วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ลุยกู้โครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน “คลัง” ลงนาม 4 แบงก์ใหญ่เรียบร้อยแล้ว

ลุยกู้โครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน “คลัง” ลงนาม 4 แบงก์ใหญ่เรียบร้อยแล้ว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 มิถุนายน 2556 11:32 น.

“คลัง” เดินหน้ากู้โครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน “พงษ์ภาณุ” ยอมรับได้ลงนามกับ 4 แบงก์ใหญ่เรียบร้อยแล้ว มั่นใจช่วยหนุน ศก.โตได้ต่อเนื่อง พร้อมยืนยันจะดูแลให้การใช้จ่ายเป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส และตรวจสอบได้
     
       นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน เปิดเผยว่า ตนเองได้ลงนามในสัญญาเงินกู้ (Term Loan) กับธนาคาร 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารออมสิน, ธนาคารกรุงไทย (KTB), ธนาคารกรุงเทพ (BBL) และธนาคารกสิกรไทย (KBANK) วงเงินรวม 324,606 ล้านบาท เมื่อรวมกับเงินกู้ที่ได้กู้ก่อนหน้านี้ จำนวน 25,393 ล้านบาท จะเป็นวงเงินกู้จำนวนทั้งสิ้น 349,999 ล้านบาท ภายใต้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำ และสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ.2555
     
       เงินกู้ดังกล่าวมีระยะเวลาทยอยชำระคืนต้นเงินกู้ 4 ปี นับจากวันเบิกจ่ายเงินกู้ อัตราดอกเบี้ยรายปี คำนวณโดยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน (FDR) +Spread และสามารถทยอยเบิกจ่ายได้เป็นรายปีงบประมาณโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้รัฐบาลนำไปใช้ในการสนับสนุนโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และแผนยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบแ ละอนุมัติแล้ว ดังนี้
     
       1.โครงการบริหารจัดการน้ำระยะเร่งด่วน วงเงิน 25,661 ล้านบาท
     
       2.โครงการเพื่อการออกแบบและก่อสร้างระบบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน (Conceptual Plan) วงเงิน 291,000 ล้านบาท
     
       3.โครงการจ้างที่ปรึกษาบริหารโครงการ Project Management and Engineering Consultant (PMEC) และ Project Supervision Consultant (PSC) วงเงิน 8,731 ล้านบาท
     
       4.แผนงานสนับสนุนโครงการระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน วงเงิน 4,607 ล้านบาท
     
       5.แผนงานฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าและดิน วงเงิน 10,000 ล้านบาท
     
       6.แผนยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) วงเงิน 10,000 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาเบิกจ่ายเงินกู้ระหว่างปี 2556-2561
     
       ทั้งนี้ การใช้จ่ายเงินกู้ดังกล่าว นอกจากจะเป็นการวางระบบบริหารจัดการน้ำ และอุทกภัยอย่างยั่งยืนแล้ว ยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตต่อไปได้ภายใต้ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยที่กระทรวงการคลังจะดูแลให้การใช้จ่ายเงินเป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส และตรวจสอบได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น