วันเสาร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2556

ยุคเฟื่องฟู CK กำงานแสนล. ลุ้นงบ Q1/56 กำไรปูด

 ลุ้น CK งบ Q1/56 กำไรปูด รับรู้รายการพิเศษขายหุ้น TTW บันทึกกว่า 8,500 ล้านบาท อีกทั้งมีงานในมือทะลัก จ่อเซ็นสัญญางานใหม่เพิ่มอานิสงส์อีกราว 2.8 หมื่นลบ. ปัจจุบันตุนงานแล้ว 1.18 แสนลบ. คาดสิ้นปีแตะ 2 แสนลบ. ด้านนักวิเคราะห์เชียร์สุดใจ เพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 30.50 -33.50 บ.

        วัฏจักรขาขึ้นวงการก่อสร้างอันได้รับผลดีโดยตรงจากเม็ดเงินลงทุนหลากโครงการยักษ์ของรัฐบาลยังคงหนุนนำให้ผู้ประกอบการก่อสร้างรายใหญ่สามารถกอบโกยงานมากขึ้นต่อไป ซึ่งในงบสิ้นปีที่ผ่านมาล้วนแสดงชัดเจนแล้ว และยังน่าจะลากยาวต่อไปทำให้ CK หนึ่งในเจ้าใหญ่ของไทยจะมีตัวเลขงบการเงินสวยๆ มาโชว์ผู้ถือหุ้นได้ต่อไปอีกครั้ง
*** ยุคเฟื่องฟู CK สิ้นปีหวังคว้างานในมือแตะ 2 แสนลบ.
        แหล่งข่าวจากบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่า ปัจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญารับงานใหม่เพิ่มมูลค่า 2.8 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็น 3 โครงการ ได้แก่ โครงการของบางปะอินโคเจนเนอเรชั่น เฟส2 โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวสัญญา 2 ระบบวางราง และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง สัญญา 4 โดยคาดว่า ปีนี้บริษัทฯ จะสามารถเซ็นสัญญารับงานดังกล่าวได้ทั้งหมด โดยโครงการที่คาดว่าบริษัทฯ จะเข้าประมูลเพิ่มเติมในช่วงหลังจากนี้ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีชมพู สายสีส้ม รถไฟฟ้ารางคู่ มอเตอร์เวย์ แอร์พอร์ตลิ้ง สุวรรณภูมิเฟส2 ท่อส่งก๊าซของ ปตท. และโครงการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล
         ทั้งนี้ คาดว่า รายได้ปีนี้จะเติบโต 25-30% จากปีก่อน หรืออยู่ที่ 2.5-2.8 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็นงานประเภทก่อสร้าง 2.3 หมื่นล้านบาท และที่เหลือเป็นรายได้จากเงินปันผลต่างๆ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 1.18 แสนล้านบาทและคาดว่าในช่วงสิ้นปีนี้ก็มีโอกาสที่งานในมือจะถึง 2 แสนล้านบาทได้จากการเข้าประมูลงานต่างๆเพิ่มขึ้น
**** ศักยภาพทำกำไรยอดเยี่ยม ตัวเลขการเงินแกร่ง ลุ้นงบ Q1 สวย
          ผู้บริหารยังระบุอีกว่า ในปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้น(Gross margin)ราว 10-11%ใกล้เคียงปีก่อนที่อยู่ระดับ 11.37% แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้นก็ตาม
          ส่วนกรณีการจ่ายปันผลพิเศษนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีข้อสรุปเกี่ยวกับข้อเสนอของผู้ถือหุ้นที่ให้มีการจ่ายปันผลพิเศษจากเงินที่ได้รับมาจากการขายหุ้น TTW จำนวน 11% ให้กับบมจ.ทางด่วนกรุงเทพ (BECL)ที่มีกำไรราว 2.2 พันล้านบาท โดยจะบันทึกเข้ามาในไตรมาส1/56 โดยในเบื้องต้นบริษัทฯ มีแนวทางที่ต้องการลดระดับหนี้สินต่อทุน (ดี/อี)ลง จากปัจจุบันที่อยู่ระดับ 2.5 เท่าซึ่งหากบันทึกกำไรจากการขายหุ้นดังกล่าวเข้ามาแล้ว จะเหลือ 1.5 เท่า ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ ก็ต้องการอยากรักษาระดับดี/อี ให้ได้อยู่ที่ 1.5 เท่า และก็ตั้งเป้าในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าระดับดี/อี ก็จะรักษาให้ได้อยู่ในระดับประมาณ 1.5 เท่า
          ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแนวทางการใช้เงินกำไรจากการขายหุ้น 3 แนวทาง ได้แก่ นำไปใช้หนี้เพื่อลดต้นทุนของดอกเบี้ยเงินกู้จากสถาบันการเงิน นำไปใช้ลงทุนรองรับการดำเนินกิจการและขยายการอรงรับงานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และนำไปใช้ลงทุนในโครงการไซยะบุรี ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างฝายและโรงไฟฟ้าในลาวที่ตั้งงบลงทุนสำหรับการลงทุนในไซยะบุรีเป็นจำนวน 600-700 ล้านบาท
           สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/56 จะเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 568 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯจะบันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้นและกำไรจากผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา
*** *ชี้งบโค้งแรกคาดบันทึกกว่า 8,500 ล้านบาท 
         บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า CK จะมีความโดดเด่นจากผลการดำเนินงาน โดยเฉพาะใน 1Q/56 ที่คาดมีกำไรจากรายการพิเศษรวมกว่า 8,500 ล้านบาท ส่งผลให้ Equity ดีขึ้น และทำให้ BV เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมที่ 5.26 บาท เป็น 10.13 บาท ซึ่งจากการคำนวณโดยใช้ PBV เดิมที่ 3.0 เท่า ทำให้ราคาเป้าหมายในปี’56 เพิ่มขึ้นจากเดิม 15.75 บาท เป็น 30.50 บาท หรือคิดเป็น PE ประมาณ 6 เท่า (จาก EPS ที่ 5.37 บาท แต่ภายใต้ EPS จากการดำเนินงานปกติ ที่ 0.16 บาท PE จะอยู่ในระดับที่สูงกว่า 100 เท่า)
        ทั้งนี้หลัง CK ขายเงินลงทุนใน TTW สัดส่วน 11% หรือจำนวน 438.9 ล้านหุ้น @7.55 บาท และสัดส่วนการถือหุ้นลดลงเหลือ 19.04% หรือ 759.5 ล้านหุ้น ทำให้ใน 1Q/56 มีการบันทึกกำไรจากรายพิเศษในงบกำไร – ขาดทุน ได้แก่ (1) กำไรจากการขายหุ้น ประมาณ 2,221 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนต่างระหว่างราคาขาย (7.55 บาท) และต้นทุน (2.49 บาท/หุ้น) หรือ 5.06 บาท/หุ้น (2) กำไรในส่วนที่ Mark to Market ณ วันสิ้นงวด 1Q/56 หลังมีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นของ TTW ลดลงเหลือ 19% ซึ่งหากอ้างอิงราคาของ TTW ล่าสุดที่ 10.90 บาท คาดมีกำไรสูงถึง 6,500 ล้านบาท และคาดทำให้ผลการดำเนินงานใน 1Q/56 โดยเฉพาะกำไรสุทธิเติบโตอย่างโดดเด่นซึ่งกำไรสุทธิที่โดดเด่นใน 1Q/56 คาดทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นดีขึ้น โดยเฉพาะกำไรสะสมที่คาดเพิ่มขึ้นจาก 296 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี’55 เป็นประมาณ 8,700 ล้านบาท ทำให้คาด Net Debt / Equity ปรับตัวดีขึ้น คาดจาก 2.55 เท่า เมื่อปี’55 ลงมาอยู่ต่ำกว่า 2 เท่า ซึ่งเป็นเป้าหมายของ CK และมีความเป็นไปได้ที่จะลดลงไปถึง 1.5 เท่า

***
ความน่าสนใจและความเสี่ยง
           บล.ทิสโก้ แนะนำ “ซื้อ” CK มูลค่าที่เหมาะสม 33.5 บาท เนื่องจาก 1) แนวโน้มงานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจากโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะทำให้งานในมือและรายได้ของ CK เพิ่มขึ้น 2) สถานะการเงินของ CK ที่ดีขึ้นจากการขาย TTW และ 3) กำไรจากการจดทะเบียนบริษัท CK Power ในตลาดหลักทรัพย์ ทว่าความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังคือ 1) ความล่าช้าในการก่อสร้าง 2) โครงการที่น้อยกว่าคาดและ 3) ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น