ค่าไฟงวดใหม่ลด5.12ส.ต.-แถมล้างหนี้กฟผ. เรกูเลเตอร์ชี้อานิสงส์บาทโป๊ก
ค่าไฟงวดใหม่ลด5.12ส.ต.-แถมล้างหนี้กฟผ. เรกูเลเตอร์ชี้อานิสงส์บาทโป๊ก
นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือ เรกูเลเตอร์เปิดเผยว่า ที่ประชุมพิจารณาประมาณการค่าไฟฟ้าตามสูตรอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที) เห็นชอบอนุมัติให้ปรับลดค่าเอฟทีในงวด พ.ค.-ส.ค. 2556 ลง 5.12 สตางค์/หน่วย ทำให้ค่าเอฟทีในงวดดังกล่าวมาอยู่ที่46.92 สตางค์/หน่วย จากงวดก่อนหน้า (ม.ค.-เม.ย. 2556)ที่อยู่ที่ 52.04 สตางค์/หน่วยเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐาน จะทำให้ค่าไฟฟ้าในงวดล่าสุดมาอยู่ที่ 3.74 บาท/หน่วย(รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) จากงวดก่อนหน้าที่ 3.79 บาท/หน่วย
ทั้งนี้ สาเหตุที่ค่าไฟฟ้าลดลง เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนของไทยแข็งค่าขึ้นจากที่คำนวนเฉลี่ยไว้ที่ 30.82 บาท/ดอลลาร์สหรัฐมาอยู่ที่ 29.87 บาท/ดอลลาร์สหรัฐส่งผลให้ราคาน้ำมันเตาลดลงเหลือ 20.63 บาท/ลิตร ลดลง 1.25 บาท/ลิตร น้ำมันดีเซล เหลือ 26.50 บาท/ลิตร ลดลง 5 /ลิตร และราคาก๊าซธรรมชาติ 306.77 บาท/ล้านบีทียูลดลง 38 สตางค์/ล้านบีทียูและหากยังคงแข็งค่าต่อเนื่องจะส่งผลให้เอฟทีในงวดต่อไปมีแนวโน้มปรับลดลงอีกได้
นอกจากนี้ ในส่วนของวิกฤตพลังงาน ทำให้มีการใช้น้ำมันเตาและดีเซลลดลงจากที่สำรองไว้ จากเดิมที่คาดว่าจะสำรองน้ำมันเตา 132 ล้านลิตร และดีเซล 46 ล้านลิตรคิดเป็นต้นทุนเอฟทีที่ต้องเพิ่มขึ้น 2.56 สตางค์/หน่วยแต่มีการใช้จริงในส่วนของน้ำมันเตาแค่ 86.22 ล้านลิตร
และดีเซล 38.67 ล้านลิตร ทำให้ต้นทุนเอฟทีเพิ่มขึ้นแค่ 2.17 สตางค์/หน่วย เท่านั้น ซึ่งส่วนที่ลดลงดังกล่าวทำให้ค่าเอฟทีในงวดล่าสุดปรับลดลงได้
นายดิเรกกล่าวว่า จากกรณีค่าเงินบาทแข็ง ส่งผลต่อต้นทุนเชื้อเพลิงปรับลดลงนอกจากจะช่วยค่าเอฟทีลดลงได้แล้วยังเหลือวงเงินที่สามารถนำมาชำระหนี้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ค้างจากการอุดหนุนเอฟทีในงวดก่อนหน้าประมาณเกือบ6,000 ล้านบาท ได้คืนทั้งหมด
ทำให้ภาระหนี้ชดเชยค่าไฟฟ้าของกฟผ. เป็นศูนย์ ซึ่งหากไม่มีการชำระหนี้คืน กฟผ.ในงวดนี้จะส่งผลให้ค่าเอฟทีสามารถปรับลดลงไปได้อีก 3.86 สตางค์/หน่วยสำหรับมติดังกล่าว กกพ.จะนำรายละเอียดขึ้นเผยแพร่ผ่าน www.erc.or.th เพื่อรับฟังความเห็นจากประชาชนตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.-1 พ.ค. 2556ก่อนนำผลการรับฟังมาพิจารณาและประกาศอัตราคำนวนค่าเอฟทีดังกล่าวอย่างเป็นทางการ
นายดิเรกกล่าวถึงความคืบหน้าในการเปิดประมูลรับซื้อไฟฟ้าจากเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) รอบใหม่ว่าจะเปิดให้เอกชนที่ซื้อซองไปแล้วรวม 89 ซองเข้ายื่นข้อเสนอในวันที่ 29 เม.ย.นี้เบื้องต้นคาดว่าจะมีผู้สนใจไม่ต่ำกว่า 20 รายโดยต้องวางเงินหลักประกัน 3 ล้านบาท/ซอง โดยกกพ.จะทำการคัดเลือกเพื่อเสนอ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน พิจารณา ก่อนลงนามรับซื้อไฟฟ้าต่อไปโดยยังคงอยู่ในกรอบตามแผนพีดีพีที่ 5,400 เมกะวัตต์เริ่มจ่ายไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2564 ปีละไม่ต่ำกว่า 900 เมกะวัตต์เช่นเดิม
ที่มา: http://www.matichon.co.th/khaosod
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น