วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ปีหน้าดีขึ้นแน่?

ปีหน้าดีขึ้นแน่?
คอลัมน์ วันพุธที่ 15 ตุลาคม 2557 

ประเทศไทยยุคสมัยใช้กฎอัยการศึกโปรโมตการท่องเที่ยว กำลังปลอบใจกันว่าแม้ปีนี้จีดีพีโตแค่ 1.5% แต่ปีหน้าน่าจะโตถึง 5% ดูตัวเลขต่างๆ ก็เห็นแต่โลกสวย เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของกระทรวงพาณิชย์สูงสุดในรอบ 15 เดือน ตัวเลขขอส่งเสริมการลงทุนมีมูลค่า 7 แสนล้านบาท รัฐบาลกำลังระบายงบค้างท่อ 3 แสนล้าน งบลงทุน 58 อีกหลายแสนล้าน ฯลฯ กระทั่งเงินอุ้มชาวนาไร่ละ 1 พันบาทก็คาดว่าจะตีลังกาอภินิหารกระตุ้นเศรษฐกิจได้แปดตลบ ปู่สมหมายเพิ่งไปพบมูดี้ส์ เอสแอนด์พี แล้วคุยว่าปีหน้าเรตติ้งไทยจะขยับเป็น A

ก็ไม่อยากเบรกความฝันอันบรรเจิด เพราะเข้าใจดีว่านักวิเคราะห์นักทำนายตลอดจนผู้รับผิดชอบในภาครัฐต้องคาดการณ์แง่ดีไว้ ขืนคาดแง่ร้ายให้คนตระหนก เศรษฐกิจดีๆ ก็ตกได้
แต่ตัวเลขเป็นจริงในตอนนี้คือ การบริโภคยังไม่ฟื้น การส่งออกมองถึงปีหน้าปีโน้นก็ท่าจะไม่ดีขึ้น การท่องเที่ยวไม่ต้องพูดถึง พึ่งได้อย่างเดียวการลงทุนภาครัฐซึ่งยังไม่ตัดสินใจอะไรเลย ท่านนายกฯ ยังบ่นอยู่ว่าจะให้ทำโน่นทำนี่แล้วหาเงินมาจากไหน
อ้าว ก็หามาจากการไม่ทุจริตคอร์รัปชั่นไงครับ มีคนหวังไว้มากว่ารัฐบาลไม่ทุจริตแล้วงบจัดซื้อจัดจ้างจะลดลง 30% เดี๋ยวคอยดูว่ามีทอนจริงหรือเปล่า
ตัวเลขที่เป็นจริงในตอนนี้คือมนุษย์เงินเดือนจะได้โบนัสน้อยลง การจับจ่ายใช้สอยช่วงปีใหม่ก็น้อยลง แล้วยังคิดว่าหลังปีใหม่จะดีขึ้นเรอะ จีดีพีดีขึ้นแน่เพราะเทียบกับช่วงปิดเมือง แต่เทียบชีวิตความเป็นอยู่ รายได้เมื่อเทียบค่าครองชีพดีขึ้นไหม
ไม่ได้มาจ้องมองโลกแง่ร้ายหรือสาปแช่งให้ฉิบหายหรอก แต่สมมติฐานว่าปีหน้าดีขึ้นแน่ อยู่บนความเชื่อ “การเมืองนิ่ง” ภายใต้กฎอัยการศึก ทุกคนพับเพียบเรียบร้อย มีสภาปฏิรูป คิดสูตรสุดวิเศษแก้ปัญหาประเทศได้ทุกด้านอย่างที่ไม่เคยมีมนุษย์หน้าไหนคิดได้มาก่อน มีกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะทำให้ความขัดแย้งแตกแยกหมดไป ด้วยการให้เลือกตั้ง ส.ส.จังหวัดละคน นายกฯ ไม่ต้องมาจากเลือกตั้ง จากนั้นบ้านเมืองจะวัฒนาสถาพร
ถามว่าความจริงจะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าล่ะ เอาละ ร่างรัฐธรรมนูญภายใต้กฎอัยการศึก บังคับใช้โดยไม่ต้องลงประชามติ ก็คงไม่มีใครกล้าต่อต้าน แล้วไงต่อ จะเลือกตั้งโดยยังคงกฎอัยการศึก จะมีนายกฯ ไม่มาจากเลือกตั้งโดยคงกฎอัยการศึก แบบนั้นจะมีเลือกตั้งทำไม
พูดอย่างนี้ไม่ใช่จ้องขัดแย้งไม่เลิกรา แต่เป็นธรรมดาเมื่อขัดแย้งแตกแยกจนถึงทางตัน ทหารเข้ามาหยุดชั่วคราว คนจำนวนมากก็ยอมรับ แต่พอจะเริ่มต้นใหม่ เราจะเดินไปทางไหน ซ้ายขวาหน้าหลัง ความขัดแย้งก็หวนกลับ และยิ่งแย่กว่าเมื่อตกอยู่ในสภาพถูกบังคับ ฝ่ายหนึ่งตีปีกลอยหน้าลอยตาอีกฝ่ายไม่สามารถเอ่ยปาก
แน่ละไม่มีใครอยากออกมาเสี่ยงกับกฎอัยการศึก แต่จะบังคับไปตลอดชาติได้ไหม เลิกบังคับเมื่อไหร่ก็ถูกตีโต้ ยิ่งกว่านั้นยังอาจเกิดความขัดแย้งใหม่เพราะเป็นธรรมชาติที่ใครมีอำนาจ ถ้าตอบสนองความต้องการไม่ได้ คนที่เคยสนับสนุนก็ไม่พอใจ ยกตัวอย่างง่ายๆ แม้แต่พรรคแมลงสาบ ถ้ามองรัฐธรรมนูญใหม่ตัวเองไม่มีโอกาสมีหรือจะไม่คัดค้าน
เงื่อนไขเหล่านี้ไม่เห็นนักวิเคราะห์ที่ไหนเอาไปใช้เวลาประเมินเศรษฐกิจปีหน้า มีแต่มองว่านับแต่นี้บ้านเมืองจะวัฒนาสถาพรด้วยค่านิยม 12 ประการ
ใบตองแห้ง
14  ต.ค. 57

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น