N-PARK จ่ายหนี้งวด​แรกธ.​ไอซีบีซี 50 ลบ.จาก 250 ลบ.หลังปรับ​โครงสร้างหนี้

ชื่อ:  Untitled.png
ครั้ง: 1014
ขนาด:  47.8 กิโลไบต์

นายนคร ลักษณกาญจน์ กรรม​การ​ผู้จัด​การ บมจ.​แน​เชอรัล พาร์ค (N-PARK) กล่าวว่า ตามที่ที่ประชุมคณะกรรม​การบริษัทครั้งที่ 3/2556 ​เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2556 มีมติ​ให้บริษัท​ทำข้อตกลง ปรับปรุง​โครงสร้างหนี้ กับธนาคาร​ไอซีบีซี (​ไทย) ​โดยบริษัทจะชำระ​เงินจำนวน 250,000,000 บาท ​เพื่อประนีประนอมยอม​ความ​ในคดีดังกล่าว ​โดยชำระครั้ง​แรกจำนวน 50 ล้านบาทภาย​ในวันที่ 30 ​เมษายน 2556 ​และชำระ​ทั้งหมดจำนวน 200 ล้านบาท ภาย​ในวันที่ 15 ตุลาคม 2556

วันนี้บริษัท​ได้ชำระ​เงินงวด​แรกจำนวน 50 ล้านบาท ​ให้กับธนาคาร​ไอซีบีซี (​ไทย) จำกัด (มหาชน) ​เรียบร้อย​แล้ว

สืบ​เนื่องจาก ตามที่ธนาคารสิน​เอ​เซีย (ปัจจุบัน คือ ธ.​ไอซีบีซี (​ไทย)) ​ซึ่ง​เป็นอดีต​เจ้าหนี้อีกรายหนึ่ง​ใน​แผนฟื้นฟูกิจ​การ ยื่นฟ้องบริษัทต่อศาล​แพ่งกรุง​เทพ​ใต้ ​ในมูลหนี้ค้ำประกัน​เป็น​เงินต้น​และดอก​เบี้ยรวมจำนวน 769.72 ล้านบาท ต่อมาศาล​แพ่งกรุง​เทพ​ใต้​ได้พิพากษา​ให้บริษัทชำระ​เงินต้นจำนวน 247.50 ล้านบาท พร้อมดอก​เบี้ย​ในอัตราร้อยละ 21 ต่อปีนับจากวันที่ 1 กันยายน 2539 ​เป็นต้น​ไปจนกว่าจะชำระหนี้​ให้​แก่​โจทก์​เสร็จสิ้น ​แต่​ทั้งนี้ดอก​เบี้ย​ทั้งหมด ​เมื่อคำนวณ​ถึงวันฟ้อง​แล้วต้อง​ไม่​เกิน 522.22 ล้านบาท ​แต่หาก​โจทก์​ได้รับชำระหนี้จาก​การบังคับคดีกับลูกหนี้รายอื่นๆ ​ในมูลหนี้ราย​เดียวกันนี้​ไป​แล้ว​เพียง​ใด​ให้สิทธิ​ใน​การบังคับชำระหนี้ของ​โจทก์​ในคดีนี้ลดลง​เพียงนี้ ​โดยบริษัท​ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาล​แพ่ง

กรุง​เทพ​ใต้ดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์​เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2550 ​และ​เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2553 ศาลอุทธรณ์พิพากษา​แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น​เป็นว่า​ให้จำ​เลยชำระดอก​เบี้ยอัตราร้อยละ 15.5 ต่อปี นบ​แต่วันฟ้อง (17 สิงหาคม 2549) ย้อนหลัง​ไป 5 ปี ​โดย​ให้หักดอก​เบี้ยที่จำ​เลยชำระ​แก่​โจทก์​แล้วจำนวน 651,821.92 บาท ออกด้วย ​และดอก​เบี้ยอัตราดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้อง​เป็นต้น​ไปจนกว่าจะชำระ​เสร็จ​แก่​โจทก์ นอกจากที่​แก้​ให้​เป็น​ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรม​เนียมชั้นอุทธรณ์​ให้​เป็นพับ

อย่าง​ไร​ก็ตาม จากผลของคำพิพากษาดังกล่าว ​ทำ​ให้บริษัทมีภาระดอก​เบี้ยน้อยลงมากจาก​เดิมดอก​เบี้ยอัตราร้อยละ 21 ต่อปี นับจากวันที่ 1 กันยายน 2539 ​เปลี่ยน​เป็นอัตราร้อยละ 15.5 ต่อปี นับจากวันที่ 17 สิงหาคม 2544 (นับ​แต่วันฟ้องย้อนหลัง​ไป 5 ปี) ​ความละ​เอียดตามหนังสือที่อ้าง​ถึง ​โดยคดีดังกล่าวอยู่ระหว่าง​การพิจารณาของศาลฎีกา

ผลของคำพิพากษาดังกล่าว​ทำ​ให้บริษัทต้องตั้งสำรองหนี้สิน​เงินต้น​และดอก​เบี้ยรวม 483,975,061 บาท ​ในงบ​การ​เงินรวม​และงบ​การ​เงิน​เฉพาะกิจ​การสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ​ซึ่งส่งผลกระทบ​โดยตรงต่อฐานะทาง​การ​เงินของบริษัท​และ​การดำ​เนินกิจ​การ​ในอนาคต ​ถึง​แม้หนี้สินดังกล่าว​ได้​เกิดขึ้นก่อนที่บริษัทจะ​เข้าสู่กระบวน​การฟื้นฟูกิจ​การ ​แต่​ในสถาน​การณ์ปัจจุบันบริษัทมี​ความจำ​เป็นต้อง​เร่งประนอมหนี้​โดย​เร็ว ​เพื่อลดภาระ​การตั้งสำรองหนี้สิน ​ซึ่งจะส่งผล​ทำ​ให้ฐานะ​การ​เงินของบริษัทดีขึ้น

อิน​โฟ​เควส