วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

BTS เก็งงวดปี 56/57 ผู้โดยสารโต 8-10% ทำนิวไฮ 7.25 แสนเที่ยว/วันแล้ว

วันพุธที่ 10 เมษายน 2556 เวลา 15:48:21 น. 
ผู้เข้าชม : 510 คน 

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าในงวดปี 56/57 (เม.ย.56-มี.ค.57) จะมีจำนวนผู้โดยสารจะเติบโต 8-10% จากงวดปีก่อนที่มีจำนวน 197 ล้านเที่ยว โดยเมื่อวันที่ 27 มี.ค.56 ทำสถิติจำนวนผู้โดยสารสูงสุดที่ 7.25 แสนเที่ยว/วัน จากเดิมที่เคยทำยอดสูงสุดที่ 7.15 แสนเที่ยว/วันในวันที่ 14 ก.พ. 56 ซึ่งงวดปีที่ผ่านมายอดผู้โดยสารเติบโต 12%
ทั้งนี้ การเติบโตของจำนวนผู้โดยสารมีสาเหตุมาจากปัญหาการจราจรบนท้องถนนที่ติดขัดมาก และมีการโยกย้ายของประชาชนเข้ามาอยู่ในคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้ามากขึ้นเป็นผลให้มีการใช้รถไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยยอดผู้โดยสารช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็ปรับตัวสูงขึ้นมากมาที่ระดับ 4-5 แสนเที่ยว/วัน จากเดิมอยู่ที่ 3 แสนเที่ยว/วัน ส่งผลทำให้มีส่วนต่างกับผู้โดยสารในวันธรรมดาไม่สูงมากเหมือนในอดีต
ขณะที่ บริษัทได้เตรียมเพิ่มขบวนรถไฟฟ้า 4 ตู้ต่อขบวน จำนวน 26-27 ขบวน จากทั้งหมด 35 ขบวน ภายในสิ้นเดือนเม.ย.นี้ เพื่อรองรับการเดินรถเส้นทางสุขุมวิทที่มีผู้โดยสารเพิ่มมาก โดยเฉพาะช่วงเร่งด่วน ขณะที่สายสีลม ได้เตรียมเพิ่มรถไฟฟ้าอีก 5 ขบวนเป็น 12 ขบวน แบบ 4 ตู้ ภายในสิ้นปี 56 ซึ่งจะมีการทยอยส่งมอบรถไฟฟ้าเข้ามา รวมทั้งบริษัทได้เตรียมเงินลงทุนประมาณ 2 พันล้านบาท สำหรับซื้อรถไฟฟ้า 7 ขบวน แบบ 4 ตู้ รองรับการเดินรถส่วนต่อขยายช่วง แบริ่ง-สมุทรปราการ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะสั่งซื้อได้ในปี 60 และใช้จริงในปี 62
นอกจากนี้ ยังคาดว่าในเดือน ธ.ค.56 จะสามารถเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้าจากสถานีวงเวียนใหญ่ไปสถานีบางหว้าได้ หลังจากการประเมินงานก่อสร้างที่มีความคืบหน้าไปมาก โดยปัจจุบันมีการทดลองการเดินรถสถานีวงเวียนใหญ่ไปสถานีโพธินิมิตร และสถานีตลาดพลู
สำหรับกองทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอสโกรท (BTSGIF) มองว่าจากการโรดโชว์พบว่านักลงทุนสถาบันทั้งใน และต่างประเทศให้ความสนใจจองซื้อเกินขนาดของกองทุนถึง 25 เท่า ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ค่อนข้างมาก ส่วนนักลงทุนรายย่อยจองซื้อเข้ามาเกินกว่า 2 เท่า โดยรวมจองซื้อเกิน 7 เท่า ซึ่งได้เคาะขายราคาสุดท้ายหน่วยละ 10.80 บาท และวานนี้ นักลงทุนต่างชาติได้เข้ามาแลกเงินบาท เพื่อนำไปซื้อกองทุน BTSGIF จำนวน 2.68 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณว่า 40% ของวงเงินกองทุน BTSGIF รวม 6.25 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ บริษัทจะได้รับเงินจากการขายกองทุน BTSGIF ในวันที่ 17 เม.ย.นี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ในวันที่ 19 เม.ย. นี้
ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนมาซื้อหน่วยลงทุน 1 ใน 3 ของ BTSGIF เป็นเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท และกันเงินไว้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับการไถ่ถอนหุ้นกู้ ส่วนเงินที่เหลือกว่า 3 หมื่นล้านบาท จะนำไปใช้ในการลงทุนเดินรถเส้นทางใหม่ต่อไป ซึ่ง BTSC จะเข้าร่วมประมูล ซึ่งคาดว่าจะมีการประมูลเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบ่งริ่ง-สมทุรปราการ ก่อนเส้นอื่น และเส้นทางนี้จะมีการต่อขยายไปถึงบางปูในระยะต่อไป นอกจากนี้ปีนี้จะมีการประมูลสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย -มีนบุรี และสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ซึ่งเป็นเส้นทางที่บริษัทเข้าร่วมประมูลเดินรถต่อไป
ขณะที่ BTSC เมื่อได้ขายรายได้ล่วงหน้าในการเดินรถให้กับกองทุน BTSGIF จะไม่มีรายได้เข้าบริษัท แต่จะได้ค่าจ้างเดินรถให้กับ กทม.แทน ซึ่งปัจจุบันมีสัญญาเดินรถอยู่ 3 เส้นทาง ได้แก่ สะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่, อ่อนนุช-แบริ่ง, วงเวียนใหญ่-บางหว้า โดยรวมแล้วบริษัทจะมีรายได้เข้ามาปีละ 1.8 พันล้านบาท คาดว่าจะเข้ามาเป็นรายได้เต็มปีในงวดปี 57/58
อย่างไรก็ดี แม้ว่า BTSC ที่เคยสร้างรายได้หลักของกับ BTS แต่หลังจากนี้ก็จะได้รับรายได้จากบริษัทย่อยอื่นเข้ามาทดแทน ได้แก่ บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ผู้ผลิตสื่อโฆษณานอกสถานที่ และในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส และยังได้เงินปันผลจากกองทุน BTSGIF และคาดว่าในงวดปีนี้ BTS น่าจะมีกำไรดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว
นอกจากนี้ BTS กรุ๊ป ก็ยังมีที่ดินเปล่าอยู่หลายแปลงทั้งในกทม. และต่างจังหวัด มูลค่ารวม (ตามราคาประเมิน) ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ได้แก่ ที่ดินบริเวณหมอชิต 15 ไร่ ที่ดินบริเวณพญาไท 3 ไร่กว่า ใกล้สถานีพญาไท รวมทั้ง BTS ได้ร่วมพันธมิตรบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า โดย BTS จะใช้ที่ดินของตัวเองเข้าร่วมหุ้น แต่ยังระบุไม่ได้ว่าจะประกาศความชัดเจนได้เมื่อใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น