M'ยืนเหนือจอง
ปีนี้รายได้โต10%
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2556 ผู้เข้าชม : 48 คน
M เทรดวันแรกราคาหุ้นพุ่ง 8.16% ปิดตลาด 53 บาท ยืนเหนือจองไอพีโอ 49 บาท “ฤทธิ์” มั่นใจธุรกิจเติบโต วางเป้ารายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 10% เร่งขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ เตรียมเปิดสาขาในอินโดนีเซียเดือนหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (15 ส.ค.) บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก เปิดตลาดที่ราคา 54.50 บาท สูงกว่าราคาไอพีโอ IPO ที่ 49 บาท โดยระหว่างวันราคาปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 55.50 บาท และปิดตลาด 53 บาท เพิ่มขึ้น 4 บาท หรือปรับขึ้น 8.16% จากราคา IPO มูลค่าการซื้อขาย 7,071.18 ล้านบาท
นายฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นวันแรก ถือว่าเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยศักยภาพการทำธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนประมาณ 13,000 ล้านบาท
แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศจะชะลอตัวลง แต่ธุรกิจอาหารมีความจำเป็นต่อการบริโภคจึงไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก ขณะเดียวกันด้วยต้นทุนที่ปรับขึ้นทั้งค่าแรง ค่าวัตถุดิบ สำหรับเงินที่บริษัทได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 1,900 ล้านบาท จะนำไปใช้ในการก่อสร้างโรงงานครัวกลางแห่งใหม่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะแล้วเสร็จประมาณต.ค.นี้ จะสามารถรองรับการขยายสาขาได้มากขึ้นอีกเท่าตัวจากปัจจุบัน ก่อสร้างสำนักงานแห่งใหม่ 320 ล้านบาท และลงทุนในการขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงสำรองไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท เพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจในอนาคต
“การขยายสาขาถ้าเป็นสาขาในประเทศจะใช้งบลงทุนประมาณ 8-10 ล้านบาทต่อสาขา ส่วนในต่างประเทศอย่างประเทศสิงคโปร์จะใช้เงินลงทุนมากกว่าสาขาในประเทศประมาณ 1 เท่า แต่ที่ประเทศเวียดนาม และประเทศอินโดนีเซียจะใช้เงินลงทุนใกล้เคียงกับการขยายสาขาในประเทศไทยที่ปีนี้มีแผนเปิดร้านเอ็มเค สุกี้ 40 สาขา และร้านอาหารญี่ปุ่นยาโยอิ 25 สาขา”
ทั้งนี้ ในต่างประเทศบริษัทมีสาขาในประเทศญี่ปุ่น 36 สาขา ที่ประเทศเวียดนาม 2 สาขา และที่ประเทศสิงคโปร์ 4 สาขา นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดร้านเอ็มเค สุกี้ สาขาแรกในประเทศอินโดนีเซีย ประมาณเดือนก.ย.นี้ ขณะเดียวกันบริษัทยังมีการศึกษาประเทศอื่นๆ เช่น ประเทศพม่า มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งน่าจะสามารถขยายสาขาได้ในปีหน้า (ปี 2557) สำหรับสาขาในต่างประเทศบริษัทจะค่อยๆ ทดลองเปิดปีละ 1-2 สาขา
นอกจากนี้ บริษัทยังมีความสนใจและพร้อมเปิดรับข้อเสนอในการซื้อกิจการเพื่อต่อยอดธุรกิจของบริษัทให้เติบโต และรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยยังคงเป็นธุรกิจอาหาร และเน้นในแถบอาเซียนเป็นหลัก ซึ่งการเจรจาต้องใช้เวลาเป็นปี จึงไม่น่าที่จะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ โดยอาจจะเป็นในลักษณะแฟรนไชส์ หรือเป็นการลงทุนร่วมกับพาร์ตเนอร์
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่จะขายหุ้นหลังสิ้นสุดระยะห้ามขายหุ้น (ไลเซนท์ พีเรียด) ตามเกณฑ์ของตลาดฯ ขอยืนยันว่าครอบครัวที่ถือหุ้นบริษัททุกราย ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ถือหุ้นรวมกันกว่า 70% มีความตั้งใจที่จะถือหุ้นทั้งหมดเพื่อลงทุนระยะยาว และยังไม่ขายหุ้นแน่นอน เพราะยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น M กล่าวว่า หุ้น M น่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน จากศักยภาพการเติบโตด้วยพื้นฐานของธุรกิจและฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง รวมถึงมีผลประกอบการที่ดีและเติบโตอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง จากการขยายสาขา โดย ณ เดือนก.ค. 56 มีสาขาจำนวน 473 สาขา ทั่วประเทศ และ 42 สาขา ในประเทศ ซึ่งยังมีแผนที่จะขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างชัดเจน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น