Good Morning News จากกองทุนบัวหลวง

6 พฤศจิกายน 2556


ชื่อ:  กาแฟดำ.PNG
ครั้ง: 293
ขนาด:  599.6 กิโลไบต์


General News
----------------


• ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของอังกฤษ พุ่งขึ้นสู่ 62.5 ในเดือน ต.ค. จาก 60.3 ในเดือน ก.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 59.8 โดยขยายตัวในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่ พ.ค.1997 ทำให้มีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะเติบโตอย่างมากในไตรมาส 4

• ก.แรงงานสเปน เปิดเผยว่า จำนวนผู้ว่างงานที่ขึ้นทะเบียนเพิ่มขึ้น 87,028 คน ในเดือน ต.ค. ส่งผลให้จำนวนคนว่างงานทั้งหมดอยู่ที่ 4.81 ล้านคน

• เจ้าหน้าที่ FED 3 ราย ซึ่งมีสิทธิลงคะแนนเสียงในการกำหนดนโยบายการเงิน กล่าวในทำนองเดียวกันว่า FED ควรลดวงเงินในมาตรการ QE ต่อเมื่อเศรษฐกิจสหรัฐแสดงสัญญาณปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนกว่านี้ และควรลด QE อย่างค่อยเป็นค่อยไป

• นายกรัฐมนตรีของจีน ระบุว่า จำเป็นต้องรักษาระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ 7.2% เพื่อรับประกันการสร้างงาน 10 ล้านตำแหน่งในแต่ละปี และจะสกัดกั้นอัตราว่างงานในเมืองไว้ที่ 4% โดยเตือนรัฐบาลมิให้ขยายนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอยู่แล้วออกไปอีก เพื่อไม่ให้กระทบกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว

• ธนาคารกลางจีน เปิดเผยว่า จะยังคงดำเนินนโยบายแบบรอบคอบและจะปรับเปลี่ยนในเวลาที่เหมาะสมเพื่อทำให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ ขณะเดียวกันก็ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และเรียกร้องให้ธนาคารต่างๆ ปรับการบริหารสภาพคล่องให้แข็งแกร่งขึ้น และเตือนว่า เศรษฐกิจจะเผชิญกับกระบวนการปรับลดหนี้ที่ยาวนาน

• ทางการพม่า ระบุว่า การส่งออก 6 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 21% มาอยู่ที่ 5,680 ล้านดอลลาร์ จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่เป็น 4,690 ล้านดอลลาร์ โดยมีตัวขับเคลื่อนหลักมาจากผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และสินค้าเกษตร

• นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แถลงข่าวด่วนว่า ขอให้วุฒิสภาใช้ดุลพินิจอย่างเต็มที่เพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม บนพื้นฐานความปรองดองเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้า และไม่ว่าผลการพิจารณาของวุฒิสภาจะออกมาเป็นอย่างไร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็จะยอมรับ

• ประธานวุฒิสภา นิคม ไวยรัชพานิช แถลงข่าวหลังจากนั้นว่า วุฒิสภาจะยับยั้งหรือไม่รับหลักการร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อหาทางออกให้กับประเทศและคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมือง โดยระบุว่านี่เป็นจุดยืนเดิมที่หารือกันมาตลอด ไม่ใช่การส่งสัญญาณจากนายกรัฐมนตรี

• ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นโดย GDP จะขยายตัวได้กว่า 4% เนื่องจากมีสัญญาณที่ดีขึ้นจากปัจจัยภายนอกโดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มฟื้นตัว เศรษฐกิจยุโรปที่หลุดจากภาวะถดถอย และกำลังซื้อจากจีนที่เริ่มกลับมา ซึ่งจะช่วยหนุนให้การส่งออกของไทยในปีหน้าขยายตัวเพิ่มขึ้น

• วัชรัศมิ์ ลีละวัฒน์ รอง ผอ.สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา กล่าวว่า การชุมนุมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อาจทำให้เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เติบโต 10.6% ต่อปี ต่ำลงกว่า 10% หรือติดลบ ทั้งนี้ ปีที่แล้วไทยมีเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศกว่า 8,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปีนี้คาดว่าจะอยู่ระดับเดียวกัน

Equity Market
---------------



(ล้านบาท)

นักลงทุนสถาบัน +1,788.86
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ -532.83
นักลงทุนต่างชาติ -1,952.18
นักลงทุนทั่วไป +696.15

• SET Index ปิดที่ 1,415.44 จุด เพิ่มขึ้น 27.04 จุด (+1.95%) ด้วยมูลค่าซื้อขาย 34,968.98 ล้านบาท โดยดัชนีพุ่งขึ้นหลังปรับตัวลงแรงเมื่อวานนี้เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย จากการคาดว่ารัฐบาลจะทบทวนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และวุฒิสภาจะไม่รับร่างตั้งแต่วาระแรก

• จรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า บรรยากาศในช่วงนี้จะเป็นโอกาสและจังหวะที่ดีอีกครั้งในการลงทุน โดยควรตัดสินใจลงทุนจาก 2 ปัจจัย คือต้องหาความรู้เพื่อมาเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตนเองสนใจ และหาจังหวะในการเข้ามาลงทุน ทั้งนี้ ในวันที่ 21-24 พ.ย.56 จะมีงาน SET in the city ซึ่งหากเป็นจุดที่หุ้นปรับตัวลงและมี P/E ต่ำ นักลงทุนก็สามารถเข้ามาลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนในระยะยาวได้

Fixed Income Market
------------------------



• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลง -0.06 ถึง -0.01% โดยพันธบัตรอายุต่ำกว่า 3 ปี ไม่เปลี่ยนแปลง

Guru Corner
--------------


• Jim Rogers

”อย่าไปฟังรัฐบาล เพราะไม่ทำให้เรารวยขึ้นมาได้หรอก รัฐบาลที่ไหนๆ ก็มีแต่โกหก บิดเบือนความจริง และทำแต่เรื่องผิดๆ”

• Marc Faber

“ในระบบเศรษฐกิจที่มีคนคอยควบคุมพวก Central Planner แบบนี้ อะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น สิ่งที่พวกเรามีก็คือฟองสบู่ขนาดยักษ์ อย่างเช่นที่เคยเกิดกับตลาดหุ้น NASDAQในปี 2000 เกิดกับตลาดที่อยู่อาศัยและตามมาด้วยตลาดคอมโมดิตี้ในปี 2008 เมื่อราคาน้ำมันพุ่งขึ้นจาก $78 ไปถึง $147 ต่อบาร์เรล ก่อนจะพังพาบลงมาภายในเวลาเพียง 6 เดือน”

“เงินที่พิมพ์ออกมาไม่ได้ไหลไปสู่ผู้คนทั่วระบบเศรษฐกิจ เงินต้นทุนถูกๆ เหล่านี้ไหลไปกองอยู่กับสถาบันการเงินและคนไม่กี่คนที่ร่ำรวยมากและสามารถเข้าถึง มันไม่ได้ไหลไปถึงลูกจ้างเลย การพิมพ์แบงค์กระดาษที่ไม่มีอะไรมาหนุนเหมือนที่ซิมบับเวททำ จะทำให้อำนาจซื้อลดลง จะทำให้ มาตรฐานการครองชีพตกต่ำลง และจะเกิดสงครามกลางเมืองในที่สุด”

“เมื่อคนมัวแต่พุ่งความสนใจไปที่เรื่องหนึ่ง อย่างเช่นที่เกิดในกรีซกับยุโรป บางทีเขาก็พลาดที่จะเห็นสิ่งอื่นที่สำคัญกว่านั้นมาก เช่นการชะลอตัวลงอย่างมีนัยยะสำคัญในอินเดียกับจีน”