| |
BLAND ตั้งกองอสังหาฯส.ค.นี้
จับตา BLAND ลุยตั้งกองทุนอสังหาฯแบบ REIT ก.ค.-ส.ค.นี้ นำศูนย์การแสดงสินค้าอิมแพ็คฯขายเข้ากองทุน ฟันรายได้ไม่ต่ำกว่า 9 พันล้านบาท ขณะที่โบรกเกอร์ประเมินจะมีกำไรจากกองทุนอสังหาฯสูงถึง 5 พันล้านบาท ด้าน"อนันต์" แย้มผลประกอบการปี 55/56 พุ่ง100% เติบโตแบบก้าวกระโดด ส่งซิกมีโอกาสจ่ายปันผลสูงกว่างวดปีก่อน ด้านราคาหุ้นทั้งแม่ลูกกอดคอบวกทั้งคู่ โบรกฯมองเส้นเทคนิคสดใส แนะทยอยซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 2.10 บ.
ยังเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่มีกระแสข่าวดีออกมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับ บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BLAND หลังจากในช่วงต้นปีที่ผ่านมามีข่าวใหญ่จากการเข้าซื้อ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนเม้นท์ จำกัด (อิมแพ็ค) จนราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงจนติด Cash Balance ในช่วงเวลานั้นมาแล้ว ก่อนที่จะมาประกาศ ผลประกอบการรายไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2555 มีกำไรสุทธิจำนวน 772 ล้านบาท
และเมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ทางบอร์ดบริหารของ BLAND ได้มีมีมติแจก BLAND-W4 ให้ผู้ถือหุ้นเดิม(รวม 6950 ล้านหน่วย) ด้วยอัตราส่วน 2.59 หุ้นเดิม ต่อ 1 warrant ซึ่ง BLAND-W4 จะมีอัตราการใช้สิทธที่ 1:1 และราคาใช้สิทธิการแปลง 2 บาท/หุ้น ระยะเวลาการใช้สิทธิ 5 ปีเครื่องหมาย XW วันที 16 เม.ย. 56 โดยจะรอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติอีกครั้งวันที่ 11พ.ค. 56
จนล่าสุดวานนี้ (25 เม.ย.) ก็มีข่าวดีจาก BLAND ออกมาอีก จากปากของ นายอนันต์ กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ ว่าขณะนี้กำลังเตรียมทาง BLAND ออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการนำศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี มาจัดตั้งกองทุน ซึ่งจะสร้างรายได้จากการตั้งกองทุนนี้ได้ราวๆ 9 พันล้านบาท จากที่ก่อนหน้านี้ในช่วงปลายไตรมาส 3/2555 มีกระแสข่าวออกมาว่า มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนได้เข้าพูดคุยกับผู้บริหารของ BLAND เพื่อออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์อิมแพค
โดยราคาหุ้นของ BLAND วานนี้ (25 เม.ย.) ปิดการซื้อขายที่ระดับ 1.96 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท หรือ 1.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 628.72 ล้านบาท
ส่วนราคา BLAND -W3 ปิดการซื้อขายที่ระดับ 0.73 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ 1.39% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 23.64 ล้านบาท
*** ตั้งกองทุนอสังหาฯ ช่วง ก.ค.-ส.ค.นี้ มั่นใจโกยรายได้ 9 พันลบ.
นายอนันต์ กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BLAND เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆนี้บริษัทฯ ได้เซ็นสัญญากับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เพื่อจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) โดยการนำศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี มาจัดตั้งกองทุน ซึ่งจะเปิดขายช่วงเดือนก.ค. หรือส.ค. นี้ และคาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ประมาณ 9 พันล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะมีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บนที่ดินที่มีอยู่แล้วย่านศรีนครินทร์ ด้วยการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับหรู คาดใช้เวลาในการพัฒนา 7-10 ปี หรือประมาณ 1,500 ยูนิตต่อปี ขณะเดียวกันก็จะตั้งโรงงานที่ศรีนครินทร์เพื่อผลิตวัสดุสำหรับโครงการก่อสร้างที่ศรีนครินทร์ คาดใช้งบประมาณในการลงทุน 500 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังได้สร้างช้อปปิ้งมอลล์แห่งแรกในเมืองทองธานี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างและได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการอย่างมาก โดยมีท็อปซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นผู้เช่านำร่อง
นายอนันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของอิมแพ็คฯ หลังจากที่บริษัทฯ ถือหุ้น 100% ในปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯมีรายได้จากอิมแพ็คฯ สูงถึง 2.5 พันล้านบาท มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2.1 พันล้านบาท
*** ลุ้นปันผลงวด 55/56 สูงกว่างวดปีก่อน
นายอนันต์ เปิดเผยว่าบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลงวดปี 55/56 ให้กับผู้ถือหุ้นได้มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทฯ จ่ายปันผล 0.02 บาทต่อหุ้น โดยการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวถือว่าเป็นการจ่ายปันผลต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ในรอบ 10 ปีของบริษัทฯ หลังจากทิศทางรายได้และกำไรของบริษัทฯ ดีขึ้น โดยเฉพาะรายได้จากค่าเช่าที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากที่บริษัทฯเข้าซื้อหุ้นอิมแพ็คอารีน่า เพิ่มขึ้น จนทำให้ถือหุ้นเกือบ 100%
นอกจากนี้ยังคาดว่าผลประกอบการงวดปี 55/56 จะมีกำไรออกมาเป็นที่น่าพอใจ โดยคาดว่าจะโตประมาณ 100% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนผลประกอบการงวดปี 56/57 คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 4 พันล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นรายได้ที่มาจากบริการและค่าเช่า
'เราคงจะตอบสนองผู้ถือหุ้นด้วยการปันผล ซึ่งเราคาดว่าปี 55/56 จะจ่ายปันผลได้เป็นที่น่าพอใจ' นายอนันต์ กล่าว
*** เตรียมขยายพื้นที่ให้เช่าอีก 1 แสนตรม. - ผุดโรงแรม 3 ดาวอีก 1 แห่ง ช่วงต้นปีหน้า
นายอนันต์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนจะขยายพื้นที่ให้เช่าอีก 100,000 ตารางเมตร โดยใช้เงินลงทุนมูลค่าประมาณ 5-6 พันล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีพื้นที่ให้เช่ารวม 300,000 ตารางเมตร แต่การตัดสินใจในการขยายพื้นที่ให้เช่าดังกล่าวจะเกิดขึ้นในช่วงใดนั้น เพราะบริษัทฯ จะรอความชัดเจนจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูก่อนที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจของรัฐบาล
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังประเมินว่าการขยายพื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้นนั้น จะช่วยให้บริษัทฯ มีพื้นที่ให้เช่ารองรับตลาดที่จะเติบโตมากขึ้นจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในอีก 2 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้หากบริษัทฯ ได้แบรนด์ IBIS บริษัทฯ จึงจะมีแผนที่จะสร้างโรงแรมระดับ 3 ดาว อีก 1 แห่ง โดยมีที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับอิมแพ็คอารีน่า เมืองทองธานี ส่วนอัตราค่าเช่าห้องพักอยู่ที่ 500-700 บาทต่อคืน จำนวน 1,000 ห้อง โดยโครงการดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปีหน้าและใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 18 เดือน
ทั้งนี้นโยบายหลักของบริษัทฯ ยังคงมุ่งที่จะประกอบธุรกิจในด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยแบ่งเป็นรายได้ที่มาจาก 2 ทาง คือรายได้จากค่าเช่าและบริการ ซึ่งขณะนี้มีศูนย์การค้าให้เช่าที่อิมแพ็คอารีน่า ส่วนรายได้อีกทางหนึ่งเป็นรายได้จากยอดขาย เช่น การทำโครงการคอนโดมิเนียม และทาวน์เฮ้าส์
นอกจากนี้ประมาณเดือนตุลาคม 2556 บริษัทฯ จะเปิดตัวโครงการทาวน์เฮ้าส์เฟสแรกประมาณ 1,000 ยูนิต ซึ่งมีทำเลอยู่ที่ศรีนครินทร์ มูลค่าโครงการประมาณ 6 พันล้านบาท สำหรับโครงการดังกล่าวเป็น 1 ในแผนของการเปิดโครงการทั้งสิ้น 13,500 ยูนิต ภายใน 7-8 ปี บนเนื้อที่ 1,350 ไร่ หรือคิดเป็นมูลค่าโครงการประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยสร้างปีละประมาณ 1,500 ยูนิต
*** โบรกฯคาดบุ๊คกำไรจากการขายอิมแพคฯ 5 พันลบ.
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง ระบุว่า การตัดสินใจออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์อิมแพคของ BLAND อาจทำให้มีการปรับราคาที่ดินทางบัญชีของอิมแพคมากถึง 6,288 ล้านบาท และบันทึกกำไรจากการขายมากกว่า 5 พันล้านบาทในงบของบริษัท ซึ่งทางบริษัทยังมีการลงบัญชีในที่ดินเมืองทองธานีอีก 350 ไร่ ในราคาไร่ละ 2 ล้านบาท (ตาราวาละ 5 พันบาท) ถ้าเทียบเคียงราคาตลาด ตารางวาละ 40,000 บาท มูลค่าตลาดจะเป็น 5,600 ล้านบาท เทียบกับมูลค่าทางบัญชีที่ 700 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะนำเงินที่ได้จากการออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไปพัฒนาศูนย์ประชุมบนที่ดินถนนเพชรบุรี 7 ไร่ติดกับรถไฟมักกะสัน ซึ่งคาดว่าจะทำรายได้จำนวนมากให้กับบริษัท หลังจากลงทุนก่อสร้างภายใน 2-3 ปี
ขณะที่ นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ได้ประเมินสัญญาณทางเทคนิค ของ BLAND ในขณะนี้ว่า แม้ในช่วงนี้ราคาของ BLAND มีทิศทางทรงตัว แต่ทิศทางยังมีสัญญาณบวก สามารถทยอยซื้อได้ โดยให้แนวรับอยู่ที่ 1.92 บาท และแนวต้านที่ 2.10 บาท
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น