‘ไทยพาณิชย์’พุงกาง
แพ็กเกจกู้เงินCPALL

ข่าวหน้าหนึ่ง วันพุธที่ 24 เมษายน 2556 
ผู้เข้าชม : 13 คน 

“ไทยพาณิชย์” (SCB) ยกซดเฉพาะค่าฟี 0.5-1% ไม่รวมดอกเบี้ยจากดีล CPALL ซื้อหุ้นแม็คโคร 1.88 แสนล้านบาท ยันเงินกองทุนแข็งโป๊ก พอต่อการปล่อยสินเชื่อ ด้านโบรกฯ แนะนำ “ซื้อ” SCB เล็งปรับการโตของสินเชื่อ กำไร และราคาพื้นฐานใหม่หมด

นายอาทิตย์ นันทวิทยา รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า ธนาคารได้เป็นที่ปรึกษาทางการเงินแต่เพียงผู้เดียวในการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO  ของบริษัท ซีพี ออล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL และเป็นหนึ่งในผู้จัดการวงเงินสินเชื่อร่วมกับธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น (HSBC) ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ธนาคารยูบีเอส เอจี และธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเข้าร่วมในการจัดเตรียมวงเงินสินเชื่อร่วม

สำหรับค่าธรรมเนียมในการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินของบล.ไทยพาณิชย์ ที่จะได้รับอยู่ที่ประมาณ 0.5-1% หรือคิดเป็นเม็ดเงินที่ได้จะได้รับประมาณ 1-2 พันล้านบาท โดยจะไม่รวมดอกเบี้ยจากการที่ได้สิทธิปล่อยสินเชื่อในการซื้อหุ้น MAKRO

“เงินที่จะใช้ซื้อหุ้น MAKRO ประมาณ 10% จะมาจากเงินทุนหมุนเวียน ส่วนที่เหลือจะมาจากการกู้สถาบันการเงิน โดยการกู้จะเป็นในรูปของสกุลดอลลาร์ โดยเราเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้ CPALL ซึ่งคาดว่าจะมีธนาคารประมาณ 7-8 แห่ง ที่ร่วมปล่อยกู้ครั้งนี้” นายอาทิตย์ กล่าว

สำหรับวงเงินในการปล่อยกู้ในครั้งนี้จะอยู่ที่ 800-1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 2.8-3 หมื่นล้านบาท ซึ่งทุกธนาคารจะให้วงเงินเท่ากันหมด และอายุในการกู้อยู่ที่ 1 ปี โดยการทำดีลนี้ต้องกู้เงินมูลค่า 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งคิดในอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดีปกติ

วงเงินในการซื้อกิจการครั้งนี้ถือเป็นเม็ดเงินที่จำนวนมากที่สุดของการซื้อหุ้นในกิจการที่ดำเนินการในประเทศไทย ที่ 188,880 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ แบ่งเป็นเงินเหรียญสหรัฐ 75% เงินบาทไทย 15% และกระแสเงินสดของซีพีอีก 10%

โดยแหล่งเงินนั้นจะมีการกู้เงินจากสถาบันการเงินต่างประเทศ และสถาบันการเงินไทยที่อยู่ระหว่างการเจรจาอีก 2 แห่ง ซึ่งเบื้องต้นขณะนี้ใช้สถาบันการเงิน 5 แห่ง โดยทำให้หนี้สินต่อทุนของซีพีออลล์อยู่ที่ 5 เท่า แต่เนื่องจากปัจจุบันซีพี ออลล์ ซึ่งมีกระแสเงินสดดีมากจึงไม่มีปัญหาการเงินตึงตัวอย่างแน่นอน

นายอาทิตย์ กล่าวว่า ภายหลังจากดีลซื้อหุ้น MAKRO เสร็จแล้วธนาคารจะเข้าไปจัดโครงสร้างทางการเงินให้ CPALL ใหม่เพื่อให้ต้นทุนถูกลง โดยอาจจะใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินในรูปแบบอื่น เช่น การออกหุ้นกู้ หรือการออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมองว่า MAKRO มีที่ดินอยู่ราว 20-30 ไร่ โดยสามารถออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ได้

“ปีนี้ถ้าดูตัวเลขสินเชื่อรายใหญ่อาจไม่โตมาก แต่ค่าฟีเราโตเยอะ ซึ่งครึ่งปีหลังตัวเลขสินเชื่อจะขยายตัวมากขึ้น แต่ตอนนี้เรายังมีดิลในมืออีกเป็นจำนวนมาก และปีนี้เราตั้งเป้าโตค่าฟีอยู่ที่ 30% โดยเชื่อว่าน่าจะเกินเป้าหมายได้อย่างแน่นอน” นายอาทิตย์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม การที่ธนาคารปล่อยกู้ในครั้งนี้จะไม่กระทบต่อฐานเงินกองทุนแต่อย่างใด ซึ่งธนาคารเชื่อมั่นว่าเงินกองทุนที่มีอยู่ในปัจจุบันเพียงพอต่อการปล่อยกู้ และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุน โดยในปีนี้ยังมีอีกหลายโครงการที่ธนาคารจะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งจะสร้างรายได้ และค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า การที่ SCB เป็นทั้งที่ปรึกษา และปล่อยกู้ในครั้งนี้จะทำให้สินเชื่อธนาคารเพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิม 14% เป็น 15-16% ทำให้รายได้ค่าธรรมเนียม และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1 พันล้านบาทต่อปี ถ้าคิดดอกเบี้ย MLR ที่ 7% ซึ่งยังมีอีกหลายโครงการที่ SCB จะได้ทำ โดยทำให้อาจมีการปรับประมาณการ และกำไรเพิ่มขึ้น

นักวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 212 บาท ซึ่งปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่งจากการเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่วนฐานเงินกองทุนยังแข็งแกร่ง มีเงินกองทุนตามเกณฑ์ Basel III เท่ากับ 16.37% และเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับ 11.87%  ซึ่งราคาเหมาะสมอิง Prospect P/BV ที่ระดับ 2.8 เท่า และ Ke 10.24% ได้เท่ากับ 212 บาท และคงคำแนะนำ“ซื้อ”