วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

กรุงไทยถูกเกิน พี/อีเหลือ9เท่า ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม 2556

กรุงไทยถูกเกิน
พี/อีเหลือ9เท่า

ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม 2556 
ผู้เข้าชม : 2 คน 

หุ้นแบงก์กรุงไทย KTB ราคาลงมาต่ำสุดในรอบ 1 ปี โบรกฯมองถูกเกินไปเมื่อเทียบกับพื้นฐาน พี/อี เหลือ 9 เท่า มองได้รับประโยชน์จากภาครัฐ แถมปลายปีได้ปันผลและเงินต้นคืนจากกองทุนวายุภักษ์ร่วม 3 หมื่นล้านบาท

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยาจำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้หุ้น KTB ลงมาต่ำที่สุดในรอบ 1 ปี ซึ่งไม่ใช่ธนาคารเดียวที่เป็น SCB ก็ร่วงลงมามีแค่ BBL และ KBANK ที่ราคาหุ้นยังแข็งแรงกว่าธนาคารอื่นเท่านั้น โดยพื้นฐานไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง ตรงกันข้ามปัจจัยพื้นฐานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเริ่มจากสินเชื่อไม่มีหดตัวลงเหมือนกับธนาคารอื่น ส่วน NPL ก็ดีขึ้น และการตั้งสำรองหนี้ก็เป็นจังหวะซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านนโยบายการตั้งสำรองขึ้น
“เอ้าท์ลุคเปลี่ยนไปเยอะ สินเชื่อที่เหลือคงโตลดลง แต่โดยรวมน่าจะเกินเป้า หลังเติบโตแล้ว 9% จากสิ้นปี 55 ซึ่งดีที่สุดในระบบแบงก์ NPL ไม่มีปัญหา ที่มีปัญหาก็ตั้งสำรองไปหมดแล้ว โดยในเชิงพื้นฐานไม่มีอะไรน่าห่วง ซึ่งยังแนะนำซื้ออยู่ และให้ราคาเป้าหมาย 25 บาทต่อหุ้น” นายธนเดช กล่าว  
อย่างไรก็ตาม ตัวแปรที่สำคัญของ KTB คือ นโยบายรัฐบาล ซึ่งถ้ารัฐบาลผลักดันโครงการต่างๆ ให้เกิดขึ้นภายในปีนี้จะส่งผลดีต่อ KTB เนื่องจากเป็นธนาคารที่มีปล่อยสินเชื่อให้กับภาครัฐ เช่น SME ที่ลงทุนในภาครัฐ โดยในเชิง fundamental ไม่มีผลต่อการปรับลดประมาณการแต่อย่างใด
ซึ่งยังมองว่ากำไรปีนี้ของ KTB จะอยู่ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท เติบโต 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กลุ่มเติบโต 22% และกำไรปี 2557 จะอยู่ที่ 3.46 หมื่นล้านบาท เติบโต 19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่กลุ่มจะเติบโตที่ 13% โดยการที่กำไรจะเติบโตได้ดีจะมาจากนโยบายรัฐบาลเป็นส่วนสำคัญ   
นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง กล่าวว่า ไม่ใช่แค่หุ้น KTB เท่านั้นที่ร่วงลงมา ซึ่งยังรวมไปถึงหุ้นแบงก์ตัวอื่นด้วย โดยเกิดจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งพื้นฐานของธนาคารดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย สินเชื่อมีการเติบโตที่ดี และหนี้เสียก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่มีปัญหาอย่างสหฟาร์มก็ตั้งสำรองไปหมดแล้ว และเงินกองทุนมีความแข็งแกร่งสามารถขยายสินเชื่อไปได้อีก โดยที่ไม่ต้องเพิ่มทุนในระยะ 2-3 ปีนี้
                อีกทั้งจะได้ประโยชน์มากสุดหากมีการ Settlement กอง VAYU-1 ก่อนจะออกขายกองใหม่ โดย VAYU-1 ที่จะหมดอายุเดือนพ.ย.นี้ คาดการณ์ว่าจะเปลี่ยนรูปแบบกองตามมติครม. ซึ่งจะให้มีการรับซื้อหน่วยเดิมประเภท ก. คืนจากผู้ลงทุนก่อนค่อยนำเงินไปลงทุนรอบใหม่ (Roll over ไปเป็นกองทุนแบบเปิด)
โดย KTB ถืออยู่ 2,946 ล้านหน่วย @ 11.057 บาท/IPO @ 10 บาท กำไร ~10% รองลงมา SCB 1,069 ล้านหน่วย TBANK และ BAY โดยจะได้เงินก้อนบวกกำไรเข้ามาสามารถนำไปบริหารส่วนต่างสร้างกำไรเพิ่ม เช่น ปล่อยกู้, interbank loan ก่อนที่จะมีการนำเงินกลับไปลงกองทุน VAYU ใหม่อีกครั้ง
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พื้นฐานหุ้น KTB ยังแข็งแกร่ง ซึ่งราคาที่ลงเป็นไปตามตลาด และไม่ใช่ KTB เจ้าเดียว หุ้นกลุ่มแบงก์ยังร่วงลงมาทั้งกลุ่ม โดยไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากเป็นไปตามที่คาดการณ์ ซึ่งสินเชื่อ และกำไรยังเป็นประมาณการเดิม โดยไม่ได้ปรับลดราคาเป้าหมาย หรือกำไรลงตามหุ้นที่ผันผวน
ประกอบกับ KTB จะได้ประโยชน์จากการที่ครม. เห็นชอบขยายอายุกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง มูลค่ากองทุนขณะนี้ 1.87 แสนล้านบาท ก่อนครบอายุ 10 ปี วันที่ 30 พ.ย.นี้ และเปลี่ยนจากกองทุนปิดเป็นกองทุนเปิด โดยให้ซื้อหน่วยลงทุนคืนจากผู้ถือหน่วยทั้งหมด ซึ่งเป็นข่าวดีของธนาคารที่ถือหุ้นใหญ่อย่าง KTB, SCB รับปันผล และเงินสดคืนกว่าหมื่นล้านบาท
                วานนี้ราคาหุ้น KTB ปิดที่ 16.40 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนพี/อี ลงมาเหลือ 9 เท่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น