ตระกูล"โพธารามิก" ได้ฤกษ์ดัน"โมโน กรุ๊ป" เข้าตลาดเอ็ม ไอ ไอ คาดเทรดไตรมาส 2 ระดมทุน 245 ล้านหุ้น นำเงินต่อยอดธุรกิจทั้งใน-ต่างประเทศ พร้อมโดดร่วมประมูลทีวีดิจิตอล คาดใช้งบลงทุนทั้งหมด 2 พันล้านบาท
พร้อมได้แต่งตั้งให้บริษัท แอดไวเซอรี่พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีบริษัทหลักทรัพย์ 2 แห่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) กสิกรไทย จำกัด(มหาชน)(บมจ.) และบมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปต่อยอดธุรกิจทั้งการขยายธุรกิจในต่างประเทศ การลงทุนเพิ่มในคอนเทนต์ การลงทุนเพิ่มในอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การขยายพื้นที่สำนักงานและการเข้าลงทุนในกิจการอื่นๆ ที่น่าสนใจ รวมทั้งการประมูลช่องสัญญาณโทรทัศน์ระบบดิจิตอล ซึ่งหากบริษัทประมูลได้ น่าจะต้องใช้เวลาลงทุนในช่วงปี 2556-2558 ด้วยงบลงทุนประมาณ 1 พันล้านบาท ในส่วนของธุรกิจในต่างประเทศคาดว่าจะเริ่มลงทุนได้ภายในปี 2556-2558 โดยจะมีการขยายการลงทุนเพิ่มในบริษัทย่อยในประเทศเกาหลี อินโดนีเซีย โดยใช้งบลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท และมีแผนลงทุนเพิ่มเติมในประเทศกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) โดยจะใช้งบลงทุนประมาณ 350 ล้านบาท
นวมินทร์ กล่าวว่า โมโน กรุ๊ป เป็นผู้ให้บริการข้อมูลและสาระบันเทิงผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ สื่ออินเตอร์เน็ต โทรศัพท์เคลื่อนที่และโทรศัพท์พื้นฐาน โดยบริษัท มีบริษัทลูกในเครือ ทั้งหมด 8 บริษัท โดยแบ่งการประกอบธุรกิจออกเป็น 2 สายธุรกิจ คือ 1.ธุรกิจสื่อและการให้บริการข้อมูล 2. ธุรกิจให้บริการด้านความบันเทิง ด้านธุรกิจสื่อ เช่น เว็บไซต์เอ็มไทย และธุรกิจโมโนโมบาย เป็นธุรกิจที่ให้บริการคอนเทนต์ผ่านระบบมือถือในรูปแบบ SMS, MMS, IVR, Mobile Internet (WAP) และ App. โดยบริษัทผนึกกำลังกับ 3 โอเปอเรเตอร์ คือ เอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟเอช รวมทั้งยังมีพาร์ตเนอร์ เช่น สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี และสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7
นอกจากนี้บริษัทได้มีการร่วมกับพันธมิตรในต่างประเทศ เช่น INDOSAT, TELKOMSEL, KT อีกทั้งยังมีพันธมิตรอีกหลายรายที่จะร่วมมือกันดำเนินธุรกิจในเร็วๆ นี้ด้วย สำหรับในประเทศไทยหลังจากที่ได้มีการประมูล 3จี เสร็จสิ้นแล้ว แนวโน้มการใช้อินเตอร์เน็ตผ่านมือถือ ก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บริษัทสามารถสร้างสรรค์บริการ และเพิ่มรายได้ในช่องทางใหม่ๆ ด้วย
ด้านโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของโมโน กรุ๊ป มีนายพิชญ์ โพธารามิก ถือหุ้น 87.11% และหลังเสนอขายหุ้นไอพีโอ สัดส่วนการถือหุ้นจะลดลงเหลือ 71.87 % สำหรับผลการดำเนินงานปี 2555 มีรายได้รวม 1.56 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 607 ล้านบาท
สำหรับปี 2556 คาดว่าจะมีรายได้และกำไรสุทธิเติบโตอย่างน้อย 30 % ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิในอดีต นอกจากนี้บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษี และหลังหักสำรองตามกฏหมาย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,833 วันที่ 7 - 10 เมษายน พ.ศ. 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น