วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

IRPCกำไร9เดือน543ล. ศึกษาควบรวมPTTGCปี58

IRPCกำไร9เดือน543ล.
ศึกษาควบรวมPTTGCปี58

ข่าวหน้าหนึ่ง วันพุธที่ 05 พฤศจิกายน 2557 

"IRPC-PTTGC" ตั้งทีมศึกษาแผนควบรวมกลางปี 58 ฟาก IRPC ประกาศงบไตรมาส 3 รอดพ้นขาดทุน บันทึกรายการพิเศษเพียบช่วยชดเชยสต๊อกลอสน้ำมัน โชว์งบ 9 เดือนแรกกำไรสุทธิพุ่ง 543 ล้านบาท
นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า โอกาสการควบรวมกับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เบื้องต้นจะมีการตั้งทีมร่วมกันระหว่าง 2 บริษัท ช่วงกลางปี 2558
โดยดำเนินการพิจารณาว่า จะมีโครงการใดบ้างที่สามารถสร้างผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างทั้ง 2 สองฝ่ายได้ ทั้งแง่ของการผลิตหรือตัวผลิตภัณฑ์ เพราะถือเป็นจุดสำคัญที่จะนำไปสู่การตัดสินใจว่า จะเกิดการควบรวมกิจการระหว่างทั้งสองฝ่ายได้หรือไม่
ส่วนภาวะราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ผันผวนขณะนี้ บริษัทมองว่าเป็นปัจจัยที่บริษัทยังต้องติดตามและมีความกังวล เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำปรับตัวลดลงมามาก และหากยังคงลดลงต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ อาจส่งผลให้เกิดสต๊อกลอส รวมถึงมีผลกระทบต่อกำไรงวดปี 2557 ซึ่งอาจจะต่ำกว่าปี 2556
ดังนั้น จึงยังคงต้องจับตามองว่า การประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในช่วงปลายเดือนพ.ย.นี้ จะมีการลดกำลังการผลิตลงหรือไม่ เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันมีปริมาณการผลิตเข้าสู่ตลาดสูงกว่าความต้องการ อย่างไรก็ตาม ทิศทางราคาน้ำมันของตลาดในโลกในปี 2558 เบื้องต้นคาดยังคงผันผวนแต่จะทรงตัวอยู่ในระดับสูงกว่าปัจจุบัน
โดยมีสาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มการขยายตัวดีขึ้น แต่ด้วยการเติบโตของอุปทานที่ยังมากกว่าอุปสงค์ จึงยังมีผลต่อทิศทางราคาน้ำมันในปีหน้า และจากการประมาณการของทีมวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันกลุ่มปตท. หรือ PRISM คาดจะอยู่ที่ระดับ 90-95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ส่วนกรณีที่สหรัฐอเมริกาสามารถผลิตน้ำมันดิบได้สูงอย่างต่อเนื่อง จะทำให้สหรัฐสามารถลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบลง โดยเฉพาะน้ำมันดิบชนิดเบา และจะส่งผลให้น้ำมันดิบจากแอฟริกาไม่สามารถส่งเข้าสหรัฐอเมริกาได้ รวมถึงต้องลดราคาลงเพื่อแข่งขันกับน้ำมันดิบจากกลุ่มโอเปกที่จะขยายเข้าสู่ตลาดในเอเชียแทน
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/57 ที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิ 22 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ได้กำไรสุทธิ 1,047 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกบริษัทมีกำไรสุทธิรวม 543 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ได้กำไรสุทธิ 41 ล้านบาท ทั้งนี้ ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 2556 บริษัทมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 826 ล้านบาท
นายสุกฤตย์ เปิดเผยว่า ในงวดไตรมาส 3/57 บริษัทมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด หรือ Market GIM อยู่ที่ระดับ  6.72 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ได้ 5.99 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม กำไรขั้นต้นจากการผลิตทางบัญชี หรือ Accounting GIM (รวมผลของสต๊อกน้ำมัน) ทำได้ที่ระดับ 3.01 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลงจากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ได้ 10.41 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
โดยในไตรมาส 3/57 บริษัทมีกำไรจาก Oil Hedging จำนวน 376 ล้านบาท หรือ 0.75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่มีผลขาดทุนสต๊อกน้ำมัน 1,906 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.82 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และมีขาดทุนจากค่าเผื่อการลดลงของราคาสินค้าคงเหลือ (LCM) จำนวน 318 ล้านบาท หรือ 0.64 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสนี้บริษัทมีรายได้อื่นๆ สูงขึ้นเป็น 1,156 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่ได้ 289 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากการรับรู้รายได้ค่าสินไหมทดแทนจากประกันภัยจำนวน 710 ล้านบาท และรายได้กลุ่มท่าเรือและถังเก็บผลิตภัณฑ์จากลูกค้าใหม่ที่ใช้บริการเพิ่มขึ้น
อีกทั้งมีกำไรจากการลงทุน 130 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ได้ 16 ล้านบาท เนื่องจากมีกำไรจากการขายหุ้นบริษัท อุตสาหกรรมสหธัญพืช จำกัด และธนาคารทหารไทย จำนวน 167 ล้านบาท ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมลดลง 50 ล้านบาท และเงินปันผลรับลดลง 4 ล้านบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น