วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556

MAKRO ตกเป็นของ CPALL

 

                  

 

          

                             
         
             
ทุ่ม 1.89 แสนล้าน เทนเดอร์ 787 บ./หุ้น
              MAKRO ตกเป็นของ CPALL

    
     เรียบร้อยโรงเรียนเจ้าสัว CPALL เทหน้าตัก 1.89 แสนล้านบาท ตะครุบมิตรแท้โชว์ห่วย MAKRO ตั้งโต๊ะทำเทนเดอร์ที่ราคา 787 บาท/หุ้นครองหุ้นสุดส่วน 64.35% รอเพียงมติผถห.ไฟเขียว 12 มิถุนายน คาดกระบวนการแล้วเสร็จปลายเดือนเดียวกัน ยันไม่เพิ่มทุน แต่จะใช้กระแสเงินสดซื้อ 10% ที่เหลือกู้ SCB-สถาบันการเงินทั่วโลก ทั้งรูปเงินบาทและดอลล์ เผยหลังดีลซื้อ-ขายเสร็จสิ้น สัดส่วนหนี้สิน/อีบิทด้า จะอยู่ที่ 5 เท่า ระบุไม่มีแผนนำ MAKRO ออกจากตลาดหลักทรัพย์ อ้างอยากได้เพราะเอาไว้ต่อยอดลุย AEC

           หลังจากปล่อยให้เกิดกระแสคาดเดากันมานานร่วมเดือนถึงความชัดเจนของดีลกระหึ่มวงการคือกรณี MAKRO ในไทยหรือ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) จะถูกโละขายออกมาจากอ้อมอกบริษัทแม่ โดยตัวเต็งอันดับหนึ่งที่มีเสียงร่ำลือกันมานานว่าจะได้ไปได้แก่ CPALL ของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ในที่สุดก็ได้ไปในราคาสูงตามที่หลายฝ่ายคาดเดาด้วยมูลค่าประวัติศาสตร์
***MAKRO เผย CPALL ทำเทนเดอร์ซื้อหุ้นสัดส่วน 64.35% ราคา 787 บ.
      บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) MAKRO รายงานข้อมูลผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยช่วงเช้าวานนี้ (23 เมษายน) ว่า บริษัทได้รับแจ้งจากบริษัท เอสเอชวี โฮลดิ้ง เอ็นวี ( SHV ) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ว่า SHV ได้ตกลงทำสัญญากับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) CPALL ( บริษัทผู้ซื้อ ) เพื่อขายหุ้นทั้งหมดของ SHV และบริษัทในเครือของSHVที่ถือหุ้นในบริษัททั้งทางตรงและทางอ้อม จำนวน 154,429,500.00 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 64.35 ของจำนวนหุ้นที่ออก และจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดในราคา 787 บาทต่อหุ้นซึ่งเป็นราคาคำเสนอซื้อของบริษัทผู้ซื้อ โดยถือตามอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินบาทและดอลล่าห์สหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดว่าจะมีการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จประมาณวันที่ 30 มิถุนายน 2556 ทั้งนี้โดยขึ้นอยู่กับมติเห็นชอบของที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทผู้ซื้อและบริษัทผู้ซื้อจะต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดของบริษัทในราคา 787 บาท ต่อหุ้นภายใต้กฎระเบียบของคณะกรรมการกำกับตลาดทุนด้วย
***CPALL แถลงเหตุต้องการ MAKRO อ้างเพื่อต่อยอดลุย AEC
      นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) เปิดเผยในการแถลงข่าวบ่าย (23 เมษายน) วานนี้หลังคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติเข้าซื้อหุ้น บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO จำนวน 64.35% ในราคาหุ้นละ 787 บาท โดยซื้อจาก บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) , บริษัท สยามแม็คโคร โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท โอเอชที จำกัด รวมเป็นมูลค่า 121,536 ล้านบาท ว่า สาเหตุที่บริษัทฯ ไปซื้อหุ้น MAKRO เพื่อเตรียมความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC โดยบริษัทฯ จะใช้ MAKRO เป็นแขนขาในการรุกตลาดอาเซียน ซึ่งมีจำนวนประชากรสูงถึง 600 ล้านคน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดสาขาแรกได้ในประเทศลาว หรือเวียดนาม หลังจากนั้นจะพิจารณาประเทศอื่นๆ ต่อไป      อีกทั้งมั่นใจว่าการเข้าซื้อ MAKRO จะช่วยเสริมศักยภาพช่องทางการจำหน่ายสินค้าได้ เนื่องจาก MAKRO เป็นผู้นำการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสดแช่แข็ง ที่ประสบความสำเร็จมาโดยตลอด      โดย บริษัทฯ มีไลเซนส์ หรือใบอนุญาต ที่สามารถนำ MAKRO ไปเปิดสาขาได้ทุกประเทศในอาเซียน และจีน ยกเว้นอินเดีย โดยหากบริษัทฯต้องการเข้าไปทำธุรกิจในอินเดียต้องใช้เครื่องหมายการค้าอื่น
***มูลค่าดีลเฉียด 2 แสนล้านบาท ขอไฟเขียวผถห. 12 มิ.ย.
      หลังจากนั้น จะทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์กับผู้ถือหุ้นในส่วนที่เหลืออีก 85.57 ล้านหุ้น ในราคา 787 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 67,344 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับการซื้อหุ้นในครั้งแรกจำนวน 64.35% จะทำให้ CPALL ใช้เงินในการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ทั้งสิ้น 1.88 แสนล้านบาท โดยคณะกรรมการบริษัทฯ จะขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น วันที่ 12 มิถุนายนนี้ รวมทั้งจะขอมติเพื่อกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินเพื่อใช้ในการทำรายการดังกล่าว ในสัดส่วนที่ไม่เกินกว่าจำนวนที่ต้องชำระค่าตอบแทนในการซื้อหุ้นและการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ครั้งนี้
***ยันไม่คิดเพิ่มทุน แม้ดีลยักษ์ใช้วงเงินลงทุนมหาศาล
      นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ รองกรรมการผู้จัดการ CPALL เปิดเผยว่า การซื้อหุ้น MAKRO ครั้งนี้ จะใช้เงินทุนจำนวน 1.89 แสนล้านบาท โดยบริษัทฯจะใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดประมาณ 10% ส่วนที่เหลือจะกู้ยืมจากสถาบันการเงินชั้นนำทั่วโลก รวมทั้งธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) โดยเงินกู้จะมีทั้งเงินบาทและดอลลาร์ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเงินสกุลดอลลาร์ ซึ่งปัจจุบันมีธนาคารที่ตอบรับให้ธนาคารกู้แล้ว 5-6 แห่ง แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาเพิ่มเติมอีก คาดว่าจะมีสถาบันการเงินอื่นเข้ามาร่วมปล่อยกู้อีกในอนาคต
'ยืนยันว่าบริษัทฯ จะไม่เพิ่มทุนจดทะเบียน เนื่องจากการซื้อหุ้นครั้งนี้ขึ้นอยู่บนพื้นฐานที่ต้องการสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้น โดยยืนยันว่าการทำธุรกรรมนี้ไม่มีส่วนใดที่จะส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น จะไม่มีเรื่องการเพิ่มทุนและภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น และไม่ส่งผลกระทบต่อการจ่ายเงินปันผลหรือนโยบายปันผลของบริษัทฯ แต่อย่างใด รวมทั้งการกู้เงินครั้งนี้ก็ไม่มีเงื่อนไขกับธนาคารเรื่องการลดการจ่ายเงินปันผลลง ' นายเกรียงชัย กล่าว       ทั้งนี้ ภายหลังการซื้อหุ้น MAKRO เสร็จสิ้น บริษัทฯ จะมีสัดส่วนหนี้สินต่ออีบิทด้า จะอยู่ที่ประมาณ 5 เท่า ซึ่งถือว่าไม่สูงและอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยอัตราส่วนดังกล่าวจะลดลงเรื่อยๆตามแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้น       นายก่อศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การซื้อหุ้น MAKRO ครั้งนี้ไม่ได้แพง อย่างที่หลายฝ่ายมอง เนื่องจาก MAKRO เป็นบริษัทที่มีศักยภาพสูง บริษัทให้ราคาสูงจากรูปแบบการค้า และทีมงานที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นสิ่งที่ CPALL อยากได้มากที่สุด โดยยืนยันว่าภายหลังการซื้อหุ้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร MAKRO แต่อย่างใด
***เพิ่มศักยภาพยอดขายรวมตกปีละ 3 แสนล้านบาท
      ภายหลังการซื้อกิจการ MAKRO เสร็จสิ้นลง จะทำให้ยอดขายของ CPALL และ MAKRO มีมูลค่ารวมกันอยู่ที่ปีละ 3 แสนล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นตามการขยายสาขาในแถบอาเซียนและประเทศไทย แต่จะเติบโตอย่างไรนั้นคงต้องรอให้การซื้อกิจการครั้งนี้เสร็จสิ้นก่อน บริษัทฯ จึงจะประเมินแผนธุรกิจอีกครั้ง
***นายแบงก์อวยท่าพร้อมอัดฉีดเงินกู้หนุนดีล
      นายอาทิตย์ นันทวิทยา รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB กล่าวว่า หลังจากที่ CPALL ซื้อหุ้น MAKRO หนี้สินต่ออีบิทด้าที่ประมาณ 5 เท่า ซึ่งถือว่าไม่สูงเมื่อเทียบกับธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ โดยในบางบริษัทมีหนี้สินต่ออีบิทด้าสูงถึง 10 เท่าก็ยังสามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินได้ เนื่องจากธุรกิจค้าปลีกเป็นธุรกิจที่มีกระแสเงินสดสม่ำเสมอ และมีความมั่นคงสูง       'CPALL มีหนี้สินต่ออีบิทด้า ที่ 5 เท่า หมายความว่า เขามีศักยภาพในการชำระหนี้หมดใน 5 ปี หากไม่นำเงินไปทำอย่างอื่นเลย แต่ในทางปฏิบัติคงเป็นไปไม่ได้ ต้องมีการจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น และลงทุนอื่นๆ ซึ่งหากตัดเรื่องการจ่ายปันผลและการลงทุนออกไป บริษัทก็อาจจะสามารถชำระหนี้ได้หมดภายในระยะเวลา 10 ปี ถือเป็นระดับที่รับได้ และไม่มีความเสี่ยงต่อธนาคารแต่อย่างใด' นายอาทิตย์ กล่าว      นอกจากนี้ การซื้อกิจการในครั้งนี้ถือเป็นมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของไทย โดยมีมูลค่ารวมกันถึง 1.89 แสนล้านบาท
***MAKRO จดทะเบียน-ซื้อขายในกระดานหุ้นไทยต่อไปตามเดิม
      ผู้บริหาร CPALL ยังให้ข้อมูลอีกว่า ภายหลังการซื้อหุ้นจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ MAKRO และตั้งโต๊ะซื้อจากนักลงทุนรายย่อยเรียบร้อยแล้ว บริษัทฯ ไม่มีแผนที่จะนำ MAKRO ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยจะยังให้เป็นบริษัทจดทะเบียนต่อไป



      

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น