วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

WHAปิดดีลเหมราช เทนเดอร์ฯไม่เกิน5บ. โรดโชว์ฮ่องกงทันที - SCBรับเป็นเอฟเอ

WHAปิดดีลเหมราช
เทนเดอร์ฯไม่เกิน5บ.
โรดโชว์ฮ่องกงทันที - SCBรับเป็นเอฟเอ

ข่าวหน้าหนึ่ง วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2557  


จับตาวันนี้ (17 พ.ย.) ดับบลิวเอชเอฯ (WHA) จะแถลงข่าวเข้าซื้อหุ้น HEMRAJ จากกลุ่มหอรุ่งเรือง 15% และผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ คาดราคา 4.60 -4.80 บาท พร้อมตั้งโต๊ะทำเทนเดอร์ฯ ด้าน WHA หลังปิดดีลโรดโชว์ที่ฮ่องกงทันที 26-27 พ.ย.นี้ ส่วนแบงก์ไทยพาณิชย์ (SCB) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และอาจปล่อยเงินกู้ ด้าน บล.ซีแอลเอสเอ เผยต่างชาติกำลังสนใจหุ้นนิคมฯ

แหล่งข่าวจากตลาดทุน กล่าวว่า บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) ได้บรรลุข้อตกลงกับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือ HEMRAJ ในการเข้าซื้อหุ้นเกือบทั้งหมดของเหมราชฯ และจะมีการนัดแถลงข่าวในวันนี้ (17 พ.ย.) โดย WHA จะมีการาแถลงข่าวที่ศูนย์ฯสิริกิติ์ ขณะที่ HEMRAJ มีกำหนดพาผู้สื่อข่าวไปที่นิคมฯ วันนี้เช่นเดียวกัน 
“WHA จะเข้าซื้อหุ้นจากกลุ่มหอรุ่งเรืองทั้งหมดหรือประมาณ 15% และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ อื่นๆ อีกด้วย ซึ่งจะทำให้ WHA กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในเหมราชฯ และ WHA จะต้องทำเทนเดอร์ ออฟเดอร์  หรือรับซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นรายย่อยด้วย”
สำหรับราคาที่ซื้อขายคาดว่ายอยู่ระหว่าง 4.60 - 4.80 บาท ขณะที่ราคาที่จะทำเทนเดอร์ฯ นั้น ก็จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แต่จะไม่เกิน 5 บาท
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหุ้น HEMRAJ ปิดลบ 0.12 มาที่ 4.44 บาท มูลค่าการซื้อขาย 523 ล้านบาท
ทั้งนี้ หลังการเข้าซื้อหุ้นในเหมราชฯ แล้ว ทาง WHA จะยังคงให้เหมราชฯ อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป
แหล่งข่าว กล่าวว่า การซื้อหุ้นเหมราชฯ ในช่วงราคาดังกล่าว ถือว่าไม่แพง เมื่อเทียบการที่ WHA จะมีการลงทุนที่ครบวงจรมากขึ้น และจะทำให้มีความสามารถในการทำกำไรที่มีประสิทธิภาพขึ้น และรวมถึงจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการในปี 2558 จะเติบโตต่อเนื่องด้วย
ขณะที่นายสมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHA ระบุว่า วันนี้ (17 พ.ย.) บริษัทจะมีการประกาศการลงทุนครั้งสำคัญของบริษัท โดยจะทำทำให้บริษัททำธุรกิจครบวงจรมากขึ้น ซึ่งทำให้มีความสามารถในการทำกำไรที่ดี และ จะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ผลักดันให้ผลประกอบการในปี 58 มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“ในปีนี้ยอมรับว่าการทำธุรกิจมี ปัจจัยเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะปัจจัยเรื่องการเมืองที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวทำให้ผลประกอบการปี นี้อาจจะไม่ดีนัก ซึ่งบริษัทจะพยายามรักษากำไรในปี 57 ให้ใกล้เคียงกับปี 56 ที่ผ่านมา โดยหากทำได้ก็ถือว่าทำธุรกิจประสบความสำเร็จในปีนี้ ส่วนรายได้รวมปี 57 ยังคงเป้าหมายรายได้ที่ 5,500 ล้านบาท”
นาย สมบัติ เอกวรรณพัฒนา นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า HEMRAJ มีกำไรไตรมาส 3/57 อ่อนตามคาดสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการโอนนิคมไตรมาสนี้บันทึก 181 ล้านบาท ลดลง 86% ปีก่อนหน้า และ 76% จากไตรมาสก่อนหน้า
โดยอัตรากำไรขั้น ต้นหดตัวลงเป็น 47.8% เพราะมีการโอนนิคมน้อยลงตามยอดขายรอโอน (Backlog) ที่เหลือไม่มาก ณ สิ้นไตรมาส 2/57 เป็น 1.05 พันล้านบาท และ การขายนิคมได้รับผลลบจากยานยนต์ 9 เดือนขายได้ 522 ไร่ ส่วนรายได้จาการให้เช่า และ บริการสาธารณูปโภคเพียงทรงตัวไม่เติบโต เพราะธุรกิจให้เช่าโรงงานซบเซาลง และ สัดส่วนค่าใช้จ่ายขายบริหารเทียบกับรายได้ไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นเป็น 19.8% เนื่องจากฐานรายได้ที่ต่ำนั่นเอง
ฐานะการเงินอยู่ในเกณฑ์ดี และอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนเป็น 0.87 เท่าเพิ่มเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 0.8 เท่า มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นเป็น 1.55 บาท ด้านกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 9 เดือนแย่ลงเป็น -1.9 พันล้านบาท เทียบกับ ปีก่อนหน้าที่ -381 ล้านบาท
ทั้งนี้ คาดว่าปีนี้ และปีหน้าอัตราการเติบโตของกำไรหลักเป็น 6% และ 5% ตามลำดับ ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ โดยยังคงคำแนะนำเพียง “ถือ” แม้ราคาปิดสูงกว่าราคาพื้นฐานที่ 4 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี SOTP แต่แนะนำ “ถือ” รับเงินปันผล โดยคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลปี 58 เป็น 3.6%
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บล.ซีแอลเอสเอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมเป็นตัวที่น่าสนใจ โดย HEMRAJ เป็นหุ้น TOP PICK ของ CLSA และ เป็นที่สนใจของนักลงทุนสถาบัน และ ต่างชาติ ประกอบกับ มองประเทศไทยเป็นฐานการส่งออกที่ดี ซึ่งสามารถขยายต่อยอดไปยังกลุ่มแม่น้ำโขง โดยเฉพาะขยายไปยังเวียดนาม อินเดีย หรือ จีนได้ต่อไป
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง ระบุว่า ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น HEMRAJ โดยยังคงเป็นหุ้นที่เหมาะที่สุดสำหรับการเล่นตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจากมีโรงงานประกอบรถยนต์ขนาดใหญ่ถึง 3 รายตั้งอยู่ในนิคมของ HEMRAJ
นอกจากนี้ แนวโน้มกำไรสุทธิยังชัดเจนกว่าบริษัทอื่นในกลุ่มเดียวกัน โดยส่วนแบ่งกำไรจาก GHECO-One ซึ่งจะเริ่มเดินเครื่องในไตรมาส 4/54 โดยได้ปรับเป้าหมายไปยังสิ้นปี 54 และเมื่อรวมกับผลกระทบจากการที่รวมมูลค่าของ GHECO-One เต็มจำนวนจากเดิมที่รวมเพียงครึ่งเดียวจึงทำให้ราคาเป้าหมายที่คำนวณด้วย วิธี sum-of-the-parts เพิ่มเป็นหุ้นละ 2.42 บาทจากเดิม 1.55 บาท
แหล่งข่าวจากตลาดทุน กล่าวเพิ่มว่า ในวันที่ 26-27 พ.ย.นี้ ทราบมาว่า  WHA จะไปโรดโชว์ที่ฮ่องกงหลังปิดดีลการซื้อหุ้นสำเร็จ  และต้องการแสดงวิสัยทัศน์ของบริษัทให้ต่างชาติรับรู้ และสนใจที่จะเข้ามาลงทุน”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น