ช่วงนี้ หลายๆท่าน อาจจะเครียดกับการลงทุน
แต่ถ้าท่านยังเปิด web S2M อยู่
แสดงว่า ท่านยังสู้ต่อไป ไม่ยอมแพ้

งั้นเรามาดูกัน ว่า หลักการลงทุนของ Peter Lynch มีอะไรบ้าง

1. การลงทุน เป็นเรื่องที่น่าสนุก และตื่นเต้น
แต่มันก็เป็นเรื่องอันตราย หากคุณไม่ได้ศึกษาอะไรเลย
2. การลงทุนที่เหนือกว่าของคุณ ไม่ได้เป็นสิ่งที่คุณได้มาจาก wall street
มันเป็นเรื่องที่คุณมีอยู่แล้วในตัว คุณสามารถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญได้
หากคุณใช้มุมมองที่เหนือกว่าของคุณ ไปลงทุนกับกิจการที่คุณมีความเข้าใจเป็นอย่างดี
3. ตลอดเวลาสามทศวรรษที่ผ่านมา ตลาดหุ้นถูกครอบงำโดยเหล่านักลงทุนมืออาชีพ
มันอาจจะฟังดูขัดแย้งกับความเชื่อทั่วๆไป
แต่สภาพดังกล่าวมันกลับทำให้การลงทุนของนักลงทุนมือสมัครเล่น มันง่ายขึ้น
คุณจะสามารถเอาชนะตลาดได้โดยการละเลยฝูงชน
4. เบื้องหลังของหุ้นทุกตัวก็คือบริษัท จงค้นหาดูว่า บริษัทเหล่านั้นทำธุรกิจอะไรบ้าง
5. บ่อยครั้งที่ราคาหุ้นและความสำเร็จของบริษัทมักจะไม่ไปด้วยกัน
อย่างไรก็ตามในระยะยาวแล้ว ราคาหุ้นและความสำเร็จของบริษัทจะไปด้วยกัน ร้อยเปอร์เซ็นต์เสมอ
6. ก่อนจะทำการซื้อหุ้น คุณต้องรู้ว่า ทำไมคุณต้องซื้อมัน หุ้นตัวนี้กำลังจะขึ้นมันไม่ใช่เหตุผลการซื้อ
7. บริษัทที่ประสบปัญหา มักจะมีเหตุการณ์ที่ผิดคาดเกิดขึ้นอยู่เสมอ
8. การเป็นเจ้าของหุ้นคล้ายๆกับการมีลูก ดังนั้นอย่ามีมากตัวจนเกินไป ห้าตัว กำลังดี
เพื่อคุณสามารถติดตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
9. หากคุณไม่สามารถค้นหาบริษัทที่น่าสนใจในการลงทุน การฝากเงินก็ไม่เห็นเสียหายอะไร
10. อย่าลงทุนในบริษัทใด โดยที่คุณยังไม่ได้เข้าใจฐานะการเงินของบริษัทนั้น
11. หลีกเลี่ยงหุ้นร้อน ในอุตสาหกรรมที่ร้อนแรง บริษัทชั้นเยี่ยมในอุตสาหกรรมที่ไม่มีการเติบโต
มักจะเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงๆ
12. สำหรับการลงทุนในบริษัทขนาดเล็ก คุณควรจะรอให้มีผลกำไรที่ชัดเจนก่อนแล้วค่อยเข้าไปลงทุน
13. หากคุณจะลงทุนในอุตสาหกรรมที่กำลังประสบปัญหา ให้เลือกบริษัทที่มีงบดุลแข็งแกร่ง
และจะสามารถอยู่รอดได้ และให้รอจนกว่าจะมีสัญญาณของการฟื้นตัวที่ชัดเจนก่อน
อุตสาหกรรมรถม้าและวิทยุเป็นอุตสาหกรรมเป็นอุตสาหกรรมที่ประสบปัญหา และมันก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย
14. เงินลงทุนของคุณ 10,000 บาทในการซื้อหุ้น ทั้งหมดที่คุณจะขาดทุนได้ คือ 10,000 บาท
แต่คุณอาจจะได้กำไร 10,000 หรือ 50,000 หรือแม้กระทั่ง 100,000 บาท หากคุณมีความอดทน
นักลงทุนทั่วไปจะสามารถมุ่งเน้นไปที่บริษัทชั้นดีเพียงสองหรือสามแห่งเท่านั้น
คุณค่าของการลงทุนทั้งชีวิต จะอาศัยหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงมากๆเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น
15. ในทุกๆอุตสาหกรรมและในทุกๆพื้นที่ของประเทศ
นักลงทุนมือสมัครเล่นจะสามารถพบเจอบริษัทโตเร็วชั้นเยี่ยมได้ก่อนนักลงทุนมืออาชีพนานเลยทีเดียว
16. การตกต่ำของตลาดหุ้นก็ไม่ต่างอะไรกับการเกิดพายุหิมะ
หากคุณมีการเตรียมตัวที่ดี มันจะไม่สามารถทำร้ายคุณได้
การตกลงของราคาหุ้น จะเป็นโอกาสของการซื้อมากกว่าโอกาสของการขาย
17. ใครๆก็มีสติปัญญาสูงพอที่จะทำกำไรจากตลาดหุ้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีสภาวะอารมณ์อันเหมาะสม
หากคุณมีแนวโน้มที่จะขายทุกสิ่งทุกอย่างออกไปในสภาวะของการตื่นตระหนก
คุณก็ควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นซะ
18. มันมีบางสิ่งบางอย่างให้วิตกกังวลอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการคิดวิตกกังวลในช่วงสุดสัปดาห์
และจงละเลยการคาดการณ์การอันเลวร้ายตามรายการโทรทัศน์และรายกาวิทยุต่างๆ
จะขายหุ้นก็ต่อเมื่อกิจการของคุณมีพื้นฐานที่เปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง
หรือเมื่อราคามันขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล (overvalue) แต่ไม่ใช่ขายเพราะกลัวว่าฟ้าจะถล่ม
19. หากคุณทำการศึกษาบริษัท 10 แห่ง คุณจะพบบริษัทแห่งหนึ่งที่มีเรื่องราวที่ดีกว่าที่คุณคิด
และหากคุณศึกษา 50 แห่ง คุณก็มักจะพบบริษัท 5 แห่งที่ดีกกว่าที่คุณคิด
มันมีความประหลาดใจที่น่ายินดีให้เราได้ค้นหาเสมอในตลาดหุ้น
ผมหมายถึงบริษัทชั้นดีที่มักถูกมองข้ามโดยตลาด wall street
20. หากคุณไม่ได้ศึกษาบริษัทใดเลย
การลงทุนของคุณก็จะเหมือนกับการเดิมพันในการเล่นไพ่โป๊กเกอร์ โดยที่ไม่ได้ดูไพ่
21. เวลาจะอยู่ข้างเดียวกับคุณ หากคุณลงทุนในบริษัทชั้นเยี่ยม คุณสามารถที่จะรอได้
กระทั่งว่าคุณพลาดการลงทุนในหุ้น wal-mart ในช่วงระยะเวลาห้าปีแรก
มันก็ยังเป็นหุ้นที่น่าซื้อยู่ในอีกห้าปีต่อมา
เวลาจะเป็นศัตรูกับคุณหากคุณซื้อ options
22. หากคุณพบว่าคุณเป็นคนที่มีภาวะอารมณ์ที่เหมาะสมกับการลงทุนในหุ้น
แต่ไม่มีเวลาหรือไม่อยากที่จะทำการศึกษาบริษัท ก็สามารถลงทุนในกองทุนหุ้นได้
23. ไม่มีใครสามารถทำนายอัตราดอกเบี้ย ทิศทางเศรษฐกิจหรือตลาดหุ้นได้
เลิกฟังการคาดการณ์เหล่านั้น และมุ่งเน้นไปยังสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับบริษัทที่คุณกำลังลงทุนอยู่
24. ในระยะยาว portfolio ที่ประกอบด้วยหุ้นที่คัดสรรอย่างดี
จะให้ผลตอบแทนสูงกว่า portfolio ที่ประกอบด้วยตราสารหนี้หรือตลาดเงิน
แต่ portfolio ของหุ้นที่คัดสรรมาแบบแย่ๆ จะไม่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการเก็บเงินไว้ไต้พรม