วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

กลุ่มแลนด์ฯลั่นขาย HMPROเกิน18บาท บิ๊ก QH การันตีครึ่งปีหลังรายได้ทะลุหมื่นล้าน


กลุ่มแลนด์ฯลั่นขาย
HMPROเกิน18บาท
บิ๊ก QH การันตีครึ่งปีหลังรายได้ทะลุหมื่นล้าน

ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม 2556
ผู้เข้าชม : 617 คน

กลุ่มแลนด์ฯ ลั่นขาย HMPRO มากกว่า 18 บาท ชี้ก่อนหน้านี้ราคาหุ้นเคยวิ่งขึ้นไปถึง 20 บาท ระบุมีหลายรายสนใจเจรจาซื้อ ปัดไม่ใช่กลุ่มปูนใหญ่ หรือห้างแฮร์รอดส์ที่อังกฤษ บิ๊ก QH แย้มครึ่งปีหลังรายได้สูงกว่าครึ่งปีแรกที่ทำได้ 1.01 หมื่นล้านบาท

                นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผยว่า บริษัทยืนยันมีแผนขายหุ้นบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO ที่บริษัทถืออยู่ 19.77% จริง หากได้ราคาที่เหมาะสม ขณะที่มองว่าราคาที่โบรกฯ ประเมินไว้ที่ 16-17 บาทต่อหุ้น ยังต่ำเกินไป และเชื่อว่าน่าจะมีราคาที่ดีกว่านี้ ซึ่งขณะนี้มีผู้สนใจเข้ามาติดต่อขอซื้อหุ้น HMPRO บ้างแล้ว แต่ยังไม่เคยเจอกัน และไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
"เราสนใจจะขายหุ้น HMPRO เมื่อมีคนมาเสนอราคาที่ดี แบบว่าน้ำลายไม่หกก็ไม่ขาย แต่มีคนอื่นสนใจติดต่อเข้ามาขอซื้อเหมือนกัน แต่ไม่ใช่บริษัทปูนใหญ่ หรือห้างแฮร์รอดส์ ประเทศอังกฤษ ตามกระแสข่าวลือที่ออกมา ตอนนี้โฮมโปรยังเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตมาก สามารถสร้างรายได้เสริมให้กับบริษัทอีกทาง ถ้าเสนอขายจริงๆ ราคาต้องโอเค ถึงจะให้ ราคา 18 บาทยังถือว่าถูกไป เพราะก่อนหน้านี้ราคาหุ้นเคยขึ้นไปถึง กว่า 20 บาท" นายรัตน์ กล่าว
นายรัตน์ เปิดเผยว่า แนวโน้มรายได้ในครึ่งปีหลังคาดว่าจะสูงกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้อยู่ที่ 1.01 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากการโอนโครงการบ้านและคอนโดมิเนียม มูลค่ารวมประมาณ 8,800 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ที่จะทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2558 ที่ 1.05 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลังประมาณ 3,700 ล้านบาท ขณะที่คงเป้ารายได้ทั้งปีไว้ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท หลังครึ่งปีทำได้แล้ว 9,631.04 ล้านบาท ส่วนยอดขายคงไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท ครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 1.25 หมื่นล้านบาท
สำหรับแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้จะเพิ่มเป็น 21 โครงการ มูลค่า 2.13 หมื่นล้านบาท จากเดิม 20 โครงการ มูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท และวางแผนเบื้องต้นที่จะเปิดโครงการใหม่ในปี 2557 เพิ่มอีก 15 โครงการ มูลค่าราว 1.11 หมื่นล้านบาท รวมโครงการในปีนี้และปีหน้าทั้งหมด 36 โครงการ มูลค่ารวมราว 3.34 หมื่นล้านบาท ส่วนงบสำหรับการซื้อที่ดินในปีนี้ตั้งไว้ที่ 3,000 ล้านบาท ใช้ไปแล้ว 2,000 ล้านบาท เหลืออีก 1,000 ล้านบาท จะนำไปซื้อที่ดินเพิ่มเติม 
                นายรัตน์ เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 16% จากปีก่อนอยู่ที่ 10% เนื่องจากการปรับราคาขายโครงการเพิ่มขึ้น ซึ่งตั้งแต่ต้นปีปรับเพิ่มขึ้นไปแล้ว 8% เพื่อให้สอดคล้องกับราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการทยอยรับรู้รายได้โครงการคอนโดมิเนียมที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ส่งผลต่ออัตรากำไรสุทธิให้สูงขึ้นด้วย ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็นกว่า 32% จากปีก่อนอยู่ที่ 31%
                นางสุวรรณา พุทธประสาท กรรมการรองกรรมการ QH เปิดเผยว่า บริษัทยื่นไฟลิ่งต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์กองใหม่ โดยจะขายโครงการเซ็นเตอร์พอยท์ สีลม เป็นสินทรัพย์ของกองทุนฯ มูลค่าโครงการ 500-550 ล้านบาท คาดว่าจะอนุมัติภายในสิ้นปีนี้ และจะสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนของกองทุนได้ในปี 57
                นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในไตรมาส 1/57 ถึงไตรมาส 2/57 วงเงินประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะออกครั้งเดียวหรือทยอยออก เบื้องต้นคาดว่าอาจจะออกหุ้นกู้ภายในสิ้นปีนี้หรือต้นปี 57
                อย่างไรก็ตาม กลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์  ซึ่งประกอบด้วย บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH ถือหุ้น HMPRO อยู่ 30.21% จำนวน 2,128,220,590 หุ้น ราคาต้นทุนที่ 1.39 บาท และ QH ถือหุ้น HMPRO อยู่ 19.77% จำนวน 1,392,951,862 หุ้น ราคาต้นทุนที่ 1.28 บาท
                ด้านบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2556 รายได้รวมสูงกว่า 4,286 ล้านบาท ซึ่งรายได้ที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลมาจากการโอนคอนโดมิเนียมใหม่รวมทั้งสิ้น 2 โครงการ ได้แก่ RHYTHM สุขุมวิท 50 และ Aspire พระราม 4 โดย 40% ของรายได้ทั้งหมดเกิดจากคอนโดมิเนียม และ 60% จากโครงการแนวราบ ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 2/2556 เท่ากับ 452 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 103% หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
                ทั้งนี้ ปัจจุบัน ณ วันที่ 4 สิงหาคม 2556 บริษัทฯ มียอดจองที่สูงถึง 9,504 ล้านบาท คิดเป็น 43% ของเป้ายอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ 22,000 ล้านบาท โดยเป็นแนวราบ 4,925 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 4,579 ล้านบาท ส่วนสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ ปัจจุบันบริษัทมีสินค้ารอรับรู้รายได้สูงถึง 29,680 ล้านบาท แบ่งเป็นสินค้าแนวราบมูลค่า 3,394 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ทั้งหมดภายในครึ่งปีหลังของปี 2556 และสินค้าคอนโดมิเนียมมูลค่า 26,286 ล้านบาท รอรับรู้รายได้ภายในครึ่งปีหลังของปีนี้ มูลค่า 7,100 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมเพิ่มอีก 2 โครงการ ได้แก่ RHYTHM สุขุมวิท 44/1 และ RHYTHM พหล-อารีย์
                ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้จนถึงปี 2560 ดังนั้น บริษัทมี Backlog อยู่ในมือแล้วทั้งสิ้น 17,600 ล้านบาท หรือ 87% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 20,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าส่วนที่เหลือจะมาจากสินค้าที่จะเปิดตัวใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังอีก 16 โครงการ (บ้านเดี่ยว 4 โครงการ ทาวน์เฮาส์ 9 โครงการ และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ) มูลค่ารวมกว่า 16,015 ล้านบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น