เปิดถนนชีวิต “เซียนวีไอ” ก่อนขึ้นแท่น “กูรูหุ้นสหรัฐอายุน้อย” ของ “เผ่า” ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ เจ้าของเว็บไซด์ jitta.com “ลงทุนมีกำไร"

ชื่อ:  news_img_500008_1.jpg
ครั้ง: 5
ขนาด:  23.8 กิโลไบต์

ธรรมดาซะที่ไหน!! คนไทยคนแรกที่ได้รับประกาศ 1,000,000 leads Google Adwords Certifcation จาก Google เป็นเครื่องการันตีความสามารถเฉพาะตัวของ “เผ่า” ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ผู้โด่งดังบนโลกไซเบอร์ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจการตลาด แถมยังเขียนหนังสือถ่ายทอดประสบการณ์การทำธุรกิจผ่าน Google Make Me Rich หนังสือติดอันดับ Best Seller มาระยะหนึ่ง

เก่งเรื่องเดียวไม่พอ “ชายหนุ่มวัย 31ปี” ยังเป็น “นักลงทุน Value Investor (VI)” ผู้ “หลงรัก” การลงทุนใน “ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา” เป็นชีวิตจิตใจ พอร์ตหลักเท่าไร เจ้าตัว“ไม่ยอมเฉลย” บอกเพียงจากนี้ “ผลตอบแทนจากการลงทุน” เฉลี่ยต่อปีต้องยืนระดับ 26% สูงกว่าผลตอบแทนของ “วอร์เรน บัฟเฟ็ตต์” มหาเศรษฐีด้านการลงทุน ผู้เป็น “ไอดอล” การเล่นหุ้นแนว VI ที่ “ปักธง” ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 23%

“ความหลงใหล” ในตลาดหุ้นต่างประเทศ นำพาสมองและสองมือไปสู่การก่อตั้ง www.jitta.com เมื่อกลางปี 2555 เขาหวังส่งต่อความรู้แบบฟรีๆให้นักลงทุนที่เข้ามาส่องเว็บแห่งนี้ “จิตตดอทคอม” จะรวบรวมข้อมูลพื้นฐาน และงบการเงินย้อนหลัง 5 ปี ของบริษัทจดทะเบียนที่ซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาทั้ง 3,800 บริษัท

ที่สำคัญยังมีโปรแกรมพอร์ตจำลองให้นักลงทุนทดลองเล่นหุ้นต่างประเทศ โดยระบบจะคำนวณผลตอบแทน “กำไรทบต้น” ให้เสร็จสรรพ ชนิดแม่นยำ 100% ยืนยันได้จากผลการลงทุนของพนักงาน 5 คน ที่คอยดูแลเรื่องข้อมูล ณ ฐานประจำการณ์ของ jitta.com ที่ตั้งอยู่ที่โครงการบ้านกลางเมือง ย่านลาดพร้าว 
4 คน กำไรจากการลงทุน ผิดพลาดเพียง 1 คน ที่ขาดทุน เพราะเจอวิกฤติไซปรัสเล่นงาน ทำให้หุ้นไม่เดินไปตามพื้นฐาน เงินจากการลงทุนของพนักงานได้รับการสนับสนุน "ครึ่งหนึ่ง" จาก “หนุ่มเผ่า” อีกส่วนหนึ่งมาจากเงินเดือนของพนักงานแต่ละคน

“ผู้ชายคนนี้เก่งมาก แถมหล่ออีกต่างหาก” “กานต์” ณัฐชาต คำศิริตระกูล “เซียนหุ้น VI” ในฐานะกรรมการสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่าแห่งประเทศไทย เจ้านามแฝง “Mario" ในเว็บไซต์ "ไทยวีไอ" ผายมือพร้อมพูดเชื้อเชิญให้ “กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” ทำความรู้จักกับ “เผ่า” ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ชายหนุ่ม “อัธยาศัยดี คุยสนุก”

“ชอบลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา เล่นมานาน ตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาโท ผมรู้เยอะกว่าคนอื่น รู้จักหุ้นทุกตัว เรียกว่า 3,800 ตัว รู้จักเกือบหมด นี่แหละ คือ “จุดแข็ง” ของผม ถ้าคุยเรื่องนี้ยาว แต่ถ้าเป็นหุ้นในเมืองไทยมีคนเก่งกว่าผมเยอะ" ตราวุทธิ์ เปิดฉายทักทาย ด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรสุดๆ

“หนุ่มเผ่า” นั่งลงบนโซฟา เพื่อบอกเล่าเส้นทางชีวิตก่อนเข้าสู่สังเวียน “เซียนหุ้นสหรัฐอเมริกา” ว่า "ผมเติบโตมามาในธุรกิจขนส่ง และห้องแช่เย็น อาชีพนี้แหละที่คอยเลี้ยงดูน้องคนสุดท้ายอย่างผม และพี่ชายที่อายุห่างกัน 3 ปี และพี่สาวที่ห่างกัน 2 ปี จนเรียนจบมหาวิทยาลัย ตอนเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาใหม่ๆ ผมก็นั่งคิดจะเรียนต่อคณะอะไรดี ช่วงนั้นคณะดังๆ คงหนีไม่พ้นแพทย์ศาสตร์,วิศวะกรรม ศาสตร์,เศรษฐศาสตร์ และนิติศาสตร์

บังเอิญ (เสียงสูง) พี่ชายใช้สิทธิ์เลือกเรียนเศรษฐศาสตร์ก่อน (หัวเราะ) ซึ่งเป็นคณะที่ผมอยากเรียนมาก (ลากเสียงยาว) ส่วนพี่สาวก็เลือกเรียนบัญชี ในเมื่อเขาเลือกเรียนไปแล้ว ผมก็ต้องหนีไปหาความรู้ในคณะอื่นแทน ครั้นจะเรียนนิติศาสตร์ก็คงไม่ไหว ไม่ใช่แนว ฉะนั้นคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังจึงเป็น “ตัวเลือกสุดท้าย” ที่ดีที่สุดในขณะนั้น

หลังเรียนจบปริญญาตรี หนุ่มเผ่าเล่าว่า นั่งคิดอีกว่าจะทำงานอะไรดี สรุปไปได้งานเกี่ยวกับไฟเบอร์ออฟติก แถวรังสิต ใกล้ๆโชคชัยสเต็กเฮ้าส์ ทำได้ 6 เดือน บริษัทจะส่งไปดูงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ถ้าผมยังอยู่ต่อคงต้องทำงานอีก 1-2 ปี จึงตัดสินใจไปขอพ่อกับแม่เรียนไปต่อปริญญาโท เจ้าตัวเผย 
"ช่วงนั้นมีโอกาสได้อ่านหนังสือ Rich Dad Poor Dad (พ่อรวยสอนลูก) ของ “โรเบิร์ต คิโยซากิ” VI หลายคนคงคุ้นเคยดี อ่านจบทำให้ผมเข้าใจ คอนเซ็ป “Financial Freedom” (อิสระทางการเงิน) มากขึ้น"

เรียกว่าเป็น “จุดเริ่มต้น” ที่ทำให้สนใจการลงทุน เพื่อต่อยอดความมั่งคั่งให้กับชีวิต “ผมไม่ต้องการรวยเป็นร้อยล้านพันล้านเหมือนคนอื่น ขอแค่มีเงินเก็บไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็พอแล้ว” 

“ผมชอบอ่านหนังสือแนวบริหารธุรกิจ เพราะอยากทำธุรกิจตั้งแต่เด็กๆ เดินเข้าไปในร้านหนังสือกวาดตาไปเจอเล่มนี้ รู้สึกสะดุดชื่อ ทั้งๆที่หนังสือเล่มนี้ ไม่ได้วางอยู่บนชั้นหนังสือขายดี”

“กูรูหนุ่ม” เล่าต่อว่า หลังลาออกจากงานประจำ ก็บินไปเรียนต่อที่ University of Southern California ตอนนั้นทำงานไปเรียนไป เพราะที่บ้านเขาแสดงจุดยืนชัดเจนว่าจะออกเพียงค่าเรียนให้เท่านั้น ส่วนค่าใช้จ่ายกรุณาดูแลตัวเอง (ยิ้ม) แรกๆตั้งใจจะเก็บเงินจากการเป็นอาชีพแคชเชียร์ให้ได้ 10% ต่อเดือน

แต่สุดท้ายอยาก “รวยเร็ว” ทำให้ต้องเก็บ 20% ต่อเดือน มันเป็นความคิดแบบฮาๆ ของเด็กคนหนึ่ง อาชีพบาร์เทนเดอร์ ทำให้รู้จักเรื่องสูตรเครื่องดื่มเยอะแยะมากมาย ทุกวันนี้เวลามีงานปาร์ตี้ เพื่อนๆมักเรียกใช้บริการตลอด (หัวเราะ) 
ถามว่านำหลักการเก็บเงิน 10% มาจากไหน? เขาหัวเราะ ผมทำตามหนังสือ The Richest Man in Babylon (เศรษฐีชี้ทางรวย) ที่เขียนโดย “จอร์จ แซมมวล เคลสัน” ทำงานเก็บเงินตามหนังสือแนะนำได้สัก 2 ปี จำไม่ได้มีเงินเก็บในกระเป๋าเท่าไร แต่ทุกครั้งที่เปิดซองสีขาว ณ เวลานั้นมันมีสถานภาพเป็นที่เก็บเงินส่วนตัว “ผมรู้สึกภูมิใจมากๆ” เก็บเงินสัปดาห์ละ 40-50 เหรียญ

"คอนเซ็ปประจำตัวผม คือ เชื่อคนที่ “walk the talk " ทำในสิ่งที่พูดแล้วประสบความสำเร็จ ด้วยความที่ยังเด็ก ตอนนั้นใครพูดอะไรก็เชื่อหมด แต่สุดท้ายเหตุผลต้องถูกต้องด้วย ถึงจะทำตาม"

หนุ่มเผ่าเล่าต่อถึงจุดหักเหในชีวิตว่า วันหนึ่งดันทะเลาะกับที่บ้าน ฐานที่ไปลาออกแบบหักดิบจากงานอาชีพแคชเชียร์ เพราะอยากไปทำงานเป็นอาสาสมัครแบบไม่รับเงินเดือน ในศูนย์ส่งเสริมชาวไทย นานถึง 4 เดือน แม้จะทำงานได้สั้นๆ แต่ก็ทำให้รู้แนวทางการทำธุรกิจของตัวเอง

ลาออกจากแคชเชียร์ทำไม? เขาเล่าว่า รู้สึกว่าทำอาชีพนั้นไม่ทำให้สมองมีพัฒนาการขึ้นเลย ที่สำคัญช่วงนั้นมีเป้าหมาย “ร้อนแรง” ตอนโน่นที่บ้านโกรธมาก เพราะเขาขอให้มาช่วยงานที่บ้าน ผมดันไม่ทำ แต่ทะลึ่งไปช่วยคนอื่น (หัวเราะ)

ตอนลาออกไปทำอาสาสมัคร ก็ทำตามหนังสือ Rich Dad Poor Dad อีกนั่นละ เขาสอนว่า ถ้าอยากคิดแบบคนรวย คุณต้องไม่ทำงานเพื่อเงิน แต่ต้องทำงานที่มีความสุขควบคู่ไปกับการหาประสบการณ์ เขาบอกว่า ถ้ายังไม่รู้จะทำอะไรให้ไปเป็นอาสาสมัคร "ผมเลยเดินตาม (หัวเราะ)" 

เขา ยังระบายว่า อาชีพอาสาสมัครในต่างประเทศมันโหดร้ายมาก เวลาโทรไปตามบริษัทต่างๆเพื่อขอเป็นไปช่วยงานฟรีๆ คนปลายสายมักถามว่า “คุณทำเพื่ออะไร มีผลประโยชน์อะไรแอบแฝงหรือเปล่า” หลายบริษัทไม่ยอมรับอาสาสมัครเข้าทำงาน เพราะเขาไม่เชื่อว่าอยากทำงานจริงๆ คิดดูสิแม้กระทั่งวัดไทยในต่างประเทศยังไม่รับเลย มันน่าเจ็บใจจริงๆ

เมื่อมีปากเสียงกับที่บ้าน “พ่อไม่โทรมา ลูกไม่โทรไป” ออกแนว “หยิ่ง” เล็กๆ (หัวเราะ) ทำให้จำเป็นต้องหาเงินมาจ่ายค่าเรียนเทอมสุดท้ายประมาณ 2,000 เหรียญสหรัฐ ตอนนั้นเลือกที่จะรูดบัตรเครดิตแล้วผ่อนชำระขั้นต่ำเดือนละ 100-200 เหรียญสหรัฐ คราวนี้นั่งคิดต่อว่าจะหาเงินจากไหนมาจ่ายค่าบัตรเครดิต

ช่วงนั้นในต่างประเทศธุรกิจออนไลน์มาร์เก็ตติ้งกำลัง “ฮอตฮิต” เลยตัดสินใจนำเงินเก็บมาทำงานแนวนี้ ขั้นต้นง่ายๆ คือ แนะนำลูกค้าผ่านเว็บไซด์ให้ไปซื้อสินค้าตามเว็บไซด์ดังๆ ตอนโน่นถ้าทำให้คนไปซื้อของใน Amazon ได้ จะได้ค่าคอมมิชชั่น 4% หรือถ้าทำให้คนไปสมัครสมาชิกเว็บไซต์ Ebay.com ได้จะได้ค่าคอมฯคนละ 12 เหรียญสหรัฐ หรือหากชวนให้คนไปสมัครบัตรเครดิตได้ เราจะได้ค่าคอมฯมากถึง 50 เหรียญ 

รายได้ดีมากๆ!!

งบลงทุนแทบเป็นศูนย์ แรกๆ “ปักธง” ว่า ต้องได้เงินกลับมาวันละ 100 เหรียญสหรัฐ ระยะเวลาไม่มีกำหนด ถ้าได้ตามเป้าหมายจะบินกลับเมืองไทย ช่วงนั้นก็ทำอาชีพบาร์เทนเดอร์ควบคู่ไปด้วย

“ผมถือเป็นลูกคนเดียวของครอบครัวที่เรียนจบปริญญาโทแล้วไม่ยอมหางานทำ และปฎิเสธที่จะไม่เรียนต่อปริญญาเอกตามคำขอของที่บ้าน”

แถมยังดื้อด้านจะทำธุรกิจของตัวเองอีกต่างหาก ฉะนั้นหากจะกลับเมืองไทยต้องเดินมาอย่างเต็มภาคภูมิ ปัจจุบันอาชีพแนะนำลูกค้าผ่านเว็บไซด์ก็ยังทำอยู่ และเป็นเจ้าของอยู่ 4-5 เว็บไซด์ แต่ขอไม่เปิดเผยชื่อ "ทุกวันนี้ที่บ้านเขาเข้าใจเรามากขึ้น และปล่อยให้เดินตามเส้นทางที่เรากำหนดขึ้นมา"

เมื่อทุกอย่างได้ “ดั่งใจ” เรียกว่าทำงานได้เงินกลับมาเดือนละ 1,000-2,000 เหรียญ แต่เชื่อมั้ยได้เงินเยอะขนาดนั้น "ผมยังรู้สึกไม่พอใจ" อยากมีมากกว่านั้น จึงตัดสินใจบินกลับเมืองไทยตอนเดือนส.ค.2548 กลับมาไม่นาน ก็มีโอกาสเขียนหนังสือเรื่อง Google Make Me Rich ในช่วงเดือนธ.ค.จัดเป็นหนังสือขายดี 

"ผมถือเป็นคนไทยคนแรกๆที่รู้เรื่องธุรกิจบนโลกออนไลน์ (น้ำเสียงภูมิใจ)"

วางขายหนังสือใหม่ๆ หน่วยงานและบริษัทเอกชนหลายแห่ง มาเชิญให้ไปเป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เต็มใจอยู่แล้วจะให้เงินมากเงินน้อย หรือไม่ให้เลย ไม่ซีเรียส เพราะอยากเผยแพร่ความรู้ แต่ทำได้สักพักรู้สึกไม่ไหวแล้ว เพราะการพูด 1 ชั่วโมง ต้องใช้เวลาเตรียมข้อมูลนานถึง 3 วัน ทำให้ปี 2556 งดรับงานพูดทุกชนิด อยากทุ่มเวลาให้กับการพัฒนาเว็บไซด์ Jitta.com ถ้าลงตัวแล้วค่อยว่ากันใหม่

สิ้นปี 2556 อยากมีสมาชิก 10,000 คน ส่วนปีหน้า 100,000 คน จากวันนี้ที่มีสมาชิกแค่ 100 คน อนาคตอาจหารายได้จากการโฆษณาเหมือนที่ Facebook ,Google และ Instagram เขาทำกัน พวกนั้นทำฟรีหลายปีกว่าจะมาหาเงิน จริงๆเป้าหมายของการทำเว็บแห่งนี้ไม่ได้ทำเพื่อเงิน แต่ทำเพราะความชอบหุ้นต่างประเทศ และอยากช่วยซัพพอร์ทข้อมูลให้นักลงทุนที่ต้องการลงทุนหุ้นต่างประเทศ 

"ผมอยากเห็น Jitta.com โกอินเตอร์” นี่คือ เป้าหมายของนักลงทุน VI

โปรดติดตาม “เป้าหมาย VS กลยุทธ์” การลงทุนแนว VI ที่ “ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์” ใช้เลือกเก็บหุ้นเมืองไทยและหุ้นสหรัฐฯ รวมถึงคำแนะนำการลงทุนหุ้นต่างประเทศได้ในสัปดาห์หน้า

“หาอ่านได้ที่ “กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” ที่เดียวเท่านั้น...