วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

PTTเป้าราคา405บาท กำไรปี58ทะลุแสนล้าน โบรกฯ คาดบุ๊คกำไร 7.5 พันล้านขาย BCP

PTTเป้าราคา405บาท
กำไรปี58ทะลุแสนล้าน
โบรกฯ คาดบุ๊คกำไร 7.5 พันล้านขาย BCP

ข่าวหน้าหนึ่ง วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน 2557 


"ปตท." กำไรปี 58 ทะลุ 1 แสนล้านบาท ขาดทุน NGV ลด 4,000 ล้านบาท ซ่อนมูลค่าหุ้นลูก โบรกฯ ชี้มีสิทธิบันทึกกำไรขายหุ้นบางจาก 7,500 ล้านบาท นำ SPRC-GPSC เข้าจดทะเบียนเพิ่มอัพไซด์หุ้น ราคาเป้าหมาย 405 บาท

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า สำหรับแนวโน้มกำไรปี 2558 ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT จะเติบโตต่อเนื่องสู่ระดับ 104,055 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 5.1% จากงวดปี 2557  รวมถึงยังคาดหวังอัพไซด์ที่จะเพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นราคาขาย LPG หน้าโรงแยกก๊าซได้ และบันทึกกำไรจากการขายหุ้น บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP
โดยในเบื้องต้นคาดจะบันทึกกำไรของ BCP อยู่ที่ 7.5 พันล้านบาท หรือเพิ่ม EPS ราว 2.6 บาทต่อหุ้น ภายใต้สมมติฐานราคาขายที่ 35 บาทต่อหุ้น ขณะที่ต้นทุน PTT อยู่ที่ 14.9 บาทต่อหุ้น รวมถึงการนำบริษัทลูก SPRC และ GPSC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งฝ่ายวิจัยยังไม่รวมไว้ในประมาณการ
นอกจากนี้ ยังคงประมาณการณ์กำไรสุทธิงวดปี 2557 ของ PTT ไว้ที่ระดับ 98,983 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากงวดปี 2556 ที่ได้กำไรสุทธิ 94,652 ล้านบาท โดยคาดแนวโน้มกำไรในระยะสั้นงวดไตรมาส 4/57 จะเห็นการปรับตัวลดลงจากไตรมาส 3/57 เนื่องจากประเมินจะได้รับแรงกดดันจากราคาขายเฉลี่ยปิโตรเลียมที่ปรับตัวลดลง สะท้อนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปัจจุบันที่ปรับตัวลงประมาณ 10% จากสิ้นงวดไตรมาส 3/57
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคงประมาณการปี 2557-2558 ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบอ้างอิงดูไบสำหรับในปี 2557 ที่ระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และงวดปี 2558 ที่ 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งแม้สมมติฐานแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในปี 2558 จะปรับตัวลดลง แต่ยังคาดแนวโน้มกำไรปี 2558 จะยังคงเติบโตต่อเนื่องได้อีก 5.1% จากปีนี้
โดยคาด PTT จะได้ปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจากหลายกลุ่มธุรกิจมาช่วยหนุนไว้ ประกอบกับในปี 2558 ยังบันทึกขาดทุนจาก NGV ลดลงประมาณ 4 พันล้านบาทต่อปี หลังจากการปรับขึ้นราคาขายปลีก NGV อัตรา 1 บาทต่อกิโลกรัม มาอยู่ที่ 11.50 บาทต่อกิโลกรัมมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2557
สำหรับฝ่ายวิจัยได้ประเมินมูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2558 (DCF) เท่ากับ 405 บาทต่อหุ้น แนะนำ “เข้าซื้อลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว” เนื่องจากราคาหุ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเหลืออัพไซด์เพียง 5.5% อย่างไรก็ตามยังคาดหวังดิวิเดนด์ยีลด์ได้เฉลี่ยราว 4% รวมถึงอัพไซด์จากการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน และการบันทึกกำไรพิเศษจากบริษัทลูกๆ ทั้ง BCP, SPRC และ GPSC
ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2557 ของ PTTจะมีกำไรสุทธิ 100,766 ล้านบาท หลังจากผลการดำเนินงานของ PTTEP ที่ฟื้นตัวขึ้นตามปริมาณผลิตที่สูงขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ 75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล นอกจากนี้ ราคาหุ้นปัจจุบันยังซื้อขายอยู่ที่ P/E เพียง 10.2 เท่า และมีโอกาสขาดทุนลดลงจากการปรับเพิ่มราคา NGV จึงให้คำแนะนำ “ซื้อ” กำหนดราคาเป้าหมายในปี 2558 เท่ากับ 440 บาท
ทั้งนี้ จากการสำรวจความเคลื่อนไหวราคาหุ้น PTT พบว่า หุ้น PTT ได้ทยอยทำราคาปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในช่วงรอบ 4 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเดือนพ.ย. 2557 หุ้น PTT ทำราคานิวไฮในรอบประมาณ 4 ปี ที่ระดับ 393 บาท ส่วนในช่วงวานนี้ (18 พ.ย.) ทำราคาปิดที่ 387 บาท เท่ากับมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) เพิ่มขึ้นเป็น 1.1 ล้านล้านบาท

*ปตท.เปิดตัวเว็บเพจหุ้นกู้
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เปิดตัวเว็บเพจข้อมูลหุ้นกู้ ปตท. หรือ PTT Debenture Webpage หลังจากในปัจจุบันได้มีนักลงทุนสถาบันและรายย่อยได้ให้ความสนใจลงทุนในหุ้นกู้ ปตท .เป็นจำนวนมากเพื่อดูแลนักลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเป็นเว็บเพจที่แสดงข้อมูลหุ้นกู้และกิจกรรมสำหรับผู้ถือหุ้นกู้ของ ปตท. ซึ่งนักลงทุนสามารถเข้าถึงเว็บเพจหุ้นกู้ ปตท.ผ่านเว็บไซต์ ปตท. www.pttplc.com/นักลงทุนสัมพันธ์/ข้อมูลสำหรับผู้ถือหุ้นกู้และกิจกรรมเพื่อผู้ถือหุ้นกู้ หรือที่ URL http://ptt-th.listedcompany.com/debenture_data.html
นอกจากนี้ ยังอยู่ภายใต้แนวคิด Where Your  Money Works for You เว็บเพจหุ้นกู้ ปตท.จะรวบรวมข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นกู้ รวมถึงการเพิ่มช่องทางในการแสดงราคาหุ้นกู้ในตลาดรองของหุ้นกู้ ปตท. และหุ้นกู้บริษัทในกลุ่ม ปตท. เพื่อเป็นข้อมูลให้กับนักลงทุนและผู้ที่ประสงค์จะซื้อหรือขายหุ้นกู้ ซึ่งหากต้องการจะซื้อหรือขายหุ้นกู้ดังกล่าวก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน ซึ่งนับว่าเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการช่วยเพิ่มสภาพคล่องและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ไทยในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น