วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2556

TRUEจ่อตั้งอินฟราฟันด์ ขอผู้ถือหุ้นอนุมัติ12ก.ย. ข้อพิพาทเสากับ CAT จบ หลังอนุญาโตฯยกฟ้อง ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2556


TRUEจ่อตั้งอินฟราฟันด์
ขอผู้ถือหุ้นอนุมัติ12ก.ย.
ข้อพิพาทเสากับ CAT จบ หลังอนุญาโตฯยกฟ้อง

ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2556
ผู้เข้าชม : 554 คน

"TRUE" เล็งตั้งกองทุนอินฟราฯ หลังข้อพิพาทกรรมสิทธิ์ในเสากับ CAT คลี่คลาย ล่าสุดอนุญาโตตุลาการยกฟ้อง ขณะรอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติวันที่ 12 ก.ย.นี้ ดันผลประกอบการพลิกเป็นกำไร ตั้งเป้าย้ายลูกค้ารายเดือนหมดสิ้นปีนี้

            นายฉัตรชัย จินดารัตน์ นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2556 บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE จัดประชุมนักวิเคราะห์กับผู้บริหารระดับสูง โดยผู้บริหารระบุว่าการเกิดกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) จะทำให้รายได้ค่าเช่าของ BFKT หายไป แต่ค่าเสื่อมราคา และดอกเบี้ยจ่ายจะลดลงจากการชำระหนี้
                ดังนั้น หากพิจารณาในแง่ EBITDA จะลดลงจากเดิม เพราะค่าเสื่อมราคาส่วนใหญ่หายไปจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนฯ แต่จะเป็นบวกต่อบรรทัดสุดท้ายของงบการเงินที่จะพลิกมามีกำไรได้ ซึ่งจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 12 ก.ย. 2556 เพื่อรองรับการออกกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน
                สำหรับประเด็นพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ในเสาโทรคมนาคมของ TrueMove กับบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT นั้น ล่าสุดผู้บริหารให้ข้อมูลว่าอนุญาโตตุลาการมีคำสั่งยกฟ้อง อย่างไรก็ตาม ในทางกฎหมาย CAT สามารถอุทธรณ์ได้ แต่ในมุมมองของเราประเมินว่า CAT และ TRUE ทำธุรกิจร่วมกัน การรักษาสถานภาพการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างกันน่าจะเป็นทางออกที่ดีทั้ง CAT และ TRUE
                ส่วนคลื่น 1800MHz ของ TRUE และ DPC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ที่จะหมดสัมปทานในเดือนก.ย.นี้ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) อนุมัติให้สามารถให้บริการต่อได้อีก 1 ปี แต่เพื่อการย้ายลูกค้าไปยังคลื่นใหม่ และปกป้องผู้บริโภคเท่านั้น โดยหากมีกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ต้องส่งคืนกระทรวงการคลังทั้งหมด โดยประเมินว่าเป็นไปได้น้อยที่จะเกิดกำไรจาก TrueMove ได้ เนื่องจากลูกค้าทยอยลดลง ทำให้รายได้ลดลง แต่ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ ทำให้มีโอกาสน้อยในการทำกำไร
                ขณะที่ TRUE ทำสัญญาเช่าอุปกรณ์ 2G ต่อจาก CAT หลังหมดอายุสัมปทานไปถึงปี 2561 แต่สัญญาสัมปทานหมดในปี 2556 ดังนั้น มีความเสี่ยง หากคลื่น 1800MHz หมดอายุและมีการประมูลใหม่ และ TRUE แพ้การประมูลอาจต้องมีการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายการเช่าอุปกรณ์ดังกล่าวในส่วนที่เกินจากอายุสัมปทาน 
                อย่างไรก็ตาม TRUE ระบุว่า การประมูลคลื่น 1800MHz เป็นความตั้งใจของบริษัทเพื่อสร้างความแตกต่างในการให้บริการแก่ลูกค้า หลังหมดสัมปทานในเดือนก.ย.นี้ TRUE จะเร่งย้ายลูกค้าที่มีการใช้งานสูงมายังระบบใบอนุญาตก่อน ทำให้บริษัทตั้งเป้าหมายสิ้นปี 2556 จะไม่เหลือลูกค้า Post-paid ใน TrueMove
                นอกจากนี้ การประชุมนักวิเคราะห์มีการสรุปผลประกอบการไตรมาส 2/2556 ด้วย โดยผลประกอบการเป็นปกติทุกไตรมาส โดยภาพรวมรายได้เติบโตในทุกธุรกิจ โดยเฉพาะรายได้จาก Non-voice ของธุรกิจ Mobile โตถึง 51% จากไตรมาส 2/2555 และลูกค้า Truemove H เพิ่มขึ้นเป็น 3.9 ราย โดย 60% เป็นลูกค้าจากคู่แข่ง แต่ค่าใช้จ่ายยังสูงเพื่อสร้างโครงข่ายที่ดี และโปรโมชั่นเพื่อให้ได้ลูกค้า Post-paid ที่มีการใช้งานสูงมากที่สุด ทำให้มีผลขาดทุนสูงในไตรมาส 2/2556 แต่แนวโน้มค่าใช้จ่ายอาจจะทรงตัวหรือลดลงในไตรมาส 3/2556 ตามสถานการณ์ภาวะตลาด ดังนั้น แนะนำ “TRADING BUY” ราคาเป้าหมาย 10.10 บาท
                ก่อนหน้านี้ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE รายงานว่า ผลประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติขายทรัพย์สิน และให้เช่าทรัพย์สินในอนาคตบางรายการ เพื่อจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่าโครงการไม่น้อยกว่า 70,000 ล้านบาท  ได้แก่ ทรัพย์สินที่จะจำหน่ายเข้ากองทุน  คือ 1.เสาโทรคมนาคม 13,000 เสา  2.โครงข่ายใยแก้วนำแสง อุปกรณ์ระบบสื่อสัญญาณ 45,000 คอร์กิโลเมตร และ 9,000 ลิงค์ 3.โครงข่ายบรอดแบนด์ในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด 1.2 ล้านพอร์ต
                ส่วนทรัพย์สินที่จะขายสิทธิรายได้ ได้แก่ สิทธิในการรับประโยชน์จากรายได้ที่เกิดจากการให้เช่าอุปกรณ์ 3G HSPA จำนวน 13,500 สถานีฐาน ส่วนสิทธิให้เช่าทรัพย์สิน ได้แก่ เสาโทรคมนาคม ไม่เกิน 100 เสา
                ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างขออนุมัติจัดตั้งกองทุนฯ กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยมีบริษัท เจวีเอส ที่ปรึกษาการเงิน จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
                อย่างไรก็ตาม มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทนของธุรกรรมจองซื้อหน่วยลงทุนจะขึ้นอยู่กับราคาเสนอขายสุดท้ายของหน่วยลงทุนของกองทุน ซึ่งจะกำหนดโดยวิธีการสำรวจปริมาณความต้องการซื้อหน่วยลงทุนของนักลงทุนสถาบัน (bookbuilding) และขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น สภาวะของตลาดในขณะนั้นและจำนวนเงินกู้ที่กองทุนจัดหา
                ทั้งนี้ ภายหลัง ก.ล.ต.อนุมัติให้จัดตั้งกองทุน บริษัทมีแผนที่จะจองซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนประมาณ 33.33% ของจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมด
         

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น