วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

‘ทิสโก้’ย่องจับหุ้นขนาดเล็ก

‘ทิสโก้’ย่องจับหุ้นขนาดเล็ก

กองทุนรวม ประกัน วันอังคารที่ 25 มิถุนายน 2556 
ผู้เข้าชม : 3 คน 

บลจ.ทิสโก้ ฉวยจังหวะหุ้นไทยปรับฐานออกกองทุนหุ้นอิควิตี้ เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางขนาดเล็กที่มีคุณภาพดี เพื่อเพิ่มผลตอบแทน ระบุ หุ้นไทยยังมีพื้นฐานดีเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนของภาคเอกชนมากขึ้นเหมาะจับจังหวะลงทุนเพิ่ม พร้อมเปิดไอพีโอ 24 มิ.ย. - 9 ก.ค.56
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดขายกองทุนเปิด ทิสโก้ Mid/Small Cap อิควิตี้ กองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคง และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางธุรกิจ
โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดไม่เกิน 50,000 ล้านบาท  โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน สำหรับส่วนที่เหลืออาจน ลงทุนในตราสารแห่งทุนนอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น เช่น ตราสารทางการเงิน ตราสารแห่งหนี้ หรือเงินฝาก
"บริษัทเดินหน้าตอบโจทย์ด้านการลงทุน ด้วยการมองหาจังหวะที่เป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง   และจากการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก  ขณะที่พื้นฐานทางเศรษฐกิจในประเทศยังคงแข็งแกร่ง และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังอยู่ในเกณฑ์ดี จึงมองว่าช่วงนี้ถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการปรับพอร์ตการลงทุนด้วยการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทย" นายสาห์รัช กล่าว
นายกมลยศ  สุขุมสุวรรณ ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามตลาดภูมิภาคในกลุ่มTIPS ซึ่งประกอบด้วยตลาดหุ้นไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์  เป็นผลมาจากความกังวลเรื่องการลดขนาดของมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE) ที่จะเกิดขึ้นภายในปลายปีนี้ ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติขายทำกำไรตลาดหุ้นออกมา
อย่างไรก็ตาม มุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไทยของทิสโก้ ยังเป็นมุมมองเชิงบวก เนื่องจากประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีพื้นฐานที่ดีที่สุด ตลาดหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย อีกทั้งเศรษฐกิจยังขับเคลื่อนด้วยการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนของภาคเอกชนมากขึ้น และลดการพึ่งพาการส่งออกไปยังประเทศพัฒนาแล้ว
"การปรับลงของตลาดหุ้นไทยครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนระยะยาว เนื่องจากมูลค่าของหุ้นปรับลดลงมาเกินความเป็นจริง ซึ่งกลุ่มบริษัทเหล่านี้พื้นฐานไม่มีการเปลี่ยนแปลงและยังคงมีศักยภาพในการทำกำไรที่ดี อีกทั้งมูลค่าเชิงเปรียบเทียบของตลาดหุ้นไทย เมื่อเทียบกับตลาดภูมิภาค TIPS ยังถือว่าน่าสนใจกว่า โดยเราประเมินมูลค่าเหมาะสมของตลาดหุ้นไทย อยู่ที่ระดับ PER 15 เท่า หรือ ดัชนี ณ 1,636 จุด” นายกมลยศ กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น