จีนกลายเป็นมหาอำนาจพลังงานทดแทนของโลก หลังรายงานจากออสเตรเลียระบุว่าจีนมีอัตราการใช้พลังงานทดแทนมากที่สุดในโลก
ชื่อ:  news_img_502998_1.jpg
ครั้ง: 1196
ขนาด:  26.9 กิโลไบต์

รายงานที่จัดทำโดยคณะกรรมาธิการด้านภูมิอากาศของรัฐบาลออสเตรเลีย ระบุว่า จีนได้เพิ่มปริมาณการใช้พลังงานทดแทนเพื่อให้เป็นไปตามพันธสัญญาสากลว่าด้วยการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน

ในรายงานดังกล่าวซึ่งมีชื่อว่า "ทศวรรษแห่งวิกฤติ: การริเริ่มลงมือต่อสู้กับภาวะโลกร้อน" แสดงให้เห็นว่า 2 ชาติเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง จีนและสหรัฐ กำลังดำเนินการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนให้เป็นไปตามพันธสัญญาสากล

รายงานระบุว่า จีนได้ลดปริมาณความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนในเศรษฐกิจเมื่อปีที่แล้ว มากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ อีกทั้งการขยายตัวของความต้องการใช้ไฟฟ้ายังลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง อีกทั้งหลังจากมีการใช้พลังงานถ่านหินอย่างหนักมาหลายปี ปรากฏว่าอัตราการเติบโตของพลังงานชนิดนี้ก็เริ่มลดลงอย่างมาก
นอกจากนี้ จีนยังเป็นที่รู้จักในฐานะมหาอำนาจด้านพลังงานทดแทนของโลก โดยมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะเพิ่มพลังงานทดแทนให้กับพลังงานที่หลากหลายในประเทศ

จากตัวเลขในรายงานฉบับนี้ระบุว่า ระหว่างปี 2548 ถึง 2555 จีนได้เพิ่มกำลังการผลิตพลังงานลมเกือบ 50 เท่า โดยปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตมาจากพลังงานลมในปี 2555 สูงกว่าในปี 2554 ประมาณ 36% นอกจากนี้ กำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ก็เพิ่มขึ้น 75% ในปีนี้ และคาดว่าศักยภาพในการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์จะเพิ่มขึ้น 3 เท่าเป็นกว่า 21,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2558

คณะกรรมาธิการด้านภูมิอากาศของออสเตรเลียยังชี้ให้เห็นว่า จีนลงทุนไป 6.51 หมื่นล้านดอลลาร์ในพลังงานสะอาดเมื่อปี 2555 ซึ่งนับว่ามากกว่าในปี 2554 ถึง 20% ตัวเลขดังกล่าวเทียบไม่ได้กับประเทศไหนในโลก รวมถึงกลุ่มประเทศจี 20 ที่นับรวมทั้งกลุ่มแล้วมีการลงทุนในพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้นเพียง 30% ในปี 2555


โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์