว่าในปีนี้จะสามารถพลิกฟื้นกลับมามีกำไรได้อีกครั้ง โดยตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิปี 56 ที่ 1-2% จากปี 55 ที่ติดลบกว่า 30%
ขณะที่บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR เปิดเผยเมื่อปลายสัปดาห์ก่อนว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทขายหุ้นสามัญของบริษัท เมเจอร์ กันตนา บรอดแคสติ้ง จำกัด (M Channel) และบริษัท ทาเลนต์ วัน จำกัด (T1) ให้แก่บมจ.เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์(MPIC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท (โดย ณ วันที่ 10 พ.ค.56 บริษัทถือหุ้นใน MPIC คิดเป็นร้อยละ 74.36 ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด) เนื่องด้วยการขายหุ้นใน M Channel และ T1 ให้กับ MPIC เป็นการทำ Share Swap จะส่งผลให้ MAJOR ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ MPIC (Tender Offer) หุ้นทั้งหมดของ MPIC ภายหลัง Share Swap โดยบริษัทจะทำคำเสนอซื้อหุ้น MPIC ที่ราคา 2.71 บาทต่อหุ้น
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (13 พ.ค.) ว่า MAJOR รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/56 ที่ 301 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า สูงกว่าประมาณการที่ 176 ล้านบาทกว่าเท่าตัว  เนื่องจากมีการบันทึกกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) SF จำนวน 156 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/56 คาดเติบโตโดดเด่นและเป็นจุดสูงสุดของปี โดยรายได้ผลบวกจากภาพยนต์ "พี่มากพระโขนง" ที่คาดว่าจะทำรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 560 ล้านบาท ขึ้นเป็นภาพยนต์ที่ทำรายได้สูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ไตรมาสนี้คาดว่ายังมีภาพยนต์ที่ทำรายได้เกิน 100 ล้านบาทอีกหลายเรื่อง
คงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ MAJOR ราคาเป้าหมาย 25.10 บาท เนื่องจากผลประกอบการมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในปี 56-57 ตามแผนในการเปิดโรงภาพยนต์แห่งใหม่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มสัดส่วนโรงดิจิตอลมากขึ้น  กอปรกับการเป็นผู้นำธุรกิจโรงภาพยนต์ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดจะสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว ราคาปัจจุบันซื้อขายปัจจุบันยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มบันเทิงและจ่ายปันผลสม่ำเสมอด้วยอัตราผลตอบแทนเงินปันผลราว 4-5% ต่อปี ทั้งนี้ยังไม่รวมผลจากการ ที่ MAJOR มีการทำ Share swap โดยการขายหุ้น M Channel และบริษัท ทาเลนต์ วัน (T1) ให้กับบริษัท MPIC โดยมองว่าดีลดังกล่าว แม้จะไม่ได้เพิ่มมูลค่าหุ้นให้ MAJOR อย่างมีนัยสำคัญ แต่เป็นการปรับโครงสร้างธุรกิจในกลุ่มบริษัท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น