“ธนินท์” มั่นใจซีพี ออลล์ ซื้อหุ้นสยามแม็คโครคุ้มราคา 


นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) กล่าวยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนเพื่อเข้าซื้อกิจการ บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) เพราะบริษัทสามารถใช้เงินกู้และกระแสเงินสดที่มีอยู่ได้ แต่ก็ยอมรับว่าราคาซื้อหุ้น MAKRO ค่อนข้างแพง แต่เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ถือว่าคุ้มราคา ซึ่งทาง CPALL มีแผนจะขยายสาขา MAKRO ในต่างประเทศ อีกทั้งอาจจะมีการพัฒนาร้านสาขาไปสู่รูปแบบของซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วยและในอนาคตยังมีแผนจะนำสินทรัพย์ของ MAKRO มาจัดตั้งเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากทำเลที่ตั้งของ MAKRO เป็นทำเลที่มีศักยภาพในการเติบโตทางธุรกิจ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้น บริษัท ซีพี ออลล์ (CPALL ) ร่วงร้อยละ 10.34 มาอยู่ที่ 39 บาท ลดลง 4.50 บาท ติดอันดับหุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง ขณะที่หุ้น บริษัท สยาม แม็คโคร (MAKRO ) พุ่งมาอยู่ที่ 754 บาท เพิ่มขึ้น72 บาท หรือร้อยละ10.56 ติดอันดับหุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุดเป็นอันดับสอง

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส วิเคราะห์ว่า การที่บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) การซื้อกิจการ บมจ.สยามแมคโคร(MAKRO) โดยซื้อหุ้น MAKRO ที่ราคา 787 บาทต่อหุ้น คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นไป ส่วนการที่แหล่งเงินทุนส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ ดังนั้นอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.3 เท่า ณ ปลายปี 2556 และในอนาคตก็จะทยอยลดลง เมื่อมีการชำระคืนหนี้เงินกู้ สำหรับประโยชน์ที่ได้จากการซื้อกิจการคือ อำนาจในการต่อรองการสั่งซื้อสินค้ามาจำหน่าย จะแข็งแกร่งมาก อีกทั้งสามารถใช้สาขาของ MAKRO ที่มีอยู่มาบริหารให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ MAKRO ในการบุกตลาดในโซนเอเซีย เพราะไม่มีข้อจำกัดแต่อย่างใด 

อย่างไรก็ตาม ดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นและประโยชน์จากการซื้อในช่วงแรกๆจะยังไม่เห็นผลนัก จึงได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2556 ลง ร้อยละ 3 แต่เพิ่มกำไรสุทธิปี 2557 อีกร้อยละ 8 เพื่อสะท้อนอัตรากำไรที่สูงขึ้น และได้รับกำไรจากการทำงบรวมกับ MAKRO เต็มปี

บทวิเคราะห์จาก บล.เกียรตินาคิน ปรับราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น 63 บาท แม้ซื้อ MAKRO แพงกว่ามูลค่าทางบัญชีหุ้น MAKRO ถึง 18 เท่า และสูงกว่าราคาตลาด ถึงร้อยละ 15 แต่ระยะยาวเรามีมุมมอง บวก ต่อโอกาสเติบโตโดยเฉพาะผลจากการประหยัดต่อขนาด การใช้ประโยชน์ร่วมกันจากระบบกระจายสินค้า และโอกาสขยายสาขาต่างประเทศ คาดว่าผลบวกจากการควบรวมจะเริ่มเห็นเต็มปี 2557 เป็นต้นไป ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2556-2558 ของ CPALL จะเติบโตเฉลี่ย ร้อยละ 24 ดีขึ้นเทียบกับก่อนควบรวมเติบโต ร้อยละ 12

ที่มา : สำนักข่าวไทย